19 พ.ค. 2021 เวลา 05:22 • ไลฟ์สไตล์
มงต์แซงมิเชล .... เมืองโบราณกลางน้ำ
ผ่านไปประเทศฝรั่งเศสแบบเฉียดๆผ่านๆหลายครั้ง ส่วนใหญ่ก็อยู่ในห้องประชุมบ้าง พอมีเวลาว่างก็ไปพิพิธภัณฑ์อันลือลั่น อีกทีก็ห้างสรรพสินค้าชื่อดังในปารีส ไม่ค่อยจะมีเวลาไปนอกเมือง ตอนเลิกทำงานแล้วเลยหาเรื่องไปเที่ยวล้วนๆกับเพื่อนเลิฟสามคนได้โอกาสจัดไปเลย ใครอยากไปไหนบอก เดี๋ยวหัวหน้าทัวร์จัดให้ ทัวร์คณะนี้มีสามคนทุกคนมีหน้าที่รับผิดชอบ คนนึงเป็นหัวหน้าวางแผนเส้นทางต่างๆจะแวะที่ไหนบ้าง หาข้อมูลสถานที่ที่จะไปแล้วมา brief ให้ฟังแบบเข้าหูซ้ายทะลุหูขวา .. อีกคนเป็นนักจอง ไม่ว่าจะเป็นเครื่องบินโลว์คอส โรงแรมที่พักตั้งแต่ 1 ดาวถึง 5 ดาว เธอจัดการได้หมด บางทีเพื่อนยังพูดไม่ทันจบประโยคเลย เธอจองเสร็จแล้ว อ๋อ..ตกลงไม่เอาที่นี่เหรอ ไม่เป็นไรแคนเซิลได้ เธอว่องไวและมีเสน่ห์เฉพาะตัวที่เจรจาเรื่องยากให้เป็นเรื่องง่ายได้เสมอ ..คนที่สามอย่าให้ไปเจรจาอะไรได้เรื่อง(ยุ่งยาก)มาทุกที เพื่อนบอกงั้นเธอจดจำเรื่องราวแล้วเขียนบันทึกไว้อ่านกันลืมละกัน โอเค ตามนั้น ก็เลยเป็นข้อดีที่ทำให้มีเรื่องมาเล่าได้ถึงตอนนี้ไงคะ
หัวหน้าทัวร์บอกใครอยากไปไหนค่อยว่ากัน แต่ฉันอยากไป มงต์แซงมิเชล แล้วก็สาธยายว่า "ที่นี่เป็นเมืองมรดกโลก World Heritage ตามนิยามของ UNESCO ความพิเศษของที่นี่คือ เมืองทั้งเมืองตั้งอยู่บนเนินเขากลางทะเล บริเวณไม่ใหญ่ถึงขั้นจะเรียกว่า เกาะ เป็นที่ตั้งปราสาทของขุนนางยุคโรมันและมีวัดประจำตระกูลที่ชื่อ Saint Michel นี่แหละ" ..เวลาน้ำขึ้นเมืองนี้ก็จะล้อมรอบไปด้วยน้ำขนาดต้องใช้เรือเป็นพาหนะข้ามไปมา แต่เวลาน้ำลงก็พอจะมองเห็นสันดอนทรายผสมโคลนเลนคล้ายๆที่ชายทะเลบางปูของบ้านเรา ต่อมาก็มีการสร้างเขื่อนปูนให้เป็นทางข้ามถาวร ให้รถแล่นไปถึงขอบด้านนอกของเมือง จากนั้นก็ต้องลงเดินเท้าก่อนจะเข้าประตูเมือง เรื่องการทำเขื่อนกั้นแบบนี้เป็นที่วิพากษ์วิจารณ์ของนักสิ่งแวดล้อม เพราะมันทำให้ทิศทางการไหลเวียนของน้ำทะเลเปลี่ยนไป กระทบระบบนิเวศน์ ...เรื่องทำอะไรที่ผิดไปจากธรรมชาติดั้งเดิมก็มักมีทั้งข้อดีและข้อเสียให้ถูกวิพากษ์วิจารณ์ได้เสมอ ทุกที่ทุกแห่ง
มงต์แซงมิเชล ที่เห็นจากไกลลิบ
Mont Saint Michel อยู่ในแคว้นนอร์มังดี ห่างจากปารีส 400 กว่า กม. ได้มั้ง ดังน้นเราก็วางแผนออกเดินทางกันตั้งแต่หกโมงเช้า กะว่าไปถึงที่หมายก็ได้เวลารับประทานอาหารกลางวันพอดี เราว่าจ้างรถพร้อมคนขับ (ซึ่งเป็นคนลาวที่ย้ายไปอยู่ฝรั่งเศสนานมากแล้ว พูดภาษาไทยชัดมากไม่บอกไม่รู้ว่าไม่ใช่คนไทย) เธอทำหน้าที่ขับรถและเป็นไกด์แนะนำเส้นทางตลอดจนจุดท่องเที่ยวต่างๆที่ควรแวะตลอดเส้นทางทั้งขาไปและขากลับ
นี่คือภาพใกล้จากที่ลงรถ และจะต้องเดินเข้าไปประมาณ 1 กม.
พอออกนอกเมืองสักพักผู้โดยสารก็เริ่มง่วง เสียงอูว์ อ๊าว์ เริ่มเบาลงเพราะสองข้างทางมีแต่ทุ่งหญ้าที่เต็มไปด้วยสีเหลืองของดอกมัสตาร์ดสลับกับไร่องุ่นที่สำหรับเอาไปหมักทำไวน์ ใช่แล้วนอร์มังดีถิ่นทำไวน์นั่นไง ตอนต้นเดือนพฤษภาคมปีนั้นอากาศยังไม่อุ่นพอ คนขับรถบอกว่าถ้ามาช้ากว่านี้อีกหน่อยทุ่งเหล่านี้จะเต็มไปด้วยสีม่วงของดอกลาเวนเดอร์ โอ้โฮได้กลิ่นลาเวนเดอร์ลอยมาเลย
เส้นทางที่ไปวันนั้นไม่ค่อยมีรถเท่าไหร่เพราะเป็นวันกลางสัปดาห์ไม่ใช่วันหยุด พอใกล้จะถึงเราเริ่มมองเห็นปราสาทยอดแหลมๆอยู่กลางทุ่งแบบไกลสุดลูกหูลูกตา ตอนแรกว่าอยู่ทางขวามือของเรา พอวกไปวนมาสักพัก อ้าว..เปลี่ยนมาอยู่ทางซ้าย สลับไปสลับมาจนงงไปหมด เคลิ้มๆไปอีกพักพอเงยหน้า ทีนี้เห็นชัดอยู่ตรงหน้าเลย มองดูว่ามีถนนลาดปูนเหมือนเป็นสันเขื่อนให้เดินต่อไปอีกสักหนึ่งกิโลเมตรเห็นจะได้ เห็นมีรถบัสจอดอญู่หลายคัน รถส่วนตัวก็มีพอประมาณ คนรถขับไปส่งจนถึงที่กั้นห้ามรถเข้า แล้วบอกจะรอแถวนี้ คุณออกมาก็โทรเรียกละกัน ..แถมกำชับว่า มาที่นี่อย่าลืมกิน ไข่เจียวแม่ปูหลาด นะครับ .. ใครมาที่นี่ไม่กินไข่เจียว ก็เหมือนไปหนองมนแล้วไม่กินข้าวหลามเลยละครับ
ระยะทางเดินไม่ไกลเท่าไหร่แต่อากาศเย็นต่ำกว่า 20 องศากับลมทะเลที่สามารถดึงหมวก ผ้าพันคอให้หลุดปลิวไปได้ง่ายๆต้องวิ่งตะครุบกันเป็นพัลวัน หลังจากเดินตามๆกันไปก็ถึงประตูเมือง พอโผล่พ้นประตูเข้าไปก็ต้องอึ้งและทึ่ง ผู้คนมากมายเต็มถนนไปหมด
ทางเดินมีแต่นักท่องเที่ยวแน่นไปหมด
มุมนี้คนน้อยหน่อย
เราเริ่มมองหาร้านอาหาร พลันสายตามองไปเห็นป้าย Mere Poulard มีคนยืนมุงหน้าร้านเต็ม ชะโงกไปดู ใช่ละมัง ร้านไข่เจียวมีพ่อครัวถือกะทะเหล็กด้ามยาวที่มีถาดแบนๆสองด้านประกบกัน พอเทของเหลวสีขาวนวลๆแบบแป้งแพนเค้กใส่ในกะทะด้านหนึ่งแล้วปิดฝา แล้วก็ยื่นกะทะนั้นลงไปในเตาที่มีถ่านแดงๆเลย พลิกกลับไปกลับมา 2-3 ครั้ง ก็สุกเปิดออกมาเป็นแป้งสีน้ำตาลอ่อนแบบขนมไข่ (ที่เคยขายตามหน้าโรงเรียนอนุบาลสมัยก่อนโน้น) แล้วเค้าก็พับเป็นครึ่งวงกลม แล้วตัดอีกทีเป็นชิ้นๆสามเหลี่ยมแบบพิซซ่า ห่อกระดาษแบบให้ถือกัดได้ แล้วส่งให้คนซื้อถือไปกินแบบ take away .. นี่น่ะเองที่เรียกว่าไข่เจียวแบบฝรั่ง หรือ ออมเล็ต Omlette นั่นเอง ตอนหลังถึงมารู้ว่า คำว่า Poulard แปลว่า (ไข่)ไก่ ไม่ใช่เป็นชื่อเจ้าของร้าน แบบ แม่กิมไล้ แม่ประนอม อะไรแบบนั้น ฮ่า ฮ่า ฮ่า
เราเลือกกินอาหารร้านนี้เพราะดูเมนุแล้วมีอย่างอื่นๆที่น่ากิน ไม่ได้มีแต่ไข่เจียว แต่ก็ลองสั่งมาหนึ่งจานแบ่งกันชิม สรุปว่า ม่ายอาหร่อย สู้ไข่เจียวฟูแบบของไทยไม่ได้เด็ดขาด
ออกจากร้านอาหารเราก็เดินเล่นชมเมือง ซึ่งหนาแน่นไปด้วยนักท่องเที่ยวเต็มไปหมด แต่ไม่เจอคนไทยนะ มีคณะนักเรียนระดับมัธยมต้นมั้งมาทัศนศึกษากัน คงจะเรียนวิชาประวัติศาสตร์น่ะ ถนนทุกสายเป็นถนนคนเดิน พื้นถนนปูด้วยหินก้อนสี่เหลี่ยม ชอบจังเลย สองข้างเป็นตึกแถวสไตล์แอนทีคโบราณคือตกแต่งหน้าร้านให้เข้ากับสินค้าของตัวแต่ละร้านไม่เหมือนกัน เปิดเป็นร้านขายของที่ระลึก เสื้อผ้า กระเป๋า รองเท้า เครื่องประดับ สวยๆทั้งนั้นละลานตามาก แล้วก็มีร้านกาแฟ ร้านขายขนม ให้นั่งชิลๆได้ มีทางเดินวนขึ้นไปตามไหล่เขาเป็นชั้นๆ มีบ้านเรือนที่ปลูกสองข้างทางเดิน ที่ตอนนี้ปรับเปลี่ยนเป็นโรงแรม ที่พักสำหรับนักท่องเที่ยว ...แต่ถ้ามาพักที่นี่กลางคืนคงเหงาน่าดูเหมือนโดนปล่อยเกาะ
มีบันไดวนแบบนี้ไปรอบเมือง ขึ้นไปสักพักหัวหน้าทัวร์บอกพอเถอะเก็บเข่าไว้ไปเดินที่อื่นบ้าง
ต้องบอกว่าภูมิทัศน์ของที่นี่งดงามมากค่ะ ดูจากภายนอกก็เห็นว่ายิ่งใหญ่อลังการ พอเข้ามาภายในก็ได้ความรู้สึกอีกแบบ เพราะอาคารบ้านเรือนล้วนเป็นขนาดเล็กๆคงความโบราณเหมือนบ้านในเทพนิยาย หรือกระท่อมของซินเดอเรลล่า มีบ้านปลูกอยู่ติดๆกันเป็นกลุ่มสักชุมชนหนึ่งก็จะมีสวนเล็กๆเป็นพื้นที่เปิดให้ออกมานั่งเล่นรับแดดร่วมกันได้ แล้วก็มีทางเดินวนขึ้นไปเรื่อยๆน่าจะสัก 7-8 ระดับ เห็นจะได้ ถีงแม้จะมีอาคารบ้านเรือนที่สร้างด้วยหินด้วยปูนอยู่ทุกซอกมุม แต่ก็น่าชื่นชมที่มีพื้นที่สีเขียวอยู่เป็นระยะๆ
เราอยากจะเดินขึ้นไปจนถึงชั้นบนสุดที่เป็นยอดปราสาท แต่พอวนขึ้นไปได้สักสองชั้น ก็เริ่มตึงน่องและหัวเข่า เลยตกลงกันว่า พอเถอะ พอได้ไอเดียแล้วว่าผังเมืองของที่นี่วนไปเรื่อยๆเหมือนเขาวงกตเลย อีกอย่างยังมีรายการที่ต้องแวะขากลับอีก พอสมควรแก่เวลาเราก็กลับออกมา
ใครที่เคยมาที่นี่แล้วคงหลับตานึกภาพออกเลยนะคะ หัวหน้าทัวร์บอกว่าเหมือนยกภูเขาทองมาไว้กลางทะเล ใครที่ยังไม่ได้มา ขอแนะนำเลยค่ะ ถ้าอยากเห็นบ้านในเทพนิยายต้องที่นี่ แต่ควรรีบมาตอนกำลังขายังดีนะคะ คือต้องเดินเยอะมากค่ะ
#MontSaintMichel
#เมืองมรดกโลก
#onlylovelydays
#onlyrose
โฆษณา