18 พ.ค. 2021 เวลา 04:12 • ครอบครัว & เด็ก
“ฝึกวินัยให้เด็กด้วยขนม” ฝรั่ง VS ไทย
“ขนม” คำเดียวสั้นๆ แต่อร่อยกันได้ทั้งเด็กทั้งผู้ใหญ่ ในความอร่อยนี้ พ่อแม่ที่ประเทศสวีเดนได้สอดแทรกความมีวินัยให้กับเด็กๆ ไว้ เขาทำยังไง มาจับเข่านั่งเม้าท์กันจ้า😊
ก่อนอื่นเราขอพูดถึงลำดับเรื่องที่เราเล่า หากมีใครที่ติดตามอ่านเรื่องเล่าของเราก่อนหน้านี้ ตอนนี้ก็น่าจะเป็น“การเรียกร้องประชาธิปไตย” แต่เราต้องขอเลื่อนเป็นตอนต่อไป (จนกว่าจะรู้สึกเบาในสมอง😅) และหาเรื่องเบาๆ อร่อยๆ มาคั้นเพื่อผ่อนคลายกัน 😇
แต่แม้จะเป็นเรื่องเบาๆ อร่อยๆ ก็มีสาระได้ไม่น้อยเลย โดยเฉพาะหากใครที่มีลูกเล็กเด็กแดง มาดูกันว่า “ขนม” จะฝึกวินัยให้เด็กในสไตล์ฝรั่งกันอย่างไร
หากมีใครที่ไม่ได้อ่านเรื่องเล่าของเราก่อนหน้านี้ เราอยู่ประเทศสวีเดน มีลูกหนึ่งคนซึ่งตอนนี้เรียนอยู่ ป.5 การเลี้ยงลูกที่นี่ทำให้เราสังเกตุว่า ฝรั่งในประเทศนี้มีวิธีการสอนลูกเรื่องการกินขนมที่ต่างไปจากประสบการณ์ของเราที่เมืองไทย🍨 🍦
https://reviewchiangmai.com/aroi-front-school-2/
ครอบครัวเราไม่ได้ร่ำรวยมากมายแต่ก็ไม่ขัดสน เวลาไปโรงเรียนเราจะได้เงินค่าขนมไปด้วยทุกๆ วัน เด็กหญิงตัวกลม ชอบกินจุกกินจิก เรากินได้ทั้งเช้า กลางวัน และเย็น หลังเลิกเรียนก่อนกลับบ้าน เราก็แวะร้านขายขนมจุกจิกที่ตั้งเรียงรายและมีให้เลือกมากมายนอกรั้วโรงเรียน🤤
เสาร์อาทิตย์ ตอนไหนที่อยากกินขนม เราก็วิ่งไปอ้อนพ่อขอเศษตังแล้ววิ่งไปร้านขายของซำใกล้บ้าน เราอยากกินอะไรเราก็เลือกซื้อได้ตามที่ใจเราอยาก🍟
ช่างเป็นชีวิตเด็กที่อิสระในความอร่อยจริงๆ โตขึ้น เราก็ยังรักและสนุกกับการกินจุ๊บกินจิ๊บ จนทำให้เรามีปัญหาถกเถียงกับตราชัง เวลาที่มันบอกตัวเลขเกินกว่าที่เราต้องการ 😱 😵
จนถึงตอนที่เรามาอยู่สวีเดนนี่แหละ ที่ทำให้เราลดการกินจุกจิกลงได้นิดหนึ่ง ด้วยวัยที่ต้องคิดถึงน้ำหนักและสุขภาพ สภาพแวดล้อมทางสังคม ที่ผู้คนส่วนใหญ่ให้ความสำคัญและคิดถึงเรื่องสุขภาพ และที่สำคัญที่นี่ไม่มีขนมจุกจิกร้อยแปดแสนอร่อย ให้เลือกซื้อ เลือกกิน ในตลาดสดเหมือนที่บ้านเรา 🍣🌮
วิถีการกินขนมของเด็กที่นี่ต่างออกไป เริ่มจากที่โรงเรียนทั้งปฐมและมัธยม ส่วนใหญ่จะไม่มีขนมขายเลยไม่ว่าจะในโรงเรียนหรือนอกรั่วโรงเรียน ทั้งนี้ก็เพื่อสุขภาพของเด็ก
1
อุปกรณ์การเรียนการสอน ทางโรงเรียนจะเตรียมให้พร้อม ดังนั้นสหกรณ์โรงเรียนก็ไม่มี เด็กๆปฐมไม่มีความจำเป็นต้องพกเงินไปโรงเรียนเลย ทุกอย่างที่โรงเรียนฟรี
เวลากลับจากโรงเรียนในช่วงฤดูหนาว เด็กส่วนใหญ่ก็จะอยู่ที่บ้าน เพราะอากาศข้างนอกจะหนาว และพระอาทิตย์ก็ตกเร็ว ประมาณบาย 3 โมงครึ่งตะวันก็เริ่มลาขอบฟ้าแล้ว
ในช่วงฤดูร้อนอาจจะพิเศษหน่อย พื้นที่ที่เราอาศัยอยู่นี้จะสว่างจนถึงประมาณ 5 ทุ่มกว่าๆ ทำให้การออกจากบ้านมีช่วงเวลานานขึ้น บางวันลูกอยากกินไอศกรีม เราก็จะให้เขาปั่นจักรยานไปซื้อที่ร้านขายของใกล้ๆบ้าน 🚴‍♀️
ขนมที่ฮิตติดเทรนของเด็กที่นี่คือ ลูกอม หรือ ลูกกวาด (Candy) ชาวสวีดีสเรียก godis (กูดีส) หรือ lösgodis (เลิสกูดีส) เป็นขนมลูกอมหลากสี ที่เลือกตักเองได้ตามต้องการ 🍭 🍬
ชาวสวีดีสจะเริ่มกิน lösgodis ตั้งแต่เด็กและติดไปจนถึงแก่เฒ่า แม้หลายคนจะพยายามเลิกกินเพื่อสุขภาพ แต่เรียกได้ว่าชาวสวีดีสแทบทุกคนชอบ lösgodis หรือลูกกวาดชนิดนี้มาก จนเราเดาว่าถ้ามีคำสั่งให้เลิกขายต้องมีการประท้วงเกิดขึ้นแน่ๆ😱😄
1
ส่วนใหญ่แล้ว เด็กๆ จะได้รับอนุญาตให้กินขนมหรือ lösgodis เย็นวันศุกร์ อาจจะแตกต่างกันบ้างเล็กน้อยตามแต่กฎระเบียบของแต่ละครอบครัว เราจะกำหนดปริมาณที่ลูกจะกินได้ และให้เขาเฉลี่ยกินได้ทั้งเย็นวันศุกร์ และวันเสาร์อีก 2 ครั้ง
สามีเราบอกว่าเราอนุญาติให้ลูกกินมากเกินไป แต่ประสบการณ์ของเราในวัยเด็กต่างกับของแฟน เราที่มีอิสระในการกิน แม้เราจะเห็นด้วยกับการจัดระเบียบการกินขนมของลูก แต่เราก็ไม่ต้องการจำกัดเขาเกินไป 🤔
ตอน7-8 ขวบ ลูกเราตัวค่อนข้างกลม เราจึงลดปริมาณ lösgodis ลง และให้ลูกกินพวกขนมคบเคี้ยวผสมด้วย จะว่าไปขนมคบเคี้ยวก็ไม่ได้ดีไปกว่า lösgodis เลย แต่เราไม่อยากให้ลูกติดน้ำตาลมากจนเกินไป🍭
เมื่อคุยกันมาถึงตรงนี้ อาจจะมีใครที่คิดว่าเด็กที่นี่น่าสงสาร แต่จากประสบการณ์และความรู้สึกของเราที่เคยมีปัญหาเรื่องน้ำหนักมาก่อน เรากลับเห็นด้วยกับการเลี้ยงลูกแบบนี้ เพราะขนมส่วนใหญ่ให้ความอร่อยแต่ไม่มีประโยชน์ต่อร่างกาย
ผู้คนที่นี่จะเน้นเรื่องหลักโภชนาการอาหารแทน เลือกอาหารที่มีประโยชน์ต่อเด็กรวมถึงการใส่ใจหลักโภชนาการอาหารของโรงเรียน และส่วนตัว เราจะเน้นผลไม้ให้ลูกทุกวัน 🍇 🍈 🍒
พ่อแม่ที่ควบคุมการกินขนมหรือ lösgodis ของลูก ต่างทำเพื่อสุขภาพและเพื่อสอนไม่ให้เด็กกินขนมพร่ำเพรื่อ แต่เรากลับมองว่าผลดีที่ได้มีมากกว่านั้น เราสังเกตุว่าชาวสวีดีสส่วนใหญ่มีระเบียบวินัยสูง
เราเชื่อว่า กิจวัตรประจำวันเล็กๆ น้อยๆ ที่เด็กถูกฝึกให้ทำและรับผิดชอบ เป็นส่วนสำคัญในการฝึกและปลูกฝั่งระเบียบวินัยให้กับเด็ก การที่เด็กถูกฝึกให้กินขนมเป็นเวลา ไม่กินพร่ำกินเพรื่อ ทำให้เด็กมีวินัยในการกิน
ได้ผลดีทั้งต่อสุขภาพของเด็ก จนเมื่อโตเป็นผู้ใหญ่ ก็มีโอกาสน้อยที่เขาจะกลายเป็นคนกินจุ๊บกินจิ๊บ ซึ่งนั้นอาจจะกลายเป็นผลเสียต่อสุขภาพของเขา
1
การที่เด็กไม่ได้กินขนมพร่ำเพรื่อ ทำให้เมื่อถึงวันศุกร์ตอนเย็นพวกเขาส่วนใหญ่จะดีใจและร่าเริง
หลายครอบครัวให้เย็นวันศุกร์เป็นเวลาของครอบครัวเพื่อทำกิจกรรมร่วมกัน ส่วนใหญ่จะดูหนังและเป็นเวลาของ Lösgodis ที่เด็กๆรอคอย🍬🍭
เขาจะเรียกเย็นวันศุกร์นี้ว่า Fredagsmys (เฟรียดอสมีส) แปลได้ประมาณว่าเย็นวันศุกร์หรรษา (เราแปลเองนะ😁)
ข้อดีอีกอย่างที่เราแอบสังเกตเห็น เวลาเด็กๆหลายคนได้รับ lösgodis เป็นของฝากจากผู้ใหญ่ ก็ทำให้พวกเขามีความสุขและดีใจได้แล้ว
นึกย้อนถึงตอนเรายังเด็ก แม้เราจะชอบและสนุกกับการกินขนม แต่อิสระในการเลือกซื้อเลือกกิน ทำให้เราแม้จะดีใจเวลามีใครเอาขนมมาฝาก แต่ก็คงไม่เท่ากับเด็กที่นี่
อาจจะมีใครหลายคนใช้วิธีนี้ฝึกลูกอยู่แล้ว แต่หากมีใครที่ยังไม่ได้ทำและอยากลองดู เราคิดว่าอุปสรรคของการฝึกวินัยการกินขนมให้เด็กที่เมืองไทยอาจจะมีมากกว่าที่นี่
อากาศที่ทำให้เด็กไทยออกไปข้างนอกได้บ่อยกว่า หน้าโรงเรียนหลายๆโรงเรียนที่เต็มไปด้วยร้านค้า สภาพสิ่งแวดล้อม-สังคม ที่เด็กอาจจะถามว่าทำไมเด็กคนอื่นทำได้
เราคิดว่าการเริ่มฝึกเด็กที่เคยมีอิสระในการกินขนม ให้หันมาให้ความสำคัญกับการควบคุมตัวเอง คือการพูดคุยกับเขาเพื่อให้เขาเข้าใจและให้ความร่วมมือ
เริ่มด้วยเหตุผลที่ดี และตกลงกันในเรื่องของการกำหนดกฎระเบียบ เวลาและปริมาณการกินที่ชัดเจน แต่ถ้าเป็นเด็กเล็กๆทุกอย่างก็น่าจะง่ายกว่า เพราะเราสามารถเริ่มช่วยเขาให้มีวินัยการกินเมื่อถึงวัย "ขนม" ได้เลย
ขอบคุณทุกท่านที่อ่านมาถึงตรงนี้ ยังมีเรื่องเล่าความต่างระหว่าง "ฝรั่ง VS ไทย" อีกมากมายหลากหลายมุมมอง มีเวลาแวะมาคุยกันอีกนะ บายๆ 🤗🤗
ป.ล.
🍊 ทั้งหมดนี้เป็นประสบการณ์ของเราเอง ไม่สามารถสรุปว่าทุกคนคิดเหมือนกับเรา
🍏 ฝรั่งแต่ละประเทศอาจจะมีวิธีและเงื่อนไขการกิน "ขนม" ของลูกแตกต่างกัน
อ่านเพิ่มเติม
👉🏻 “เชื่อฟัง - ฟังแล้วเชื่อ” ฝรั่ง VS ไทย
👉🏻 "โรงเรียน" ฝรั่ง VS ไทย
👉🏻 “หญิงไทยสเปคฝรั่ง” ในความคิดของ ฝรั่ง VS ไทย
👉🏻 "Free sex" ฝรั่ง vs ไทย
โฆษณา