17 พ.ค. 2021 เวลา 07:45 • ภาพยนตร์ & ซีรีส์
หนังทำเงินอเมริกาเหนือ 14-16 พฤษภาคม หนังใหม่โจลี ‘Those Who Wish Me Dead’ แท้ง ‘Spiral’ เปิดตัวด้วยอันดับ 1 และเน็ตฟลิกซ์ไปได้สวยกับการปล่อย ‘Army of the Dead’ ฉายโรง
รายงานหนังทำเงินในอเมริกาเหนือ 14-16 พฤษภาคม จากวาไรตี หนังแอ็กชัน-ระทึกขวัญ เอาตัวรอดของแองเจลินา โจลี กับวอร์เนอร์ บราเธอร์ส ‘Those Who Wish Me Dead’ ไม่สามารถปลุกชีพบ็อกซ์ออฟฟิศในอเมริกาเหนือสำเร็จ เมื่อหนังซึ่งเปิดตัวพร้อมกันทั้งในโรงและเอชบีโอ แม็กซ์ ทำรายได้ไปแค่ 2.8 ล้านเหรียญ
1
แต่จะมองว่า เป็นเพราะหนังเปิดตัวในสองช่องทางพร้อมกันเป็นสาเหตุก็คงไม่ใช่ เพราะ ‘Those Who Wish Me Dead’ เป็นงานที่ขายตั๋วได้ยากกว่า ‘Godzilla vs. Kong’ และ ‘Mortal Kombat’ โดยหนังทั้งสองเรื่องของวอร์เนอร์ฯ สามารถสร้างยอดขายตั๋วได้อย่างน่าพอใจ แม้จะเปิดตัวในบริการสตรีมมิงพร้อมๆ กัน
ในยามที่โรงภาพยนตร์กำลังฟื้นตัวจากการระบาดของโควิด-19 หนังครอบครัวและงานขายสเปเชียล เอ็ฟเฟ็กต์ เป็นตัวเลือกที่ดีสำหรับการชมด้วยจอใหญ่ๆ ในโรงภาพยนตร์ ขณะที่หนังดรามาหนัก ที่พุ่งเป้าไปที่คนดูกลุ่มผู้ใหญ่ ทำได้ไม่ดีเท่า แล้วยิ่งมาเจอคำวิจารณ์ที่เป็นหายนะเช่นที่ ‘Those Who Wish Me Dead’ เจอด้วยแล้ว ยิ่งไม่สามารถสร้างความน่าสนใจได้เลย
หนังเปิดตัวด้วย 3,188 จอ ซึ่งถือว่าเป็นจำนวนที่เยอะมาก เมื่อมองดูว่ามีโรงภาพยนตร์ในสหรัฐอเมริกา เปิดให้บริการเพียง 65% โดยชอว์น ร็อบบินส์ หัวหน้าฝ่ายวิเคราะห์ของ Box Office Pro บอกว่า มีองค์ประกอบมากมายที่ทำให้ ‘Those Who Wish Me Dead’ ไม่ประสบความสำเร็จ
“หนังได้รับการโปรโมตน้อยมาก กระทั่งตามมาตรฐานของการโปรโมตในช่วงโรคระบาดก็ยังถือว่าน้อย ส่งผลให้ไม่ได้รับความสนใจทั้งจากในโรงและในบริการสตรีมมิง” เขากล่าว “เราได้ชมหนังระทึกขวัญที่เป้าหมายอยู่ที่ผู้ชมอายุประมาณหนึ่งมาเยอะมากในช่วงปีที่ผ่านมา เพราะฉะนั้นมันก็อาจจะเกิดการอิ่มตัว”
ในตลาดต่างประเทศ ‘Those Who Wish Me Dead’ ทำรายได้แค่ 2.8 ล้านเหรียญใน 33 ประเทศ รายได้รวมทั่วโลกอยู่ที่ 7.1 ล้านเหรียญ สำหรับข้อมูลของผู้ชมในบริการสตรีมมิง วอร์เนอร์ฯ ไม่มีการเปิดเผยตัวเลขออกมา
งานกำกับของเทย์เลอร์ เชอริแดนเรื่องนี้ สร้างมาจากนิยายของไมเคิล คอรีทา ซึ่งศูนย์กลางของเรื่องเป็นวัยรุ่นคนหนึ่งที่เป็นพยานในเหตุการณ์ที่พ่อถูกฆ่า และหนีการตามล่าเพื่อปิดปากไปเจอกับพลร่มดับเพลิง (โจลี) หนังได้คะแนน B จาก CinemaScore
‘Those Who Wish Me Dead’ ทำได้ดีที่สุดแค่อันดับที่สาม แต่นี่ไม่ใช่หนังเรื่องเดียวที่เปิดตัวในสุดสัปดาห์นี้ ยังมี ‘Spiral’ งานฉบับหลอนๆ ของหนังสยองชุด ‘Saw’ ซึ่งทำรายได้ 8.7 ล้านเหรียญ จาก 2,811 จอจากการฉายตั้งวันศุกร์-อาทิตย์ ซึ่งถือว่าเป็นการเริ่มได้ไม่ดีสำหรับหนังทุนสร้าง 20 ล้านเหรียญเรื่องนี้ แต่ก็มากพอจะทำให้กลายเป็นหนังทำเงินอันดับ 1 สำหรับบ็อกซ์ ออฟฟิศในยุคโคโรนาไวรัส
สำหรับตลาดต่างประเทศ ‘Spiral’ ทำรายได้ 3.3 ล้านเหรียญจาก 16 ประเทศ ตอนนี้หนังทำเงินทั่วโลกไปแล้ว 12 ล้านเหรียญ
พอล เดอการาบีเดียน หนังวิเคราะห์สื่ออาวุโสของ Comscore บอกว่า การเปิดตัวของ ‘Spiral’ ถือว่าใช้ได้ในช่วงที่ตลาดหนังในอเมริกาค่อยฟื้นตัวอย่างช้าๆ “เรายังคงอยู่ในตลาดที่มีจีดจำกัดมากๆ” เขากล่าว โดยมองในแง่ดีว่า อะไรๆ น่าจะดีขึ้น เมื่อหนัง ‘A Quiet Place Part II’ และ ‘Cruella’ เปิดตัวในสุดสัปดาห์วันรำลึกทหารผ่านศึก
ดาร์เรน บินน์ เบาส์แมน ที่คลุกคลีกับหนัง ‘Saw’ มาตลอดเป็นผู้กำกับของ ‘Spiral’ ที่นำแสดงโดย คริส ร็อก, แม็กซ์ มิงเกลลา และแซมวล แอล.แจ็กสัน หนังจะเกาะติดตำรวจรายหนึ่ง ที่ต้องการหยุดนักฆ่าเลียนแบบจิกซอว์ หนังได้คำวิจารณ์แบบก้ำกึ่ง แล้วก็ยังเสียแฟนหนังให้กับหนังซอมบีของแซ็ก สไนเดอร์ ‘Army of the Dead’ ที่เข้าฉายในโรงใหญ่ก่อนจะไปลงในเน็ตฟลิกซ์หนึ่งสัปดาห์ แต่เพราะผู้ให้บริการสตรีมมิงเจ้านี้มีปัญหากับโรงหนัง ทำให้หนังเปิดตัวแค่ 430 จอ น้อยกว่าบรรดาหนังเปิดตัวใหม่เรื่องอื่นๆ มาก เน็ตฟลิกซ์เองก็ไม่เหมือนสตูดิโอทั่วไป เมื่อไม่มีการรายงานรายได้ของหนังออกมา แต่ประเมินกันว่า หนัง ‘Army of the Dead’ น่าจะทำรายได้ราวๆ 800,000 เหรียญจากการฉายในสุดสัปดาห์ที่ผ่านมา ซึ่งมากพอที่จะเข้ามาติดท็อปเทน และมากพอที่จะเอาชนะ ‘Profile’ หนังระทึกขวัญของโฟกัส ฟีเฌอร์ส ที่ว่าด้วยนักข่าวอังกฤษที่แฝงตัวเพื่อเปิดโปงการรับคนเข้าร่วมทีมผู้ก่อการร้ายผ่านโซเชียลมีเดีย แม้จะได้โรงถึง 2,033 จอ แต่หนังก็ทำรายได้แค่ 670,000 เหรียญ
ในอันดับอื่นๆ ยังคงเป็นหนังหน้าเดิมๆ ที่ยังวนเวียนอยู่ในตารางอันดับ ‘Wrath of Man’ หนังฉกระทึกขวัญของเจสัน สเทตแฮม หล่นมาเป็นที่ 2 ในสัปดาห์ที่สองของการฉาย ทำเงินได้ 3.7 ล้านเหรียญจาก 3,007 จอ หนังของเอ็มจีเอ็มเรื่องนี้ ทำเงินในอเมริกาเหนือไปแล้ว 14.6 ล้านเหรียญ ขณะที่ในตลาดต่างประเทศ ซึ่งหนังได้มิราแม็กซ์จัดจำหน่าย ‘Wrath of Man’ ทำรายได้ไปทั้งหมด 41.4 ล้านเหรียญ โดยหนังเพิ่งเปิดตัวในจีนเมื่อวันจันทร์ก่อนหน้า และทำรายได้สามวันแรก 7.1 ล้านเหรียญ แล้วเก็บเงินตลอดสัปดาห์ไปอีก 8.7 ล้านเหรียญ ทำให้ตอนนี้หนังทำเงินในจีนไปถึง 18.5 ล้านเหรียญ
ถัดมาก็เป็นอันดับ 3 ‘Those Who Wish Me Dead’ แล้วก็ตามด้วยอะนิเมะ ‘Demon Slayer: Mugen Train’ และแอนิเมชันของดิสนีย์ ‘Raya and the Last Dragon’ ในอันดับ 4 และ 5 ตามลำดับ โดย ‘Demon Slayer’ กลายเป็นงานฮิตเหนือความคาดหมายในอเมริกา ในสัปดาห์ที่สี่ของการฉาย หนังทำเงินไปอีก 1.78 ล้านเหรียญ รายได้รวมทั่วโลกอยู่ที่ 41.9 ล้านเหรียญ ส่วน ‘Raya and the Last Dragon’ ซึ่งมีให้ชมบนดิสนีย์พลัสด้วย แต่ต้องเสียค่าชมเพิ่ม 30 เหรียญ ทำรายได้ในสัปดาห์ที่ 11 อีก 1.71 ล้านเหรียญ รายได้รวมในอเมริกาเหนืออยู่ที่ 46 ล้านเหรียญ
อันดับ 6 เป็น ‘Godzilla vs. Kong’ ที่ทำเงินไป 1.4 ล้านเหรียญจาก 2,484 จอ หลังจากฉายมา 7 สัปดาห์ หนังสัตว์ประหลาดปะทะกันทำเงินไปแล้ว 95 ล้านเหรียญในอเมริกาเหนือ และถ้ายังเดินหน้าไปได้เรื่อยๆ ก็น่าจะเป็นหนังเรื่องแรกในยุคโควิด ที่ทำเงินผ่านร้อยล้านในอเมริกาเหนือ ซึ่งถ้าเป็นช่วงก่อนการระบาดไม่ได้ถือว่าเป็นความสำเร็จมากมาย หากก็พอจะเยียวยาความเสียหายที่เกิดขึ้นในอุตสาหกรรมภาพยนตร์ได้บ้าง
อ่านแล้วชอบ อย่าลืมกดติดตาม และยังมีเรื่องราวมากมายให้อ่านได้ที่ www.sadaos.com และทำความรู้จักกันได้มากกว่านี้ด้วยการกดไลค์เพจ www.facebook.com/Sadaos และ www.blockdit.com/sadaos
‘Lords of Dogtown’ ว่าด้วยชีวิตเด็กเล่นสเก็ตบอร์ดและกระดานโต้คลื่น 3 คนที่สไตล์การเล่นบอร์ดและใช้ชีวิตแตกต่างกัน ที่คลุกคลีอยู่กับนักออกแบบกระดานโต้คลื่นและเจ้าของร้าน Zephyr Surf Shop ที่เมื่อได้ล้อโพลียูรีเธนสำหรับติดบอร์ดมา ปรากฏว่าทุกคนตื่นเต้นกับมันมาก เพราะทำให้บอร์ดเคลื่อนที่บนพื้นเรียบได้เหมือนกระดานโต้คลื่นถลาไปตามเกลียวคลื่น ซึ่งเหมาะกับสไตล์เล่นบอร์ดของพวกเขา ที่ต่างจากคนทั่ว ๆ ไปในยุคนั้น

ดูเพิ่มเติมในซีรีส์

โฆษณา