14 พ.ค. 2021 เวลา 12:00 • การศึกษา
โควิดหาย ชั้นจะไปเรียนต่ออออออ
ช่วงนี้แม้จะยังบินไปไหนไม่ได้ แต่ก็เป็นเวลาทองสุด ๆ ที่ทุกคนจะได้ฝึกฝน 4 สกิลท็อปให้เชี่ยวชาญก่อนที่จะโบยบินไปเรียนต่อต่างประเทศกัน!
บอกเลยว่าฝึกไว้แล้วจะไม่พลาดโอกาสดี ๆ ชัวร์!!
#SEEN #AbilitytobeSEEN
#Skills #StudyingAbroad #เรียนต่อต่างประเทศ #ทักษะ #เสริมทักษะ
1. Skill นักสืบ
นักสืบ ไม่ใช่สืบอะไรนะ แต่ต้อง “สืบหาข้อมูล” ให้ครบ แล้วแพลนให้ดี! (ที่เค้าเรียกว่า Information Seeking Skill)
เพราะขั้นตอนแรกที่จะพลาดไม่ได้เลยถ้าอยากไปเรียนต่อ โดยเฉพาะต่างประเทศ
ก็มีโอกาสที่ค่าใช้จ่ายอาจจะแพงหูฉี่ ละยิ่งไปไกลอีก หูยยย.. ต้องทุบกระปุกหมูไปกันเลยทีเดียว
แต่อย่างไรก็ตาม ถ้าเรามี “Skill นักสืบ” ที่ช่างค้นหา บอกเลยว่าน่าจะเป็นกำไรสุด ๆ เลยล่ะ! ยิ่งเราหาเก่งขนาดไหน เราก็อาจจะเจอทุนน่าสนใจมากมาย หรือทุนลับที่สื่อไทยอาจจะไม่ได้เอามา PR ก็ได้! ซึ่งมีโอกาสที่เราจะได้ตัดคู่แข่งจำนวนมากไปได้อี้กกกก
และอีกหนึ่ง ทักษะสำคัญ คือ “Skill นักวางแผน”
วางแผนเก่งคือได้เปรียบไปอีกกก ยิ่งช่วงนี้ยังมีเวลาให้เตรียมตัว ก็อย่าลืมทบทวนกับตัวเองให้ดีก่อน ว่า
1. สรุปเราต้องการอะไร? และ อยากเรียนอะไรกันแน่?
2. จบมาแล้วอยากจะทำอะไรต่อ?
3. ไปมหาลัยไหน ประเทศไหนดี?
4. ต้องใช้คะแนน/ เอกสารอะไรบ้าง? เราเตรียมพร้อมพอหรือยัง?
5. ถ้าได้ทุน ต้องเตรียมอะไรเพิ่มไหม?
6. งบประมาณที่ต้องใช้ประมาณเท่าไหร่ รวมค่าเช่าหอ ค่ากิน ค่าเที่ยวเล่น บลา ๆ
7. จะไปเมื่อไหร่? ตั้งเป้าหมายไว้ให้ดีนะ ไม่งั้นติดลมแน่ ๆ !
ถ้ามีสกิลเหล่านี้แล้ว ก็บอกเลยว่าก็ได้เปรียบกว่าหลายคนแล้วน้าาาา!
เตรียมตัวให้ดีไว้ ไม่หลุดแผนชัวร์!
กิ้งก่าเปลี่ยนสีเก่ง เราก็ปรับตัวได้!
แต่ในเคสนี้ เป็นการเปลี่ยนสีในแง่ของการปรับตัว!
ซึ่งถ้าถามว่าไปอยู่ตรงนั้น เราต้องใช้ทักษะของการปรับตัว (Adaptability Skill) ในแง่ไหนบ้างละก็…
1. รูมเมท (Roommates): สำหรับใครที่นอนคนเดียวหรืออยู่กับครอบครัวมาซะนาน ก็อาจจะไม่ชินกับการที่ต้องอยู่กับรูมเมท ต้องปรับตัวเยอะหน่อย ถ้าสมมตินอนห้องเดียวกัน ก็อาจจะต้องคุมเรื่องเวลาการปิด/เปิดไฟ, การคุยโทรศัพท์ หรือการจัดห้องให้เป็นระเบียบ เป็นต้น หรือถ้าหากเป็นเรื่องการใช้ห้องน้ำ ถ้าเราสามารถปรับตัวได้ก็จะช่วยลดค่าใช้จ่ายได้เยอะเลยนะ เพราะส่วนใหญ่ถ้าหอ/ที่พัก ที่มีห้องน้ำส่วนตัว ราคาก็จะอัพเป็นอีกเรทเลยหละจ้า!
2. การเดินทาง (Transportation): ถ้าอยู่ไทยไม่ค่อยได้นั่งรถสาธารณะ อย่างรถเมล์ / BTS / MRT หรือ Taxi ล่ะก็ ไปอยู่ต่างประเทศก็อาจจะต้องปรับตัวกันเยอะหน่อย โดยเฉพาะรถเมล์ ที่อาจจะใช้บ่อยขึ้น (เพราะเค้ามาตรงเวลาสุด ๆ เผลอ ๆ บางประเทศก็มีแอพให้เราเช็คเพื่อช่วยบริหารเวลาได้ไปอี้กก) หรือบางทีการเดินหรือการปั่นจักรยานก็อาจจะเป็นสิ่งที่คนที่นั่นทำกันเป็นส่วนใหญ่ ซึ่งเมื่อไปถึงก็อย่าลืมลองไปคำความคุ้นเคยเส้นทางและเลือกวิธีที่เหมาะที่สุดกันนะ!
3. สิ่งรอบตัว (Surroundings): นักเรียนต่างชาติหลายคนที่ย้ายไปเรียนต่อส่วนมากจะประสบปัญหา Culture Shock เยอะมากกก เนื่องจากบางประเทศก็มีวิธีการใช้ชีวิตต่างจากที่ไทยมาก เช่น บางอย่างทำที่ไทยก็ปกติ มาทำที่นี่ทำไมคนมองเราแปลก ๆ นะ… ซึ่งมันก็ไม่ใช่เรื่องที่ผิดเลย แต่แค่เราอาจจะต้องใช้เวลากับการฝึก ‘ทักษะการสังเกต’ สิ่งรอบตัวซะหน่อยว่าเค้าทำอะไรกันบ้าง และก็ลองตัวปรับตาม!
“ทักษะการสื่อสาร” นับว่าเป็นสกิลที่ขาดไม่ได้เลยไม่ว่าจะอยู่ประเทศไหนก็ตาม!
ถ้าไปเรียนต่อต่างประเทศ สิ่งที่เราควรจะมีที่เกี่ยวข้องกับการสื่อสารก็คือ
1. ทักษะภาษา: ยิ่งถ้าเราไปเรียนต่อประเทศที่เป็นภาษาที่เราไม่คุ้นชิน ก็อาจจะต้องใช้เวลาหน่อยในการปรับตัว ซึ่งสิ่งนี้ผู้เชี่ยวชาญทางภาษามากมายก็ได้แนะนำให้เรา “ลองใช้ให้มากที่สุด” ซึ่งไม่ต้องกลัวว่าจะผิดเลย เพราะความผิดพลาด ก็จะเป็นวิธีที่เราจะเรียนรู้ได้มากที่สุดหนึ่งวิธีเลยล่ะ! วิธีที่จะลองง่ายที่สุดก็คือ ลองไปสั่งอาหารดู หรือลองคุยกับคนในท้องถิ่นก็ได้! เชื่อสิว่าเค้าก็ยินดีที่จะช่วยเหลือเราแน่นอน!
2. ทักษะการสื่อสาร: ถ้านอกจากเรื่องภาษาแล้ว ทักษะการสื่อสาร ถึงแม้จะฟังดูง่ายก็ตาม บางทีก็มีความซับซ้อนอยู่ในตัว! ไม่ว่าจะเรื่องมารยาทในการฟังคนอื่นอย่างตั้งใจ ไม่พูดแทรก เรื่องการเลือกใช้คำ และอีกมากมาย เพราะบางอย่างในไทยอาจจะมองดูปกติมาก เค้าก็ทำกัน แต่กลับเป็นสิ่งที่เซนซิทีฟมากในต่างวัฒนธรรม… ฉะนั้น จะไปประเทศไหนก็อย่าลืมศึกษากันให้ดีก่อนน้าาา เพราะนี่ก็อาจจะเป็นจุดที่ทำให้คนอื่นประทับใจในตัวเรา และเราก็จะได้เพื่อน หรือคอนเนคชั่นใหม่ ๆ กลับมาด้วยยยยย
การจะไปอยู่หรือไปเรียนต่อต่างประเทศได้ นอกจากที่เราจะต้องเตรียมตามที่แนะนำไปก่อนหน้านี้ได้ทั้งหมด ก็ต้องอาศัยความอึด ถึก ทน พอสมควร เพราะไม่ใช่ว่าวันเดียวจะทำได้ทั้งหมด…
- บางคนพอลิสต์ ๆ มหาลัยที่ตัวเองชอบ พอมาถึงการ ‘เลือกคณะหรือเอก’ แล้วเจอข้อมูลเยอะแยะมากมาย ก็กลับกลายเป็นว่า “เหนื่อยละ… ขี้เกียจหาต่อละ” หรือ “ไม่เจอสิ่งที่ชอบเลย…” แล้วทำเอาถอดใจกันไปเยอะ… ก็มีไม่น้อยเลย
- สำหรับบางคนลิสต์ไปลิสต์มา อยู่ดี ๆ ก็กลัวคิดถึงบ้านไปก่อนซะงั้น อันนี้ก็อาจจะต้องชั่งน้ำหนักกันดูให้ดีว่าเราจะแพลนอนาคตของเราไปทางไหน ซึ่งถ้าหากใครอยากจะเอาชนะความกลัวของตัวเองในเรื่องนี้ ก็มีวิธีมากมายที่จะช่วยให้เราเอาชนะได้ ไม่ว่าจะเป็นการแพลนกิจกรรมตัวเองให้แน่น ๆ ไปเลย, หาเรื่องออกไปเที่ยวบ่อย ๆ ตอนอยู่ที่นั่น, ออกไปเรียนรู้วัฒนธรรมใหม่ ๆ และคุยกับคนใหม่ ๆ เยอะ ๆ ก็จะช่วยให้เราหายคิดถึงบ้านได้นะ
โฆษณา