14 พ.ค. 2021 เวลา 14:30 • กีฬา
เซอร์อเล็กซ์ เฟอร์กูสัน เมื่อโชคดีที่ยังมีชีวิต จึงปกป้องความทรงจำไม่ให้สูญหายไป
3 ปีก่อน เกิดข่าวใหญ่ที่ทำให้โลกลูกหนังทั้งใบต้องพร้อมใจกันยกมือขอพรและสวดภาวนาไปด้วยกัน เมื่อ เซอร์อเล็กซ์ เฟอร์กูสัน ตำนานผู้จัดการทีมผู้ยิ่งใหญ่ของทีม ‘ปีศาจแดง’ แมนเชสเตอร์​ ยูไนเต็ด ล้มในบ้านพัก และพบว่าเลือดออกในสมอง
2
สำหรับชายวัย 76 ปี อาการระดับนี้หมายถึงความเป็นกับความตายเสมอกัน และต่อให้รอดพ้นจากคมเคียวพญามัจจุราชมาได้ ก็ไม่ได้หมายความว่าทุกอย่างจะสามารถกลับมาเป็นปกติ
1
โชคดีสำหรับบรมกุนซือแห่งโอลด์แทรฟฟอร์ดที่แพทย์สามารถช่วยชีวิตเขาเอาไว้ได้ในวันนั้นจากการผ่าตัดด่วน แต่สำหรับคนที่เพิ่งพ้นจากความตายมาหมาดๆ อย่างเซอร์อเล็กซ์ มันมีสิ่งที่ทำให้เขากลัวจับใจ
“ผมพยายามจะลุกจากเตียงและจากนั้นก็หมดสติล้มไปเลย” เฟอร์กีเล่าถึงเหตุการณ์ครั้งนั้น “ผมโชคดีมากเพราะผมล้มลงใส่ชั้นวางรองเท้า รองเท้าก็เลยกระจายเต็มไปหมดเกิดเสียงดัง เคธี (ภรรยา) อยู่ข้างล่างพอดี รีบขึ้นมาและให้ผมนั่งพิงฝาผนัง
“และนั่นคือสิ่งสุดท้ายที่ผมจำได้”
2
ถึงแม้การผ่าตัดจะประสบความสำเร็จด้วยดี แต่อาการข้างเคียงจากการผ่าตัดและบาดแผลที่มาจากการกระทบกระเทือนอย่างรุนแรงที่สมอง ได้ทำให้ชายผู้ยิ่งใหญ่ที่สุดของวงการฟุตบอลอังกฤษ และอาจหมายถึงวงการฟุตบอลระดับโลก พูดไม่ได้
2
เฟอร์กีผู้ที่ได้รับการจดจำในฐานะ ‘เครื่องเป่าผม’ พูดไม่ได้ขึ้นมาเฉยๆ และมันก็นำมาซึ่งความรู้สึกกลัวที่สุดในชีวิตที่เขาเคยพบเจอมา
“ผมรู้สึกกังวลมาก หลังการผ่าตัดผมได้สูญเสียเสียงของผม และนั่นคือส่วนที่น่ากลัวที่สุด ผมรู้ว่าผมยังมีชีวิตอยู่ แต่ลึกๆ ในใจของผมก็เริ่มคิด ​‘ผมจะรู้ได้อย่างไรว่าพวกเขาพูดความจริงกับผมหรือเปล่า?’ การผ่าตัดประสบความสำเร็จก็จริง แต่ผมต้องอยู่กับความเดียวดาย มันน่ากลัวมาก และตอนที่ผมสูญเสียการเปล่งเสียงของผมไป ผมคิดว่า ‘พวกเขาไม่เคยบอกกับผมว่าสิ่งนี้อาจจะเกิดขึ้น’”
เป็นเวลานานถึง 10 วันเลยทีเดียวที่เฟอร์กีพูดไม่ได้ และความกลัวก็จับหัวใจมากขึ้นเรื่อยๆ
1
แต่สิ่งที่เฟอร์กีกลัวที่สุดไม่ได้หมายถึงชีวิตหรือลมหายใจที่อาจสูญหาย หรือการที่จะไม่สามารถพูดได้อีกตลอดไป สิ่งที่ทำให้ยอดนักสู้จากสกอตแลนด์คนนี้ต้องหวั่นใจที่สุดคือ การที่สักวันเขาอาจจะสูญเสีย ‘ความทรงจำ’ อันมีค่าที่สะสมมาตลอดชีวิตไปจนหมด
5
โชคดีอีกครั้งที่ในระหว่างการรักษาการพูดไม่ได้ที่นักอรรถบำบัด (แก้ไขการพูด) ได้มีการกระตุ้นเรื่องความทรงจำด้วย และพบว่าถึงเสียงจะหายไป แต่ความทรงจำของเขายังคงดีอยู่
“เธอให้ผมเขียนชื่อสมาชิกในครอบครัวทั้งหมด ผู้เล่นที่เคยเล่นให้ผมทั้งหมด สัตว์ต่างๆ และหลังจากนั้น 10 วัน เสียงของผมก็กลับมา”
3
และเพื่อรักษาความทรงจำนั้นเหล่านั้นไม่ให้หายไปไหน เรื่องราวทั้งหมดในชีวิตและตัวตนของ เซอร์อเล็กซ์ เฟอร์กูสัน จึงถูกนำมาถ่ายทอดในภาพยนตร์อัตชีวประวัติ Sir Alex Ferguson: Never Give In ซึ่งมีกำหนดออกฉายในสหราชอาณาจักรวันที่ 27 พฤษภาคมนี้ และจากนั้นจะออกฉายทั่วโลกผ่านระบบออนไลน์ในวันที่ 31 พฤษภาคม
แต่ความจริงแล้วภาพยนตร์สารคดีเรื่องนี้ไม่ใช่สิ่งที่มีการวางแผนสร้างเอาไว้หลังจากเกิดเหตุ แต่เป็นสิ่งที่ เจสัน เฟอร์กูสัน ลูกชายของเขาได้ตระเตรียม ‘ของ’ เอาไว้สำหรับการทำบันทึกชีวิตของพ่อผู้ยิ่งใหญ่ โดยได้เริ่มต้นการเก็บบทสัมภาษณ์ทางเสียงมาตั้งแต่ปี 2016 และใช้เวลา 18 เดือนในการรวบรวมเรื่องราว
3
เจสันรู้ว่าสิ่งที่พ่อถ่ายทอดออกมานั้นมีคุณค่าและ ‘ทรงพลัง’ จึงได้ติดต่อ แอนดรูว์ แมคโดนัลด์ ผู้กำกับภาพยนตร์ Trainspotting และ จอห์น แบตต์เซก ผู้กำกับภาพยนตร์สารคดีชั้นเยี่ยมมากมาย ว่าสนใจจะนำเรื่องราวนี้ไปถ่ายทอดต่อไหม
1
แต่สิ่งที่จอห์นและแอนดรูว์ตอบกลับมาคือ เรื่องนี้ต้องเป็นเจสันเท่านั้นที่กำกับ
2
ด้วยความที่ไม่เคยกำกับภาพยนตร์เองมาก่อน เจสันขอเวลาคิดในเรื่องนี้ 24 ชั่วโมง ก่อนที่จะให้คำตอบกลับไปว่าเขาตกลงที่จะทำ และหลังจากที่ใช้เวลาเขียนโครงเรื่องดราฟต์แรกและส่งให้ทั้งสองคนในเวลาตีหนึ่งครึ่งของวันหนึ่ง
3
รุ่งเช้าราว 06.30 น. มีเสียงโทรศัพท์มา และเป็นคุณแม่เคธีที่โทรมาบอกว่า “พ่อล้ม”
2
ในภาพยนตร์สารคดีเรื่องนี้เราจึงจะได้ยินเสียงเจสันโทรหาเจ้าหน้าที่ตำรวจ 999 เพื่อแจ้งเหตุ
1
“คนเจ็บยังหายใจอยู่ไหม” เจ้าหน้าที่ถาม “ยังหายใจอยู่ แต่อาการไม่ดีนัก”
จากนั้นเจ้าหน้าที่ได้สอบถามชื่อของคนเจ็บ ซึ่งเจสันลังเลที่จะตอบอยู่พักหนึ่ง ก่อนที่จะพูดออกมาด้วยเสียงสั่นเครือ
1
“อเล็กซานเดอร์ เฟอร์กูสัน”
สำหรับเจสัน เรื่องราววันนั้นก็เป็นหนึ่งในความทรงจำที่เขาจะไม่มีวันลืม “เครื่องมือและสายระโยงระยางเต็มไปหมดที่ซัลฟอร์ด รอยัล (โรงพยาบาล Salford Royal) พวกเขาเตรียมจะผ่าตัดพ่อที่แมคเคิลฟิลด์ แต่ประสาทศัลยแพทย์ได้เรียกผมไปที่ห้องข้างๆ เพื่อบอกอะไรบางอย่าง
1
“เขาอายุ 76 ปีแล้ว และเขาก็มีเลือดออกในสมองมาก คุณอาจต้องเตรียมใจสำหรับสิ่งที่เลวร้ายที่สุด”
1
สิ่งที่ไม่มีใครรู้มาก่อนคือ เซอร์อเล็กซ์ เฟอร์กูสัน มีโอกาสรอดเพียงแค่ 20 เปอร์เซ็นต์เท่านั้น เพียงแต่ด้วยเลือดนักสู้ ไอ้หนูจาก Govan ที่กลายเป็นผู้จัดการทีมที่ยิ่งใหญ่ที่สุดในประวัติศาสตร์วงการฟุตบอลอังกฤษ สามารถเอาชนะความตายในวันนั้นได้
อีกสิ่งที่เป็นความลับมาตลอดคือ ในระหว่างการรักษาอาการพูดไม่ได้นั้น นักอรรถบำบัดได้ให้เขาเขียนจดหมายหาภรรยา และจากนั้นยอดผู้จัดการทีมก็ได้เขียนจดหมายถึงคนอื่นด้วย
“เขาเขียนจดหมายหาคุณแม่ ถึงพี่ชายของผม และหลานๆ ทุกคน ซึ่งจดหมายนั้นก็คือจดหมายอำลา” เจสันเปิดเผยเรื่องลับ
เรื่องราวผ่านมาเป็นเวลา 3 ปี ปัจจุบันเฟอร์กียังแข็งแรง แม้จะไม่แข็งแรงเท่าก่อน แต่ก็ยังเข้ามาชมเกมในโอลด์แทรฟฟอร์ดเสมอเมื่อสามารถทำได้ ยังขับรถได้ แต่ไม่สามารถขับในช่วงเวลากลางคืนหรือบนถนนมอเตอร์เวย์ แต่หลายๆ อย่างก็เริ่มดีขึ้น
1
แต่ที่นับว่าโหดร้ายที่สุดในระหว่างการรักษาตัวคือ การที่คุณหมอไม่อนุญาตให้ดื่มไวน์ได้จนกว่าเขาจะเป็นปกติ
1
“ผมไม่ได้รับอนุญาตให้ดื่มไวน์เป็นระยะเวลาถึง 9 เดือน” เฟอร์กียิ้มมุมปากในแบบที่พวกเราคุ้นเคย “แม่งโคตรยากเลย”
1
สิ่งที่ดีที่สุดคือเขาได้ถ่ายทอดเรื่องราวทั้งหมดในชีวิต ตั้งแต่ครั้งยังเป็นเด็กหนุ่มจอมห้าว ชีวิตนักเตะกับเซนต์ จอห์นสโตน การหนีทีมแบบดื้อๆ แฮตทริกแรกที่เปลี่ยนแปลงชีวิต เรื่องราวในการเป็นผู้จัดการทีมโดยเฉพาะกับแอเบอร์ดีน และแมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด
1
รวมถึงเรื่องส่วนตัว ชีวิตครอบครัวที่ไม่ค่อยมีใครได้รู้ด้วย
เจสันใช้เวลาในการประกอบร่างความทรงจำของพ่อออกมาเป็นสารคดีเรื่องนี้ โดยที่เฟอร์กีผู้ยิ่งใหญ่ไม่ได้รับอนุญาตให้เข้ามามีส่วนเกี่ยวข้องในกระบวนการก่อสร้างแม้แต่น้อย จนกระทั่งภาพยนตร์เสร็จจึงได้ดู
“ผมไม่ได้มีส่วนเกี่ยวข้องกับการสร้าง แต่เมื่อผมได้ดูครั้งแรก มันทำให้ผมต้องร้องไห้ มันซาบซึ้งมาก และผมคิดว่าเจสันทำได้ดีมาก มันจับใจของผมมาก”
บัดนี้เรื่องราวชีวิตและความทรงจำของชายผู้ยิ่งใหญ่อย่าง เซอร์อเล็กซ์ เฟอร์กูสัน ได้รับการปกป้องแล้ว และมันจะยังคงอยู่คู่กับโลกใบนี้ไปอีกนานแสนนาน
3 ปีที่ได้รับการทดเวลามาสำหรับเฟอร์กี นี่คือความโชคดีที่สุดแล้ว
1
Sir Alex Ferguson - Never Give In - UK Trailer (Subtitled) : https://www.youtube.com/watch?v=dXx5QH8dKPg
เรื่อง: เมธา พันธุ์วราทร
อ้างอิง:
โฆษณา