หัวหน้าทัวร์บอกใครอยากไปไหนค่อยว่ากัน แต่ฉันอยากไป มงต์แซงมิเชล แล้วก็สาธยายว่า "ที่นี่เป็นเมืองมรดกโลก World Heritage ตามนิยามของ UNESCO ความพิเศษของที่นี่คือ เมืองทั้งเมืองตั้งอยู่บนเนินเขากลางทะเล บริเวณไม่ใหญ่ถึงขั้นจะเรียกว่า เกาะ เป็นที่ตั้งปราสาทของขุนนางยุคโรมันและมีวัดประจำตระกูลที่ชื่อ Saint Michel นี่แหละ" ..เวลาน้ำขึ้นเมืองนี้ก็จะล้อมรอบไปด้วยน้ำขนาดต้องใช้เรือเป็นพาหนะข้ามไปมา แต่เวลาน้ำลงก็พอจะมองเห็นสันดอนทรายผสมโคลนเลนคล้ายๆที่ชายทะเลบางปูของบ้านเรา ต่อมาก็มีการสร้างเขื่อนปูนให้เป็นทางข้ามถาวร ให้รถแล่นไปถึงขอบด้านนอกของเมือง จากนั้นก็ต้องลงเดินเท้าก่อนจะเข้าประตูเมือง เรื่องการทำเขื่อนกั้นแบบนี้เป็นที่วิพากษ์วิจารณ์ของนักสิ่งแวดล้อม เพราะมันทำให้ทิศทางการไหลเวียนของน้ำทะเลเปลี่ยนไป กระทบระบบนิเวศน์ ...เรื่องทำอะไรที่ผิดไปจากธรรมชาติดั้งเดิมก็มักมีทั้งข้อดีและข้อเสียให้ถูกวิพากษ์วิจารณ์ได้เสมอ ทุกที่ทุกแห่ง
มงต์แซงมิเชล ที่เห็นจากไกลลิบ
Mont Saint Michel อยู่ในแคว้นนอร์มังดี ห่างจากปารีส 400 กว่า กม. ได้มั้ง ดังน้นเราก็วางแผนออกเดินทางกันตั้งแต่หกโมงเช้า กะว่าไปถึงที่หมายก็ได้เวลารับประทานอาหารกลางวันพอดี เราว่าจ้างรถพร้อมคนขับ (ซึ่งเป็นคนลาวที่ย้ายไปอยู่ฝรั่งเศสนานมากแล้ว พูดภาษาไทยชัดมากไม่บอกไม่รู้ว่าไม่ใช่คนไทย) เธอทำหน้าที่ขับรถและเป็นไกด์แนะนำเส้นทางตลอดจนจุดท่องเที่ยวต่างๆที่ควรแวะตลอดเส้นทางทั้งขาไปและขากลับ