13 พ.ค. 2021 เวลา 13:31 • วิทยาศาสตร์ & เทคโนโลยี
รีวิวหนังสือ The Grand Design โดย Stephen Hawking และ Leonard Mlodinow
ก่อนจะเข้าสู่เนื้อหาการรีวิวของหนังสือเล่มนี้คงต้องขอแนะนำผู้เขียนหนังสือกันก่อนสักเล็กน้อย ผู้เขียนคนแรกนั้นหลายๆ คนอาจเคยได้ยินชื่อของเขากันมาก่อนแล้วนั่นก็คือ Stephen Hawking นักฟิสิกส์ทฤษฎีและนักจักรวาลวิทยาชื่อดังชาวอังกฤษ เขาได้คิดค้นทฤษฎีที่สำคัญเกี่ยวกับจักรวาลมากมาย เช่น การอธิบายการแผ่รังสีของหลุมดำ จนนักฟิสิกส์ต่างเรียกรังสีนั้นว่ารังสีของฮอว์คิง (Hawking Radiation) และเขายังมีผลงานเขียนหนังสือเกี่ยวกับจักรวาลและฟิสิกส์ที่โด่งดัง อีกหลายเล่ม เช่น A Brief History of Time
และผู้เขียนอีกคนหนึ่งนั้นก็คือ Leonard Mlodinow นักฟิสิกส์ทฤษฎีและนักคณิตศาสตร์ชาวอเมริกัน ผลงานของเขาที่เป็นที่รู้จัก เช่น The large expansion ซึ่งเป็นวิธีการที่ใช้ในการประมาณสเปกตรัมของอะตอม และเขายังเขียนหนังสือที่ได้รับความนิยมอีกมากมาย เช่น The Drunkard's Walk ซึ่งมีเนื้อหาเกี่ยวกับการสุ่ม (Randomness) ของเหตุการณ์ในชีวิตประจำวัน
Leonard Mlodinow (ด้านซ้าย) และ Stephen Hawking (ด้านขวา)
หนังสือ The Grand Design เป็นหนังสือที่มีเนื้อหาเกี่ยวกับการพยายามตอบคำถามต่างๆ เกี่ยวกับจักรวาล เช่น จักรวาลนี้มีจุดเริ่มต้นอย่างไร ใครหรืออะไรเป็นคนที่ทำให้ทุกอย่างรอบๆ ตัวเราดำเนินไปแบบที่มันเป็น ทำไมเราถึงอยู่ในโลกใบนี้ เป็นต้น ซึ่งหนังสือเล่มนี้ถือว่าเหมาะสำหรับผู้คนทั่วไปที่แม้จะไม่มีความรู้ทางฟิสิกส์มากนักก็ยังสามารถพอเข้าใจเนื้อหาต่างๆ ได้
โดยในตอนช่วงแรกของหนังสือนั้นจะมีเนื้อหาเกี่ยวกับความเป็นมาของทฤษฎีทางวิทยาศาสตร์ ซึ่งในยุคโบราณนั้นอยู่ในรูปแบบของปรัชญา ซึ่งปรัชญานั้นก็เป็นการตั้งคำถามเกี่ยวกับธรรมชาติและพยายามหาคำตอบของคำถามนั้น เมื่อเวลาผ่านไปเทคโนโลยีมีการพัฒนามากขึ้นจึงเกิดการทดลองและเกิดเป็นวิทยาศาสตร์ขึ้น
หลังจากการเข้ามาของวิทยาศาสตร์ ทฤษฎีต่างๆ ก็ถูกคิดค้นขึ้นอย่างมากมาย หากเปรียบจักรวาลเป็นแผนที่ของโลก ทฤษฎีหนึ่งทฤษฎีก็เปรียบเหมือนจิ๊กซอที่ไขความกระจ่างให้กับจุดๆ หนึ่งบนแผนที่ เมื่อนำหลายๆ ทฤษฎีมารวมกันก็จะสามารถต่อจิ๊กซอบนแผนที่ได้ใหญ่และชัดเจนขึ้น แต่ทฤษฎีต่างๆ นั้นไม่ได้มีขอบเขตชัดเจน บางทฤษฎีอาจมีพื้นที่บางส่วนที่ซ้อนทับกันอยู่ จึงน่าสงสัยว่าเราจะสามารถรวมทฤษฏีเหล่านี้เป็นทฤษฎีหนึ่งเดียวที่สามารถไขทุกคำตอบของจักรวาลได้หรือไม่
โดยหนังสือเล่มนี้จะค่อยๆ อธิบายหลักการและทฤษฎีทางวิทยาศาสตร์ต่างๆ ไปเรื่อยๆ ตั้งแต่ยุคที่คนยังเชื่อกันว่าโลกนั้นเป็นศูนย์กลางของจักรวาลจนมาถึงยุคของ เคปเลอร์ แมกซ์เวล นิวตัว ไอสไตน์ และตัวฮอว์คิงเองในปัจจุบัน ทฤษฎีต่างๆ ถูกพัฒนาไปมาก นอกจากนี้ยังมีการตั้งคำถามและเปรียบเทียบเรื่องความเชื่อทั้งในยุคสมัยก่อนและความเชื่อต่างๆ ที่ยังมีอยู่ในปัจจุบันมาพยายามอธิบายหาคำตอบทางวิทยาศาสตร์ เช่น คำถามเกี่ยวกับพระเจ้าและจุดกำเนิดของจักรวาล
ส่วนในช่วงหลังของหนังสือเล่มนี้ก็จะมีการอธิบายทฤษฎีทางวิทยาศาสตร์ต่างๆ ตั้งแต่ทฤษฎีของนิวตันที่ใช้อธิบายการเคลื่อนที่ของสิ่งต่างๆ ทฤษฎีควอนตัมฟิสิกส์ซึ่งเป็นทฤษฎีที่ช่วยทำนายถึงความน่าจะเป็นจากการทำงานของอนุภาคต่างๆ ทฤษฎีสัมพัธภาพของไอสไตน์ จนถึงทฤษฎีที่พยายามนำแรงต่างๆ ที่อยู่ในธรรมชาติมารวมกัน คือ String Theory
String Theory นั้นพยายามเอาแรงทั้งหมดในธรรมชาติมารวมอยู่ในทฤษฎีเดียว โดยใช้หลักการเปรียบเสมือนว่ามีเส้นใยเล็กๆ ที่เมื่อสั่นด้วยความถี่ที่ต่างกันจะส่งผลให้เกิดอนุภาคและแรงที่ต่างกัน เปรียบเหมือนกับสายเครื่องดนตรีที่เมื่อสั่นด้วยความถี่ต่างกันก็จะสร้างเสียงดนตรีที่มีโน๊ตต่างกันออกมา และทฤษฎี M-theory ที่เป็นทฤษฎีที่พยายามรวมทฤษฎี superstring ทุกรูปแบบเข้าด้วยกัน
String Theory
นอกจากนี้ยังมี Game of life ซึ่งเป็นเกมจำลองทางคณิตศาสตร์ที่อธิบายวิวัฒนาการของสิ่งมีชีวิต จากเงื่อนไขเริ่มต้นรูปแบบต่างๆ โดยมีรูปแบบเป็นตารางสองมิติ ซึ่งจะประกอบไปด้วยช่องที่มีแต่ละเซลล์อยู่ในนั้น และมีกฏต่างๆ ที่กำหนดการดำเนินเกม เช่น เซลล์ที่มีชีวิตอยู่ใดๆ (live cell) ที่มีเพื่อนบ้านที่มีชีวิตน้อยกว่าสองเซลล์จะตายทำให้ประชากรลดลง เป็นต้น
ตัวอย่างรูปแบบของ Game of life
โดยสรุปแล้วหนังสือเล่มนี้นั้นเหมาะกับทุกคนที่มีความสนใจและมีความสงสัยเกี่ยวกับเรื่องราวความน่าพิศวงของจักรวาล ซึ่งหนังสือเล่มนี้นั้นมีเนื้อหาที่สามารถอ่านได้เข้าใจไม่ยากนัก เนื่องจากมีการอธิบายเนื้อหาต่างๆ ไปเรื่อยๆ มีการปูเนื้อเรื่องตั้งแต่เรื่องราวของวิทยาศาสตร์และทฤษฎีต่างๆ ในอดีตจนถึงปัจจุบันทำให้สามารถเชื่อมโยงและเข้าใจภาพรวมการวิวัฒนาการของวิทยาศาสตร์ได้อย่างชัดเจน ทำให้ผู้อ่านสัมผัสได้ถึงความมหัศจรรย์ที่ลึกลับซับซ้อนของจักรวาลนี้
โฆษณา