16 พ.ค. 2021 เวลา 04:46 • สุขภาพ
COVID-19 เมื่อยังสามารถหายใจได้อยู่กับภาวะขาดออกซิเจนอยากให้ตื่นตัวและระมัดระวัง
อยากเขียนเล่าเรื่องราว ที่ผ่านมาเป็นอุทาหรณ์ เตือนใจ ตนเอง และเป็นสิ่งที่อยากสื่อให้คนเกิดความตื่นตัวและรู้ว่าควรทำอะไรบ้างก่อนที่จะสายเกินไป
1
จากวันแรกที่ต้องย้ายมากักตัว ใน สถานที่ ที่รัฐจัดให้
ผมเอง อาจเป็นผู้ป่วยเชื้อโควิท ที่มีอาการลงปอด แต่ยังสามารถดูแลจัดการตัวเองได้ในระดับหนึ่ง
ผมถูกส่งตัวมาพักฟื้น ที่ รร รัตนโกสินทร์ หนึ่งใน Hospitel ที่ถูกจัดให้ เมื่อคืนวันที่ 30 เมษา ห้องเป็นห้องพักคู่ เราต่างไม่รู้จักกัน มาก่อน แต่ในสภาพผู้ป่วย เรารู้ดีว่า หน้าที่ของเราคือดูแลตัวเองและสุขภาพให้ดีที่สุด ในขณะที่ทุกฟากส่วน ต่างกำลังช่วยเหลือซึ่งกันและกัน เราเองก็ต้องสู้เพื่ออยู่รอด คนไข้แต่หล่ะคนถูกจัดยาตามแต่อาการ ผมได้รับ favipiravir และ dexamethasone มาทาน เป็นยาต้านไวรัสและกดภูมิ
1
ก่อนรับการรักษา จะมีอาการเหนื่อยง่าย หายใจไม่เต็มปอด เหมือนจะขาดออกซิเจนอยู่ตลอดเวลา มันไม่สนุกเลย กับการที่ใครคนหนึ่งไม่สามารถหายใจเข้าด้วยตนเองได้ แต่หล่ะคนอาจมีอาการไม่เหมือนกัน แต่ผมขาดอากาศจริงๆ ได้แต่มองตัวเองหายใจผ่านการเคลื่อนที่ขึ้นลงของทรวงอก แต่เหมือนไม่ได้หายใจประมาณนั้น มันเหนื่อย ทรมาน หากหายใจถี่ขึ้น ทีนี้จะเริ่มเจ็บหน้าอก มันแน่นไปหมด แล้วจะไอ จนเมื่อเริ่มได้รับยา เราค่อยๆปรับตัวดีขึ้น ผ่านคืนแรก อย่างมีความหวัง
3
ที่ รร คนไข้เช่นผม ได้รับเครื่องวัดอุณหภูมิ ส่วนตัว ผมมึติดเครื่องวัดออกซิเจนมาด้วย เพราะที่นี่เราต้องคอย มอนิเตอร์ อาการตนเอง จะต้องคอยส่งข้อมูลเพื่อให้ทีมแพทย์และพยาบาล รู้สถานะเรา อาการเรา และพร้อมให้การช่วยเหลือตลอด ในคืนแรก มีเจาะเลือด และเอกซเรย์ เพื่อบันทึกดูอาการคนไข้แต่ละคนด้วย
2
อยากให้ญาติหรือเพื่อนๆไม่ต้องกังวลกันมาก พอดีผมอยู่ 2 คน เห็นโทรศัพท์จากอีกคนตลอดเห็นแล้วเหนื่อยมาก ก็ไม่ได้ถามอายุเพื่อนร่วมห้องอะนะ แต่เราในวัยเกษียณรู้สึกเลย ว่าอยากให้คนไข้ได้พักผ่อน อย่ารบกวน คนไข้อยู่ในสภาพอ่อนล้าอยู่แล้ว การเพิ่มให้ออกกำลังกายเพียงเล็กน้อยของเรา อาจทำให้เขาขาดอากาศเลยก็ได้ บุคลากรทางการแพทย์ทึ่อยู่ที่นี่ได้พยายามช่วยชีวิต คนไข้กันอยู่ ไม่อยากให้เพราะความห่วง ความอยากรู้ทำให้ ทั้งคนป่วยและบุคลากรต้องทำงานกันหนักขึ้น
(อันนี้ผมขอย้ำเลย บางคนอาจมีอาการเล็กน้อย เพราะอาการคุณไม่ได้ลงปอด ถ้าลงปอด มันอีกเรื่องเลยจริงๆ มันเป็นโรคที่อันตรายมาก )
3
ผมใช้ชีวิตแบบแขวนอยู่บนเส้นด้าย ลุ้นว่าในแต่หล่ะวันเราหายใจดีอยู่รึไม่ จนวันที่ 5 ยาหมด ไม่อยากบอกเลย ที่เราหายใจได้อยู่ กับสภาพอึดอัด มันเริ่มกลับมา ทุกวันกลางวันมันดีขึ้น แต่พอกลางคืนมันอีกเรื่องหนึ่งเลย ไม่เคยคิดเลยว่าอากาศรอบตัวเรา ทำไมมันไม่เข้าร่างกายเรา อยู่แบบหอบๆ
ก็ต้องทน พยายามบริหารปอดทุกวิถีทาง
แล้วก็เริ่มได้ยามาเพิ่ม
วันนี้เข้าวันที่ 7 สภาพปอดดีขึ้น แต่บอกเลยในความรู้สึกลึกๆ มันไม่เหมือนเดิม
การหายใจที่เต็มปอด การสูดดมออกซิเจน และอื่นๆที่เคยทำในอดีต มันไม่อาจเหมือนเดิม ตอนนี้ทุกอย่างเป็นไปเพื่อให้ชีวิตอยู่รอด อากาศทีสูดช่างสดชื่นเหลือเกิน อาหารการกิน ไม่ใช่เพื่ออร่อยอย่างเดียวแล้ว แต่ตอนนี้ทุกอย่างเปลี่ยนไป อาหารทุกเม็ด อากาศทุกลมหายใจ มันเพื่อชีวิตจริงๆ
อยากให้ทุกชีวิตใส่ใจชีวิตตนให้มากกว่านี้ ยังหายใจได้ ยังกินได้ ยังมีชีวิตรอดอยู่ได้ ช่างดีเสียนี่กะไร
อยากบอกเลยว่าเวลาทีนี่มันเดินช้ามาก มากขนาดที่ทำอะไรมากมายแต่เวลาเหมือนอยู่กับที่ ต้องหายใจเอาออกซิเจนเข้าร่างไปวันๆ นอนพักวัดอุณหภูมิ วัดออกซิเจน วนไป เช้ายันเย็น เวลายาวนานซะเหลือเกิน
3
ผมยังต้องอยู่ในแผนกักรักษาตัวอีก 8 วัน หลังจากนั้นก็ต้องกักตัวที่บ้านอีก 14 วัน
ไม่อยากให้ใครต้องมีสภาพแบบนี้ และขอเป็นกำลังใจให้ทุกคนด้วย เราต้องผ่านกาลเวลาที่ยากลำบากนี้ไปให้ได้
วันนี้ลูกชายแจ้งว่าไปตรวจร่างกายผลแข็งแรงดีมาก แถมผลสอบที่ rottman ก็ได้ A+ ทุกวิชา มันทำให้สภาพจิตใจดีขึ้น มีความหวัง
ทุกครั้งที่คิดถึงท้องฟ้า ฝนตกฟ้าร้อง ท้องฟ้าแจ่มใส เสียงนกร้อง ดอกไม้นานาพันธุ์ มันช่างน่ารื่นรมย์เหลือเกิน อย่าเห็นแค่เป็นหวัดสายพันธุ์หนึ่งเท่านั้น มันไม่ใช่เลย ทุกขณะมันพร้อมจะฆ่าชีวิตเราได้ตลอดเวลา แถมทรมานมากด้วย
แต่ในเมื่อเป็นแล้วก็ต้องรักษาตัวเองให้รอดออกไปให้ได้
4
มหัศจรรย์คืนวันที่ 8
ปกติเป็นคนไม่ค่อยเชื่อเรื่องอะไรมากนัก แต่เรื่องนี้แปลกจน ต้องขอเขียนเป็นส่วนหนึ่ง ในคืนวันที่ 8 นี้ เข้านอน และฝันไปว่ามีคนเลี้ยงอาหารสุดแสนเลิศรส ลักษณะคล้ายๆอาหารฝรั่ง สีทองดูน่าทานมาก ในฝันยังรู้ด้วยว่าตนเองป่วย ทุกคำที่ทานช่างอร่อยมากมายและเหมือนปลดล็อกสภาพร่างกาย จนไม่อยากหยุด การหายใจดีขึ้น ต่อเนื่อง และไม่เหนื่อย เหตุการณ์นี้เป็นไปอย่างต่อเนื่อง ตื่นมาก็ยังรู้สึก เหมือนอยากนอนต่อ ร่างกายยังซึมซับไม่เต็มที่ มันวนเวียนตลอดทั้งคืน จนเช้า เราก็รู้ว่าต้องตื่นมาทานยาแล้ว จึงออกจากความรู้สึกต่างๆเหล่านั้น
เช้านี้ก็มีสภาพร่างกายที่ดี และสมบูรณ์ขึ้น เหมือนปาฏิหาริย์ มันแปลกมาก
แต่ก็ยังคงไม่ประมาท ใช้ชีวิตแบบคนป่วยที่มีกำลังยืนหยัดสูงขึ้น (เราต้องรอดแล้วหล่ะ)
ขอบคุณทุกกำลังใจ พยายามเขียนให้มากที่สุด อยากบอกว่าในช่วงที่อ่อนแรง แม้กระทั่งคิด อ่านเขียนยังเหนื่อยเลย เมื่อมีสติกลับมาก็จะพยายามเขียนเล่าให้ฟัง มันเป็นประสพการณ์ที่คิดว่าหลายคนไม่คิดเฉียดใกล้แน่นอน
3
แล้วจะมาเล่าให้ฟังกับ 15 วันที่ Hospitel ในรูปแบบ diary ประจำวัน (ณ. วันนี้ ผมได้กลับมากักตัวต่อที่บ้านอีก 14 วันแล้ว ขอใช้ 14 วันนี้ ค่อยๆนำ diary มาเล่าสู่กันฟัง) ขอบคุณที่ติดตาม
1
โฆษณา