Blockdit Logo
Blockdit Logo (Mobile)
สำรวจ
ลงทุน
คำถาม
เข้าสู่ระบบ
มีบัญชีอยู่แล้ว?
เข้าสู่ระบบ
หรือ
ลงทะเบียน
แจงรวิภา แป้นแก้ว
•
ติดตาม
14 พ.ค. 2021 เวลา 10:03 • สุขภาพ
แผลเบาหวานที่ขา เกิดการติดเชื้อ หลอดเลือดตีบแข็ง การไหลเวียนเลือดไม่ดี ไม่อยากถูกตัดขา ดูแลตนเองอย่างไร ให้แผลหาย ปลายขาไม่ขาดเลือด
บทความที่ 0047/1000 ความท้าทาย
EP 08/10 การดูแลแผลด้วยตนเอง
เบาหวาน เป็นภาวะที่ร่างกายมีน้ำตาลในเลือดสูงกว่าปกติเนื่องจากการขาดฮอร์โมนอินซูลินหรือเกิดการดื้อต่อฮอร์โมนอินซูลิน
ขอบคุณภาพจากผู้ขอคำปรึกษา ทางไลน์
ระยะเวลาที่น้ำตาลในเลือดสูง นานมากเท่าไหร่ นั่นหมายความว่าอวัยวะภายในร่างกาย รวมทั้งหลอดเลือดเกิดการถูกทำลายเสียหายมากขึ้นตามเท่านั้น
ดังนั้นการป่วยด้วยโรคเบาหวานมาเกิน 5 ปี ควรฝึกการประเมินหลอดเลือดส่วนปลายเป็น ตั้งแต่ดูการไหลเวียนเลือดไปเลี้ยงส่วนปลาย ด้วยการกดที่ปลายเล็บค้างไว้จนเล็บขาวซีด ปล่อยทันที เล็บจะเป็นสีชมพูภายใน 3 วินาที
ภาพจากกล้องมือถือ realme 7 pro
กดไปที่เล็บ จะเห็นว่าเล็บเป็นสีขาว ปล่อยมือที่กด ทันที เล็บจะมีสีชมพูดังเดิม
ภาพจากกล้องมือถือ realme 7 pro
ฝึกการจับชีพจรที่หลังเท้า สามารถจับชีพจรได้ด้วยตนเอง ด้วยการวางนิ้วชี้ นิ้วกลาง หรือ นิ้วนางไปบริเวณร่องระหว่างนิ้วหัวแม่เท้า กับนิ้วชี้
ภาพจากกล้องมือถือ realme 7 pro
ประเมินความแรงของชีพจร เปรียบเทียบกับของคนอื่น ที่ต่างเพศ ต่างวัยเพื่อให้รับรู้ถึงความแตกต่าง จะได้มีความชำนาญมากยิ่งขึ้นในการดูแลตนเอง
สังเกตอาการชา ปลายมือปลายเท้า หรืออาการเจ็บแปล๊บ ๆ ที่ปลายเท้า การควบคุมระดับน้ำตาลที่ผ่านมาเป็นอย่างไร มีอาการเหนื่อยง่าย อ่อนเพลียหรือไม่ ตามัวหรือยัง
ถ้าผลออกมาทั้งหมดเป็นไปในทางไม่ดีเช่น การไหลเวียนก็ไม่ดี เล็บที่กดเป็นสีชมพูนานเกิน 3 วินาที คลำชีพจรบริเวณหลังเท้า เบามาก เริ่มชาปลายเท้า ที่ผ่านมาควบคุมระดับน้ำตาลได้ไม่ดี ระดับน้ำตาลเกิน 180 มิลลิกรัมต่อเดซิลิตร
นั่นหมายความว่า หลอดเลือดเกิดการเสียหายจากน้ำตาลที่สูงอย่างยาวนาน เกิดกระบวนการทำลายโปรตีนของหลอดเลือดจากน้ำตาล เรียกว่ากระบวนการไกลเคชั่น
เม็ดเลือดถูกน้ำตาล ทำปฏิกิริยาเช่นเดียวกับกับหลอดเลือด ผลการตรวจน้ำตาลสะสมในเม็ดเลือดเฉลี่ยหรือที่เรียกว่า ฮีโมโกลบิน เอ วันซี (Hemoglobin A 1c)
ค่าระดับน้ำตาลในเลือดสะสมค่าปกติควรต่ำกว่า 6 มิลลิกรัมเปอร์เซ็นต์ ถ้าสูงกว่า 6 มิลลิกรัมเปอร์เซ็นต์มากเท่าไหร่นั่นหมายถึง ระยะเวลา 2-3 เดือนที่ผ่านมา
เซลล์ส่วนปลายขาดออกซิเจน และไม่สามารถกำจัดคาร์บอนไดออกไซด์ ออกจากเซลล์ได้จึงเกิดอนุมูลอิสระขึ้นในเซลล์มากมาย จากกระบวนการสร้างพลังงานให้กับเซลล์ไม่สมบูรณ์
เกิดภาวะกรดขึ้นในเซลล์ เซลล์จะถูกทำลายและเสียหายไปทุกวัน เซลล์ที่แข็งแรง ที่สามารถทำงานได้ดีจะต้องมีความสมดุล ทั้งสมดุลกรดด่างในร่างกาย เซลล์ที่แข็งแรงต้องการสภาพแวดล้อมที่เป็นด่างอ่อน ๆ (PH ปกติในเลือดอยู่ที่ 7.35-7.45)
ทำไมผู้ป่วยรายนี้แค่ติดเชื้อ ทำไมแผลลุกลามเกือบทั้งขา เพราะภาวะที่ร่างกายเป็นกรด จะทำให้เม็ดเลือดแดงจับตัวกันเป็นกลุ่ม นอกจากเม็ดเลือดแดงจะถูกน้ำตาลทำลาย เม็ดเลือดแดงยังจับตัวกันเป็นกลุ่ม
ทำให้เม็ดเลือดแดง ไม่สามารถขนถ่ายออกซิเจน และขนคาร์บอนไดออกไซด์ออกมากำจัดทิ้งที่ปอดได้ เม็ดเลือดที่เกาะกลุ่มยังขัดขวางการไหลเวียนและไปอุดตันตามหลอดเลือดฝอยได้ง่ายขึ้น
ยิ่งหลอดเลือดตีบแข็ง ไม่ยืดหยุ่นเม็ดเลือดที่ถูกน้ำตาลเกาะก็จะแข็งไม่สามารถบิดตัวเองเพื่อให้ไหลเวียนไปในหลอดเลือดเล็ก ๆ ได้ ยิ่งเพิ่มปัจจัยทำให้เซลล์ขาดเลือดมากยิ่งขึ้น
ระดับน้ำตาลที่สูงในหลอดเลือด ทำให้ระบบภูมิคุ้มกัน ทำงานแย่ลง เม็ดเลือดขาวไม่สามารถเคลื่อนที่ไปกำจัดเชื้อโรคได้
นอกจากนั้นเม็ดเลือดแดงที่เกาะกลุ่มยังขัดขวางการทำงานของเม็ดเลือดขาวทำให้ไม่สามารถเคลื่อนที่ไปกำจัดเชื้อโรคได้ นอกจากนั้นน้ำตาลที่สูงในเลือดยังเป็นแหล่งอาหารอย่างดีให้กับเชื้อแบคทีเรีย
ทำให้เชื้อโรคเติบโตเพิ่มปริมาณได้อย่างรวดเร็ว จะสังเกตได้ว่าในผู้ป่วยเบาหวานแพทย์มักจะให้กินยาแอสไพริน เพื่อให้เลือดใสขึ้น ลดการเกาะกลุ่มของเม็ดเลือดแดง
แต่ถ้าแนวธรรมชาติบำบัด จะให้กินน้ำมันปลาโอเมก้าสาม ให้เพียงพอ แทนการกินยาแอสไพริน และโอเมก้าสาม ยังลดกระบวนการอักเสบในร่างกายได้ดีอีกด้วย ถ้าใครที่ไม่ได้กินยาแอสไพริน
สามารถกินโอเมก้าสาม ได้ถึงวันละ 10,000 มิลลิกรัม ขนาดนี้จะรักษาโรคซึมเศร้าได้โดยไม่ต้องใช้ยาต้านเศร้า แต่ถ้าใครรักษากับแพทย์ ควรให้แพทย์เป็นผู้ดูแล แต่ถ้าใครอยากรับผิดชอบชีวิตตนเอง ก็สามารถหาทางเลือกให้กับชีวิตตนเองได้
นอกจากนี้น ความเป็นกรดในร่างกาย ยังส่งสัญญาณยับยั้งการทำของเซลล์ที่สร้างกระดูก (Osteoblasts) และกระตุ้นให้เซลล์สำหรับสลายกระดูก (Osteclast) ทำงานมากขึ้นส่งผลให้มวลกระดูกลดลง (Tucker et. al., 2001)
ดังนั้นคนที่เป็นเบาหวานมานาน ๆ ถ้าตรวจมวลกระดูกจะพบว่ามวลกระดูกลดลง น้ำหนักลดลง ร่างกายที่มีสภาวะความเป็นกรดจะทำให้เซลล์มะเร็งเติบโตได้ดี ยังทำให้การสร้างเม็ดเลือดลดลง
เม็ดเลือดที่มี ทำงานไม่ได้ ตายไป ร่างกายยังไม่สามารถสร้างใหม่ขึ้นมาทดแทนได้ทัน ผลตรวจเลือดจะพบระดับเม็ดเลือดอาจลดลง ยิ่งส่งผลเสียต่อสุขภาพ เป็นวงจรที่ตัดไม่ขาด
การดูแลตนเองเพื่อลดภาวะความเป็นกรด ให้กินอาหารที่มีฤทธิ์เป็นด่าง อย่างเช่นสาหร่ายวากาเมะ น้ำใบย่านางคั้นสดผสมใบเตย หรือทำชามะละกอผสมใบเตยต้มดื่มแทนน้ำได้
ดังนั้นการที่เราจะดูแลทั้งระบบหลอดเลือด เม็ดเลือด ระบบฮอร์โมนอินซูลิน และฮอร์โมนตัวอื่น ๆในร่างกายต้องกลับมาที่พื้นฐานของสุขภาพคืออาหาร ที่มีสารอาหารครบถ้วน กากใยเพียงพอ
ระบบจุลินทรีย์ในลำไส้สมดุล ทั้งสามชนิด คือมีทั้งแบคทีเรียตัวดี แบคทีเรียตัวร้าย แบคที่เรียฉวยโอกาส สมดุลกัน ดังนั้นการปรับพฤติกรรมในผู้ป่วยเบาหวานจึงเป็นเรื่องยากมาก
ยังมีเรื่องอนุมูลอิสระทำลายทุกระบบร่างกาย ดังนั้นคนที่ป่วยด้วยโรคเบาหวานจึงมีความเสี่ยงเกิดโรคได้ทุกระบบ ตั้งแต่ความเครียดจนถึงอาการซึมเศร้า โรคจิต สมองเสื่อม อัลไซเมอร์
ระบบหัวใจและหลอดเลือด ก็มีปัญหา ไม่แตกต่างกัน ระบบหัวใจได้พลังงานไม่เพียงพอจากการเผาผลาญน้ำตาลไม่ได้ เนื่องจากอินซูลินไม่สามารถพาน้ำตาลเข้าเซลล์ได้
ร่างกายก็ไม่สามารถเผาผลาญไขมันเป็นพลังงานได้ เพราะมีน้ำตาลมาก หัวใจจึงต้องทำงานหนักมากกว่าปกติ ดังนั้นคนที่เป็นเบาหวานถ้าเอกซเรย์ปอด จะพบว่าหัวใจโตมากผิดปกติ
เป็นเหตุผลว่าทำไม คนที่เป็นเบาหวานถึงมักเกิดแผลที่ปลายเท้า แผลหายช้า เพราะการไหลเวียนไปเลี้ยงที่ปลายเท้า นอกจากอาศัยแรงบีบตัวของกล้ามเนื้อหัวใจแล้ว
ยังต้องอาศัยแรงบีบและคลายตัวของหลอดเลือดช่วย แต่หลอดเลือดของคนที่เป็นโรคเบาหวานเสียหายจากน้ำตาลเกิดการตีบแข็ง ไปแล้ว ทำให้ระบบการไหลเวียนเลือดล้มเหลว เซลล์ยิ่งเพิ่มความเสียหายและตายมากยิ่งขึ้น
คนไข้จะต้องเรียนรู้ เรื่องของร่างกาย สัญญาณเตือนต่าง ๆ การฟื้นฟูระบบหลอดเลือด ฮอร์โมน การใช้ยาเคมีอย่างเดียว ไม่ได้ทำให้สุขภาพกลับมาดีได้ อาหารที่ดีเท่านั้น
การปรับพฤติกรรมไม่มีสูตรสำเร็จตายตัว เพราะคนเราแต่ละคนร่างกายประกอบด้วยยีนส์ ที่แตกต่าง เราจึงจำเป็นต้องเรียนรู้และปรับอาหารไปในแต่ละวัน
ตัวอย่างเคสผู้ป่วยที่หลอดเลือดตีบแข็ง ที่แนะนำให้ใช้ยาตามแผนการรักษาควบคู่ไปก่อน ค่อย ๆ เรียนรู้และปรับพฤติกรรมการบริโภคไปทีละอย่าง จนเกิดทักษะ เชี่ยวชาญในเรื่องของสุขภาพของตนเอง
ฝึกการควบคุมความเครียด ในแต่ละวัน ความเครียดที่เกิดจากจิตใจ ที่อยู่ในระดับสูงและยาวนานจะส่งผลต่อฮอร์โมนคอร์ติซอล ทำให้ร่างกายจะสลายไขมันและโปรตีนมาเป็นน้ำตาล ทำให้คนที่เป็นเบาหวานนาน ๆ กล้ามเนื้อจะลีบ
เกิดจากความเครียดทางร่างกายที่เซลล์ขาดพลังงาน ขาดออกซิเจน คาร์บอนไดออกไซด์คั่ง เกิดอนุมูลอิสระมาก ไปทำลายเซลล์ทุกเซลล์ ทุกระบบ
ทำให้การฟื้นฟูสุขภาพในผู้ป่วยเบาหวานเป็นเรื่องที่คนไข้ต้องพึ่งตนเอง ไม่สามารถพึ่งพาระบบสุขภาพและยาจากโรงพยาบาลได้เลย
คนไข้จะเรียนรู้ว่าอาหารแต่ละประเภทที่ตนเองกินได้ กินไม่ได้ อาหารทดแทนคืออะไร ทำอย่างไรถึงจะควบคุมน้ำตาลให้อยู่ในระดับปกติโดยไม่ต้องใช้ยา
ทำอย่างไรที่จะทำให้ฮอร์โมนอินซูลินหายดื้อกลับมาทำงานได้ตามปกติ ทำอย่างไรถึงจะควบคุมระดับฮอร์โมนคอร์ติซอลให้ได้ แบบนี้ถึงจะถือว่าเป็นสุขภาพระดับบุคคล
สำหรับคำแนะนำภาพรวมที่คนส่วนใหญ่เป็นกัน คือการขาดสารอาหาร ขาดโครเมียม ขาดโคเอ็มไซส์ทั้งกลุ่มวิตามินบี และโคคิวเท็น ขาดพฤษเคมี ขาดกากใย คำแนะนำทั่วไปส่วนมากจึงไม่ได้ผล
เพราะผู้ป่วยต้องฝึกทักษะด้วยตนเอง สิ่งที่ต้องจัดการเป็นอันดับแรกคือต้องงดการกินไขมันทรานส์ ใช้ไขมันดีให้เพียงพอ กินคาร์โบไฮเดรตที่มีกากใย ลดอาหารแปรรูปทุกชนิด
ฝึกเริ่มต้นจากการดูแลตนเองแบบง่าย ๆ อย่างนี้ก่อน ถ้าทำได้แล้ว เพิ่มการเรียนรู้เรื่องยา การออกฤทธิ์ของยา อาการข้างเคียงของยา แค่นี้คุณก็ควบคุมชะตาชีวิตตัวเองได้แล้ว
สรุปการดูแลแผลที่เกิดจากหลอดเลือด และเกิดการติดเชื้อ ทำแผลตามปกติด้วยน้ำเกลือล้างแผล ถ้ามีเนื้อตายใช้ซิลเวอร์ครีมกัดเซลล์ที่ตายออก หลังแผลแดงดี ปิดด้วยโฟม ไม่ต้องเปิดแผลจนครบ 7-10 วัน
ต้องดูแลเรื่องการฟื้นฟูเซลล์หลอดเลือดและเซลล์เม็ดเลือดด้วยสารอาหาร และการปรับสมดุลร่างกาย ถ้าใครเจอปัญหาทักไลน์ส่วนตัวมาได้ค่ะให้คำปรึกษาฟรีค่ะ
แจง รวิภา ผู้เขียน
ผู้ออกแบบชีวิตตนเอง ปรับความคิดอารมณ์พฤติกรรมด้วยเทคนิค CBT and IPT and NLP
ลิงค์ไลน์https://line.me/ti/p/gA2H95GJ7A
บันทึก
1
5
ดูเพิ่มเติมในซีรีส์
การดูแลแผลด้วยตนเอง
1
5
โฆษณา
ดาวน์โหลดแอปพลิเคชัน
© 2024 Blockdit
เกี่ยวกับ
ช่วยเหลือ
คำถามที่พบบ่อย
นโยบายการโฆษณาและบูสต์โพสต์
นโยบายความเป็นส่วนตัว
แนวทางการใช้แบรนด์ Blockdit
Blockdit เพื่อธุรกิจ
ไทย