18 พ.ค. 2021 เวลา 05:30 • ธุรกิจ
แนะนำ วิธีจัดการและบริหารคนทำงาน รับมือกับ COVID-19 ระลอกใหม่
จากวิกฤตโรคระบาดโควิด-19 ระลอกใหม่ที่เกิดขึ้น ทำให้ปีนี้เป็นปีที่ยากลำบากสำหรับผู้ประกอบการในการดำเนินกิจการ และไม่มีใครรู้ล่วงหน้าว่าวิกฤตนี้จะจบลงเมื่อไหร่ เนื่องจากยังคงมียอดผู้ติดเชื้อที่มีจำนวนค่อนข้างเยอะในทุกๆ วัน หลายบริษัทอาจจะต้องปิดกิจการ หรือ ลดต้นทุนโดยการปลดพนักงานออก เพื่อรักษาให้กิจการอยู่รอ
การลดต้นทุนและบริหารกระแสเงินสดเพื่อรักษาสภาพคล่องของธุรกิจก็เป็นอีกสิ่งหนึ่งที่สำคัญต่อธุรกิจอย่างมาก ถึงแม้ว่าหลายๆ ธุรกิจนั้นจะมีบทเรียนจากการระบาดรอบแรกมาแล้ว คนส่วนใหญ่รู้แนวทางปฏิบัติและวิธีป้องกันเพื่อหลีกเลี่ยงและลดการแพร่ระบาดของโควิด-19 กันเป็นอย่างดี ดังนั้นในช่วงเวลาที่อาจจะเรียกได้ว่าวิกฤตเช่นนี้จากข้อมูลของ Deloitte Insight ภายใต้หัวข้อ The heart of resilient leadership ที่ได้ทำการศึกษาผ่านผู้นำองค์กรที่สามารถนำพาองค์กรให้ผ่านพ้นช่วงเวลาที่ยากลำบากไปได้ พบว่ามี 5 คุณสมบัติดังนี้
1. เจ้าของธุรกิจหรือองค์กร ต้องแสดงถึงความเป็นผู้นำอย่างแท้จริง
ในช่วงสถานการณ์โควิด-19 ที่เกิดขึ้น ผู้นำองค์กรหรือบริษัทต้องแสดงความเป็นผู้นำทั้งด้านอารมณ์และแสดงออกถึงความเห็นอกเห็นกับพนักงาน ต้องเปิดโอกาสให้พนักงานได้แสดงความคิดเห็น ความรู้สึกต่อสถานการณ์นี้ หรืออาจจำเป็นต้องมีแผนกที่คอยสื่อสารเรื่องนี้โดยเฉพาะ เพื่อที่องค์กรจะได้เข้าไปให้ความช่วยเหลือได้ทันท่วงที เช่น คนที่คอยส่งข่าวเกี่ยวกับ COVID-19 รายวัน หรือ คนที่พูดคุยกับพนักงานเรื่องปัญหานี้โดยเฉพาะ เนื่องจากเป็นช่วงเวลาที่ผู้คนไม่ได้ต้องการอะไรไปมากกว่าความปลอดและการมีสุขภาพที่ดี
ดังนั้นสิ่งที่สำคัญที่สุดคือการดูแลเอาใจใส่พนักงาน รวมไปถึงลูกค้าด้วย แต่อย่างไรก็ตามการประคับประคองผลประกอบการขององค์กรหรือบริษัทก็ยังเป็นอีกสิ่งหนึ่งที่สำคัญไม่แพ้กัน ในช่วงที่เกิดความไม่แน่นอนสูงผู้นำควรรวมอำนาจการตัดสินใจเพื่อความรวดเร็ว ชัดเจน เพื่อให้สามารถตัดสอนใจได้อย่างทันท่วงทีพร้อมทั้งต้องเป็นไปตามเป้าหมายหลักขององค์กรหรือบริษัทเสมออีกด้วย
2. ปรับตัวอย่างรวดเร็ว เพื่อให้สามารถดำงานต่อไปได้แบบไม่สะดุด
บริษัทหรือองค์กรต้องปรับตัวให้รวดเร็ว เรียนรู้สิ่งใหม่ๆ เพื่อให้สอดคล้องกับการทำงานที่เปลี่ยนไป หลายสิ่งหลายอย่างที่เร่งด่วนสามารถประดังเข้ามาพร้อมกันจากทุกทิศทาง ควรที่จะโฟกัสสิ่งที่สำคัญที่สุดให้ได้ก่อน โดยการกำหนดลำดับความสำคัญของสิ่งต่างๆ อย่างชัดเจน เช่น ในกรณีที่ต้องให้พนักงาน Work from home สิ่งที่สำคัญที่จะต้องเตรียมตัวคือการเรียนรู้ที่จะนำเทคโนโลยีดิจิทัลมาใช้งานให้เกิดประโยชน์และเหมาะสมที่สุด เปลี่ยนวิธีการทำงานให้อยู่บนแพล็ตฟอร์มออนไลน์ให้ได้ตั้งแต่การทำเอกสาร การนำเสนอและขายงาน จนไปถึงการประชุม
อีกกรณีหนึ่งที่จำเป็นต้องเข้าไปทำงาน ณ ที่ทำงาน อาจจะมีวิธีรับมือเพิ่มเข้ามาเช่น ปรับเปลี่ยนช่วงเวลาการทำงาน ไม่ว่าจะเป็นการสลับกะหรือให้ช่วงเวลาเหลื่อมกัน หรือแม้กระทั่งการจำกัดจำนวนคนที่สามารถเข้าไปทำงานได้โดยการจัดทำตารางในแต่ละวันเพื่อให้พนักงานมาจองวันและเวลาในการเข้าออฟฟิศ เพื่อสะดวกในการจัดการและยังเป็นการหลีกเลี่ยงการรวมตัวของคนจำนวนมากได้อีกด้วย
3. ความรวดเร็วจะเป็นสิ่งที่มาก่อนความสมบูรณ์แบบ
เนื่องจากเหตุการณ์ฉุกเฉินสามารถเกิดขึ้นได้ตลอดเวลา ผู้นำต้องตัดสินใจได้รวดเร็วและทันท่วงที ทั้งยังต้องมีแผนสำรองเพื่อรับมือกับสถานการณ์ที่ไม่แน่นอน ที่สำคัญการมีเป้าหมายที่ชัดเจนก็จะเป็นปัจจัยที่ช่วยสนับสนุนให้ผู้นำองกรค์สามารถตัดสินใจได้รวดเร็วขึ้นถึงแม้ว่าอาจจะขาดความครบถ้วนของข้อมูลไปบ้าง ทั้งนี้อาจใช้ข้อมูลที่ใกล้เคียงมาประกอบการตัดสินใจไปก่อน และเมื่อถึงเวลาที่สถานการณ์กลับมาปกติ ก็ควรที่จะมีการทบทวนและพัฒนาคุณภาพของข้อมูลเพื่อนำมาใช้กับวิกฤตที่อาจเกิดขึ้นอีกครั้งในอนาคต
4. สร้างความมั่นใจและความเชื่อใจ ให้กับผู้ที่เกี่ยวข้องทุกฝ่าย
ความเชื่อใจในช่วงวิกฤตที่กำลังเกิดขึ้นในปัจจุบันนี้เป็นสิ่งที่สำคัญอย่างมาก การจะก่อให้ความมั่นใจและความเชื่อใจนั้นมีสองปัจจัยหลักๆ ประกอบด้วย ความโปร่งใสหรือการสื่อสารที่ตรงไปตรงมา เพื่อลดโอกาสในการเสียเวลาพร้อมทั้งลดโอกาสในการเกิดความเสียหายที่อาจเกิดขึ้นได้อีกด้วย ปัจจัยถัดมาคือความสัมพันธ์ของผู้ที่มีส่วนได้ส่วนเสียทั้งหมด ไม่ว่าเป็นพนักงาน คู่ค้า และลูกค้า
ในการรักษาความสัมพันธ์เพื่อให้เกิดความมั่นใจและเชื่อใจนับว่าเป็นเรื่องที่สำคัญอีกหนึ่งเลยทีเดียว ผู้นำองกรค์ต้องดูแลเอาใจใส่พนักงาน เป็นที่ปรึกษาให้ได้ในหลายๆ ด้านไม่ใช่แค่เรื่องงาน พร้อมทั้งเปิดโอกาสให้พนักงานได้แสดงความคิดหรือข้อเสนอแนะ ในส่วนของคู้ค้าและลูกค้า อาจจะต้องปรับการสื่อสารให้เข้าใจได้ง่ายมากขึ้น ตรงไปตรงมาและรวดเร็ว แสดงถึงความเข้าใจต่อกันและกันในช่วงวิกฤตรวมถึงแสดงออกถึงการแก้ไขปัญหาของเราทั้งในด้านของในองกรค์และการทำงานร่วมกันกับลูกค้า เพื่อเป็นการแสดงความจริงใจและสร้างความเชื่อมั่นให้กับลูกค้า ว่าเราสามารถจัดการปัญหาเหล่านี้ได้และจะสามารถทำตามที่สัญญาไว้อย่างแน่นอน ความเชื่อใจนับเป็นปัจจัยสำคัญที่ทำให้ผู้ที่เกี่ยวข้องหันมาร่วมแรงร่วมใจกันในการเอาชนะอุปสรรคนั่นเอง
5. มองหาโอกาสใหม่ๆ เพื่อเตรียมพร้อมรับ New normal ที่เกิดแล้วและกำลังจะเกิดขึ้นอีก
ผู้นำองค์กรควรมองหาจุดสมดุลระหว่างกลยุทธ์ระยะกับกลยุทธ์ระยะยาว หรือการเลือกที่จะลดต้นทุนบางอย่างเพื่อให้อยู่รอดได้ในช่วงเศรษฐกิจหดตัว เนื่องจากโควิด-19 ที่เกิดขึ้นได้สร้างความเปลี่ยนแปลงงเชิงโครงสร้าง ทำให้หลายสิ่งเปลี่ยนแปลงไปอย่างรวดเร็ว เช่น การที่สภาวะแวดล้อมกดดันให้จำเป็นต้องนำเทคโนโลยีมาใช้ ดังนั้นหากองกรค์มัวแต่มุ่งความสนใจกับการดำเนินการตามกลยุทธ์ระยะสั้นและละเลยกลยุทธ์ระยะยาว อย่างการลงทุนในเทคโนโลยีเพิ่มขึ้นมา หรือ ทำ Digital Tranformation อาจส่งผลกระทบอย่างมากต่อการเติบโตได้อย่างเต็มที่ รวมไปถึงเป็นการปิดกั้นตัวเองจากการแข่งขันและการเติบโตได้อย่างเต็มที่ในระยะเวลาต่อจากนี้
ธุรกิจไหนที่ปรับตัวได้อย่างรวดเร็วหรือมีแผนการเตรียมพร้อมก็จะทำให้สามารถไปต่อได้ง่ายขึ้นและรวดเร็วกว่าที่ไม่มีการปรับตัวหรืออาจปรับตัวช้า ผู้นำองค์กรที่มีคุณลักษณะดังที่กล่าวมาจะสามารถทำให้องค์กรสามารถขับเคลื่อนผ่านวิกฤตได้ ทั้งยังช่วยยกระดับ แบรนด์ขององค์กรให้ไปอยู่ในจุดที่ดีขึ้น และสามารถเตรียมพร้อมรับมือกับสิ่งที่กำลังจะเกิดขึ้นได้อย่างมีประสิทธิภาพ นอกจากนี้วิกฤตเช่นนี้ยังนำไปสู่การเรียนรู้สิ่งใหม่ การเปลี่ยนแปลงองค์กร การสร้างสรรค์คุณค่าแก่ผู้ที่เกี่ยวข้องและสังคม ตลอดจนการสร้างความไว้เนื้อเชื่อใจแก่ผู้ที่เกี่ยวข้องอีกด้วย
ติดตาม Daywork ได้ที่ช่องทาง
Website : www.daywork.co
#DayworkThailand #Daywork #เดย์เวิร์ค #วิธีจัดการและบริหารคนทำงาน
แนะนำ วิธีจัดการและบริหารคนทำงาน รับมือกับ COVID-19 ระลอกใหม่
โฆษณา