17 พ.ค. 2021 เวลา 12:10 • หุ้น & เศรษฐกิจ
ลงทุนเป็นล้าน แต่ทำไมพอร์ตไม่โตซักที!
1
นักลังทุนหลายๆ คน โดยเฉพาะมือใหม่ อาจสงสัยในเรื่องการลงทุนหุ้นของตัวเองว่า ทำไมเงินที่ใช้ลงทุนตั้ง เป็นหลักล้าน หลักสิบล้าน ทำไมพอร์ตไม่โตขึ้นซักที บางปีพอร์ตโตแค่ 5% หรือบางปีอาจจะติดลบเลยด้วยซ้ำ แต่พอมามองเซียนหุ้นชื่อดังหลายๆคน ที่แต่ก่อนเชาก็มีเงินลงทุนเริ่มต้นไม่ต่างกัน แต่ทำไมตอนนี้พอร์ตเขาโตเป็น ร้อยล้าน พันล้าน
1
ที่จริงแล้วสิ่งเหล่านี้ที่เกิดขึ้นกับมือใหม่หลายๆ คน เกิดจากเหตุผลต่างๆ และอุปนิสัยการลงทุนที่ทำให้พอร์ตไม่ค่อยโต ซึ่งเหตุผลต่างๆ และอุปนิสัยการลงทุนดังกล่าวมีอะไรบ้าง มาติดตามบทความนี้กันเลยครับ
1. มักเอาเวลาส่วนใหญ่ เสียไปกับการเฝ้าหน้าจอ ว่า หุ้นตัวไหนขึ้น ตัวไหนลง
เมื่อเราเฝ้าหน้าจอ และเห็นว่าหุ้นของเราตัวโน้นเด้ง ตัวนี้ลง เราจะมานั่งคิดอีกว่าควรขายไปดีมั้ย ทำไงดี แทนที่จะเอาเวลาไปดูว่า ตอนนี้ที่ตลาดตกลงมา มีหุ้นตัวไหนที่น่าสนใจบ้าง
ดังนั้น ถ้าเราคิดและวิเคราะห์มาอย่างดีแล้วว่าหุ้นที่เราซื้อเป็นหุ้นดีแล้ว เราไม่จำเป็นต้องเสียเวลามาเฝ้าราคาว่าวันนี้มันจะขึ้นหรือลง แต่ควรใช้เวลา มาสนใจกับการควานหาหุ้นดีตัวอื่น ที่ราคาตกลงมาจนน่าสนใจ
Cr.: freepik
2. ชอบหุ้นดังเป็นกระแส
มือใหม่ รวมถึงผมที่เริ่มลงทุน มักสนใจหุ้นที่มีแบรนดังๆ ไม่ว่าใครๆ ก็รู้จักกับบรัษัทเหล่านี้ แต่ถ้าเราไปดูผลประกอบการ เอาเข้าจริงๆ หุ้น ของบริษัทที่มีแบรนดัง อาจสู้กับ หุ้น ของบริษัทชื่อโนเนม ไม่ได้
อย่างหุ้นหลายตัวที่ผมสังเกต ด้วยความที่มีแบรนเป็นเหมือนซุปเปอร์สตาร์ ใครๆ ก็รู้จัก เมื่อเข้าตลาดหุ้นวันแรก ราคาอาจขั้นไปสมมุติ 100 บาท แต่หลังจากนั้นราคาก็มักจะตกลงมาเรื่อยๆ เป็น 50, 20 บาท
แต่ถ้าเป็นหุ้นอีกแบบ ที่วันนี้ แบรนหรือบริษัท อาจจะยังไม่เป็นที่รู้จักของใครหลายคน แต่พื้นฐานดีมากๆ และราคายังถูกอยู่ เมื่อยังไม่มีใครรู้จัก จึงเป็นโอกาสดี ที่เราจะเก็บหุ้นไปเรื่อยๆ จากราคาสมมุติ เป็น 20 บาท ในวันนี้ อาจโตเป็น 50, 100 บาท ในวันข้างหน้าก็เป็นได้
2
3. ชอบหุ้นดิ่งไม่มีพื้น มากกว่าหุ้นดิ่งมีพื้น
1
หมายความว่า เมื่อเกิดวิฤตตลาดหุ้นถล่ม บางคนเล่นหุ้นขนาดเล็ก และพื้นฐานไม่ดี เพื่อหวังว่าเมื่อตลาดหุ้นฟื้นกลับมา ราคาจะเด้งแรง และขายได้กำไรเป็นกอบเป็นกำ
แต่ถ้าสมมุติว่าเกิดวิฤตหนักขึ้นกว่าเดิม แบบที่เราคาดไม่ถึงเลย ต้องใช้เวลาอีกหลายปีกว่าจะเปิดประเทศได้ หรือเศรษฐกิจจะฟื้นตัว หุ้นที่มีพื้นฐานดีย่อมมีโอกาสฟื้นเร็ว และรอดจากวิกฤตได้ดีกว่าอยู่แล้ว
1
ยิ่งเลวร้ายที่สุดคือ บริษัทต้องเป็นหนี้มหาศาล เพราะไม่มีเงินจ่ายหนี้เก่า และต้องกู้เพิ่มมาฟื้นฟูธุรกิจตัวเองอีก เมื่อผลประกอบการไม่ฟื้นกลับมา ราคาหุ้นก็จะจมไปอีกนานหลายปี จนทำให้เราต้องขายตัดขาดทุน เสียเงินเป็นกอบเป็นกำแทน
2
4.ทนจนไม่ทนรวย
บางคนพอเห็นหุ้นกำไรนิดเดียว (5%, 10%) ก็รีบขายซะแล้ว (ทั้งที่เราวิเคราะห์แล้วนะว่าเป็นหุ้นดีและมีอนาคตไกล) เหมือนไม่ทนรวย
2
แต่ถ้าเราลองพยายามทำตามแผนที่ตนเองวางไว้แต่แรก ที่จะลงทุนระยะยาว ไม่ขายก่อน ไม่ว่าหุ้นจะลงก็ตาม (ทนจน) และลงทุนโดยยึดหลัก “Big Shot” หรือ “ กินคำใหญ่” เราก็จะมีโอกาส “Big Rich” ได้ครับ
1
กินคำใหญ่ Cr.: freepik
เมื่อเราได้เรียนรู้ และปรับเปลี่ยนการลงทุนให้ดีขึ้น จากการอ่านบทความนี้ ผมก็หวังว่า มือใหม่หลายๆ คน จะสามารถก้าวข้าม คำว่า “มือใหม่” ไปได้ ค่อยๆ เรียนรู้ต่อไปสั่งสมประสบการณ์ ซักวันเราอาจประสบความสำเร็จเหมือนกับเซียนหุ้นหลายๆ คน ก็ได้ครับ
จบแล้วครับช่วยกด 👍 ❤️ ติดตาม เพื่อเป็นกำลังใจในการเขียนบทความต่อไปด้วยนะครับ🥰
โฆษณา