17 พ.ค. 2021 เวลา 00:37 • การศึกษา
จิตวิทยาแนวทางที่ทำให้มนุษย์แตกต่างจากสัตว์เดรัจฉาน
มนุษย์ เป็นสัตว์ประเสริฐขึ้นมาได้ ก็ด้วยการศึกษา คือ “การฝึก อบรม สั่งสอน ของพ่อแม่ ครูอาจารย์ พี่ป้า น้าอา ตลอดจนกัลยาณมิตร..โดยน้อมรับความปรารถนาดีของท่าน มาฝึกฝนตนเอง “ให้เกิดปัญญา(คือจิต) และทักษะประจำตน Own Intelligence” ซึ่งแสดออกมาทางพฤติกรรมพื้นฐาน อันเป็นคุณค่า ในตัวของเขา ได้แก่ คิดเป็น, ทำเป็น, เรียนรู้เป็น, และแก้ปัญหาเป็น..
ปัญญา(คือจิตใจ) ซึ่งทำหน้าที่ควบคุมพฤติกรรมของมนุษย์ มี 3 ลักษณะ คือ
1. จิตสำนึก “Conscious mind” คือ สภาวะจิตที่รู้ตัวอยู่เสมอ เรียกว่า มี “สติ” เป็นผู้ควบคุม “เจตนา” ในการแสดงพฤติกรรม อันได้แก่ มโนกรรม(ความคิด,ความรู้สึก), วจีกรรม(คำพูด), และกายกรรม(การกระทำทางกาย)
2. จิตกึ่งสำนึก “Subconscious mind” เป็น “ความรู้,เห็นภายในจิตของตน” คือ รู้เฉยๆ แต่ไม่ได้แสดงออกเป็นพฤติกรรมในขณะนั้น และสามารถดึงออกมาใช้ได้เมื่อต้องการใช้ เรียกว่า “สัมปชัญญะ”
3. จิตใต้สำนึก (Unconscious mind) หมายถึง สภาวะจิตที่ไม่อยู่ในภาวะที่รู้ตัวระลึกถึงไม่ได้ เป็นสิ่งที่ฝังลึกอยู่ภายในจิตใจ เรียกว่า “อนุสัย 7 คือ กิเลสที่นอนเนื่องอยู่ในสันดาน” แต่สามารถจูงใจให้แสดงพฤติกรรมออกมา เมื่อมี “สิ่งเร้า Stimulus” นับว่าเป็นสิ่งที่มีอิทธิพลในการดำเนินชีวิตของคนเรามากที่สุด
จิตใต้สำนึกนี้ แบ่งออกไปอีกเป็น 3 ส่วน คือ id, ego และ superego
1.id (อ่านว่า อิด) คือสัญชาตญาณดิบ เป็นความรู้สึกที่ติดตัว “คนและสัตว์ People and animals) มาตั้งแต่เกิด เช่น ความกลัว, ความรักตัว, ความโลภ,ความโกรธ, ความหลง, ความต้องการต่างๆตามสัญชาติญาณดิบนั้น
2.Ego (อัตตา คือ ความยึดมั่นในตนเอง และเพื่อตนเอง) เป็นจิตใต้สำนึก “Unconscious mind” ที่ฝังลึกอยู่ภายในจิตใจขอมนุษย์ เป็นความรู้สึกที่ติดตัวมาตั้งแต่เกิด ซึ่งมนุษย์ไม่ค่อยรู้ตัว..เช่น ความกลัว, ความรัก, ความโลภ,โกรธ, หลง, ความต้องการต่างๆ..และสำคัญที่สุด มันเป็นสัญชาตญาณมืด Dark instincts..จูงใจให้มนุษย์ก่อพฤติกรรมเยี่ยงสัตว์ และมีอิทธิพลต่อการดำเนินชีวิตของเขามากที่สุด..
การศึกษาตามแบบ “พุทธวิธี Buddhist approach ที่เรียกว่า มรรคมีองค์ 8 หรือ The noble Eightfold Path” ทำให้มนุษย์ สามารถลด “Ego หรือ อัตตาลงได้”..การศึกษาทำให้มนุษย์สามารถยกระดับการดำเนินชีวิตของตนให้สูงกว่าสัตว์อื่นทั้งหลาย..การศึกษาทำให้มนุษย์มีจิตใจสูง, มีจารีตประเพณีและวัฒนธรรม, มีศีลธรรม,มีหน้าที่ต่อสังคมในฐานะพลเมือง และมีอารยธรรม “Civilized”
3.Superego เกิดจากการเรียนรู้ต่างๆ การรับรู้ความดี ความชั่ว คุณธรรม มโนธรรม การอาชีพ และการควบคุมความคิดให้แสดงออกในลักษณะที่เป็นสมาชิกที่ดีของสังคม โดยยึดหลัก “ความเป็นมนุษย์ที่เท่าเทียมกัน Humanity” ผู้ที่มีคุณสมบัติเป็น Superego มักจะได้รับการยกย่องนับถือของคนในสังคม..
แต่คนที่มีลักษณะ เป็น Superego บางคน กลับมีโชคร้าย “เพราะถูกยกยอปอปั้นจากคนรอบข้าง Being flattered by those around him” จนทำให้หลงไหลได้ปลื้มจนเลิศลอย..หากไม่มี “สติสัมปชัญญะ”มากพอ..ก็ถึงกับทำให้ “สูญเสียความเป็นคน Loss of humanity” กลับไปมีวิถีชีวิตและจิตใจแบบ “ดิบๆ ระดับ Id” เสมอด้วยสัตว์ป่าอีกครั้งหนึ่ง จนทำให้คนทั้งโลกเกลียดชัง ก็มีมาก
บทสรุปของบทความนี้ ขอยืนยันว่า “มนุษย์เป็นสัตว์ที่ต้องสอน “ให้รู้วิธี How to”..เรียนรู้, ฝึกฝน, และพัฒนาตนเองไปตลอดชีวิต” ดังคำว่า Life Long Learning ในขณะที่โลกเปลี่ยน สังคมเปลี่ยน วิทยาการก้าวหน้าไปไม่หยุดยั้ง..มนุษย์จึงต้องมีการเรียนรู้, ฝึกฝน, และพัฒนาตนเองให้ทันโลก..และมีคุณค่าสูงกว่าเดรัจฉานตลอดเวลาที่ยังมีลมหายใจ..
ขอขอบคุณข้อแนวคิดดี
ท่านสุทัศน์ เอกา
โฆษณา