17 พ.ค. 2021 เวลา 11:54 • ธุรกิจ
Bata แบรนด์รองเท้าพันล้านบาท กำลังเจอความท้าทาย
หนึ่งในสินค้าขายดีช่วงใกล้เปิดเทอม คือ รองเท้านักเรียน
และแน่นอนว่า นึกถึงรองเท้านักเรียน หลายคนก็อดนึกถึง บาจา หรือ Bata ​ไม่ได้
เพราะอยู่คู่คนไทยมานาน จนหลายคนติดภาพว่าเป็นแบรนด์รองเท้านักเรียน ที่เป็นแบรนด์ของคนไทย
ทั้งที่ความจริงแล้วไม่ใช่
แท้จริงแล้ว ถิ่นกำเนิดของ Bata อยู่ที่เชโกสโลวาเกีย หรือสาธารณรัฐเช็กในปัจจุบัน
ก่อตั้งโดยคุณโทมัส บาจา (Tomáš Baťa)
1
ด้วยความที่เติบโตมาในครอบครัวช่างทำรองเท้า
ทำให้เขาและพี่น้อง ตัดสินใจก่อตั้งโรงงานผลิตรองเท้าชื่อ T. & A. Baťa Shoe Company ขึ้นในปี พ.ศ. 2437
แต่หลังจากเริ่มกิจการได้เพียง 1 ปี ก็ประสบปัญหาทางการเงิน
 
คุณโทมัสเลยตัดสินใจ เปลี่ยนวัสดุที่ใช้ทำรองเท้า จากหนังมาเป็นวัสดุผ้าใบแทน
ปรากฏว่า วิธีนี้นอกจากจะช่วยลดต้นทุน ยังทำให้สินค้าได้รับความนิยมอย่างสูง
พอธุรกิจยิ่งเติบโต คุณโทมัสจึงเริ่มมองหาวิธีการผลิตใหม่ ๆ ที่จะเข้ามาช่วยตอบโจทย์ความต้องการของลูกค้า
หนึ่งในนั้นคือ การนำระบบสายพานการผลิตที่ทันสมัย เข้ามาใช้
1
ทำให้ Bata สามารถผลิตสินค้าเพิ่มขึ้นได้หลายเท่าตัว จนสามารถขยายธุรกิจไปหลายประเทศ
ทั้งในยุโรป แอฟริกาเหนือ สหรัฐอเมริกา และเอเชีย
สอดคล้องกับวิสัยทัศน์ของผู้ก่อตั้ง ที่ต้องการจะ “ผลิตรองเท้าให้คนทั้งโลกได้สวมใส่” (To put shoes on the feet of the world)
แล้ว Bata เข้ามาตีตลาดในประเทศไทย ตั้งแต่เมื่อไร ?
คำตอบคือ เมื่อปี พ.ศ. 2472 หรือ 92 ปีที่แล้ว
โดยตีตลาดในชื่อแบรนด์ Bata หรือ บาจา ซึ่งอาจจะขัดใจคนไทยในยุคแรก ๆ ที่ออกเสียงเป็น “บาทา”
เพราะอ่านตามชื่อแบรนด์ที่เขียนเป็นภาษาอังกฤษ
แต่จริง ๆ แล้ว Bata มาจากภาษาเช็ก ซึ่งเป็นนามสกุลของผู้ก่อตั้ง
สาขาแรกของ Bata อยู่ที่ถนนเจริญกรุง เริ่มต้นจากการผลิตรองเท้านักเรียน ด้วยพนักงานเพียง 15 คน
ก่อนจะค่อย ๆ ขยายธุรกิจ จนปัจจุบันมีโรงงานอยู่ที่ลาดกระบัง
สินค้าที่ทำให้คนไทยรู้จักแบรนด์นี้เป็นอย่างดี คือ รองเท้านักเรียน
ซึ่งเป็นที่รู้กันว่า จะมีไฮซีซัน หรือ ช่วงขายดี
คือ ก่อนเปิดเทอมใหญ่เท่านั้น
แน่นอนว่า ไม่เพียงพอที่จะทำให้แบรนด์ยืนหยัดได้อย่างแข็งแกร่ง
ที่ผ่านมา เราจึงได้เห็นความพยายามของ Bata ในการสลัดภาพจากแบรนด์รองเท้านักเรียน สู่แบรนด์รองเท้าที่สามารถสวมใส่ได้ทุกวัน ที่สำคัญไม่ใช่แค่วัยเรียน แต่วัยไหนก็ใส่ได้
2
เพราะจริง ๆ แล้ว Bata ยังมีผลิตภัณฑ์อื่น ๆ อาทิ รองเท้าแฟชั่นของผู้หญิง, รองเท้าทำงานของผู้ชาย, รองเท้าออกกำลังกาย, รองเท้าสำหรับเด็กผู้หญิงและเด็กผู้ชาย
รวมไปถึงสินค้าอย่างกระเป๋าหนัง, กระเป๋าแฟชั่น
1
แต่ถึงอย่างนั้น
ถ้าไปถามคนส่วนใหญ่ ว่านึกถึง Bata แล้วคิดถึงอะไร
ก็ยังหนีไม่พ้นรองเท้านักเรียน
ด้วยแบรนดิงที่แข็งแกร่งของ Bata ในตลาดรองเท้านักเรียน
ซึ่งดูเหมือนเป็นแต้มต่อที่สำคัญ เพราะเป็นที่รู้จักของผู้คน
แต่บางครั้งจุดแข็งของแบรนด์เอง ก็อาจกลายเป็นกำแพงขนาดใหญ่ ที่เป็นอุปสรรค​ของแบรนด์แทน
ดังนั้น โจทย์ใหญ่ของ Bata ในช่วงหลายปีที่ผ่านมา
จึงหนีไม่พ้น การทำทุกวิถีทาง เพื่อเปลี่ยนภาพลักษณ์ของแบรนด์ โดยยังคงรักษาเสน่ห์ของความเป็นแบรนด์เก๋า แต่ก็ยังก้าวทันยุค ใส่แล้วไม่เชย
1
ด้วยการรุกทำตลาดทั้งออนไลน์และออฟไลน์, ปรับโฉมหน้าร้านให้ดูทันสมัย น่าเข้า, มีช่องทางออนไลน์ให้ลูกค้า เข้ามาเลือกช็อปปิงได้แบบเพลิน ๆ
และที่สำคัญคือ พยายามพัฒนาสินค้าใหม่ ๆ อย่างไม่หยุดยั้ง
ด้วยการสรรหานวัตกรรมใหม่ ๆ เข้ามา เพื่อเพิ่มฟังก์ชันให้รองเท้าน่าใส่​ โดยไม่ลืมใส่ใจเรื่องดีไซน์ ให้รองเท้าดูมีความเป็นแฟชั่นทันสมัย
แล้วความพยายามของ Bata สัมฤทธิผลแค่ไหน เราลองไปดูผลประกอบการของบริษัท
บริษัท บาจา (ประเทศไทย) จำกัด
ปี 2560 มีรายได้ 2,444 ล้านบาท
ปี 2561 มีรายได้ 2,370 ล้านบาท
ปี 2562 มีรายได้ 2,173 ล้านบาท
ปี 2563 มีรายได้ 1,350 ล้านบาท
2
จะเห็นว่า Bata สามารถสร้างยอดขายได้หลักพันล้านบาทก็จริง
แต่ยอดขายในปี พ.ศ. 2560-2562 ยังไม่เติบโต และมีแนวโน้มหดตัวลง
ส่วนในปี พ.ศ. 2563 จะเห็นว่ารายได้ลดลงกว่า 38%
ซึ่งเป็นไปได้ว่า บริษัทได้รับผลกระทบอย่างหนัก จากสถานการณ์โควิด 19
ที่สาขาต้องปิดให้บริการในช่วงที่มีการล็อกดาวน์ ผู้คนออกจากบ้านน้อยลง
ทำให้กระทบกับยอดขาย เพราะถึงจะขายออนไลน์ได้ แต่รองเท้าก็เป็นหนึ่งในสินค้า ที่หลายคนยังอยากทดลองใส่ก่อนซื้อ
อีกเหตุผลสำคัญ อย่าลืมว่า รองเท้าเป็นหนึ่งในสินค้า ที่ต่อให้จ่ายในราคาเท่าไรก็ตาม
ลองถ้าได้ใช้ วันหนึ่งก็ต้องเก่าหรือชำรุด และสักวันก็ถึงเวลาต้องเปลี่ยน
2
แต่ใครจะไปคิดว่า วันหนึ่งโลกเราจะเกิดเหตุการณ์ ที่ทำให้ทุกคนต้องหยุดเคลื่อนไหว
หันมาใช้ชีวิตในบ้านมากขึ้น
และนั่นก็หมายความว่า โอกาสที่เราจะได้หยิบรองเท้ามาใส่ ก็น้อยลงตามไปด้วย..
อย่างไรก็ตาม แม้ดีมานด์ที่ลดลงจากช่วงโควิด 19 สุดท้ายก็ต้องกลับมา
คำถาม​คือ ในวันที่ดีมานด์กลับมา แบรนด์ไหนจะเป็นผู้ที่สามารถช่วงชิงเงินจากกระเป๋าลูกค้ามาได้
เพราะอย่าลืมว่า เมื่อ Bata เลือกจะรุกตลาดรองเท้าสำหรับใส่ได้ทุกวัน
สมรภูมินี้ก็ไม่ต่างจากน่านน้ำสีเลือด ที่มีคู่แข่งมากมาย ทั้งแบรนด์รุ่นเก๋า และรุ่นใหม่
ซึ่งพร้อมงัดทุกกลยุทธ์ และนวัตกรรมรองเท้า ออกมาโชว์ลูกค้า เพื่อชิงความเป็นหนึ่ง
2
ดังนั้น หาก Bata ต้องการอยู่รอด หรือชนะในสนามนี้
ก็ต้องสร้างและเพิ่มจุดเด่น ที่สำคัญ ๆ ของแบรนด์ ให้เหนือกว่าคู่แข่ง
เช่น คุณภาพและดีไซน์ของรองเท้า
เพื่อทำให้ เวลาลูกค้า คิดจะซื้อรองเท้าสักคู่
ต้องคิดถึงชื่อ Bata เป็นแบรนด์แรก ๆ
อ้างอิง:
-กรมพัฒนาธุรกิจการค้า
โฆษณา