สอนลูกไปกับการ์ตูน EP1. Frozen
เนื่องจากสัปดาห์ที่แล้วผมได้เขียนเกี่ยวกับการ์ตูนเรื่องนี้ไปแล้ว เลยอยากจะเขียนให้จบไปก่อนนะครับ ข้อ 1-7 จะซ้ำกับโพสต์เมื่อสัปดาห์ที่แล้วนะครับสำหรับท่านที่อ่านแล้ว (เขียนไว้ในเฟสบุ๊คนะครับ)
1. ถ้าใครมีลูกสาวอย่างผม เชื่อว่าทุกท่านต้องรู้จักการ์ตูนเรื่องนี้อย่างแน่นอน หนังเรื่องนี้เป็นอนิเมชั่นที่ทำรายได้สูงสุดตลอดกาลในปี 2013 ก่อนที่จะถูกทำลายสถิติลงจากภาคต่อและหนัง Lion King (Remake) ตามลำดับ
ต่อจากนี้เป็นการสปอย์นะครับ ถ้ารู้เรื่องแล้วข้ามไปที่ข้อ 8 ได้เลย
2. เนื้อเรื่องในหนังคร่าว ๆ คือ 2 เอลซ่ากับอันนาเป็นพี่น้องที่สนิทกันมากและมักเล่นด้วยกันเสมอ โดยเอลซ่านั้นมีพลังวิเศษสามารถเสกน้ำแข็งและหิมะด้วยมือเปล่าได้
3. วันหนึ่งขณะที่ 2 พี่น้องเล่นกัน เอลซ่าเกิดพลั้งทำให้อันนาได้รับบาดเจ็บจากพลังของตัวเอง สุดท้ายพระราชาและพระราชินีพาไปให้โทรลรักษาและลบความทรงจำของอันนาเกี่ยวกับพลังของเอลซ่า และเอลซ่าเลือกที่จะปลีกตัวไม่ยุ่งกับใครเพราะกลัวพลังของตัวเองจะไปทำร้ายคนอื่น
4. ต่อมาพ่อแม่ของทั้งคู่สาบสูญไปกลางทะเล เอลซ่าทำพิธีเป็นราชินีตอนอายุครบ 21 อันนารู้จักกับฮานส์ในพิธีการและตกลงใจที่จะแต่งงาน เอลซ่าไม่เห็นด้วย ทั้งคู่ทะเลาะกันจนเอลซ่าเผลอปล่อยพลังออกมา ทุกคนหวาดกลัว นางเลยหนีไปบนภูเขาพร้อมกับร้องเพลง "Let it go" สวย ๆ
5. อันนาพยายามตามหาเอลซ่า - เจอคริสตอฟ - ผจญภัยด้วยกัน - อันนาเจอเอลซ่ายิงพลังใส่หัวใจ - ต้องใช้รักแท้รักษา - เดินทางกลับไปหาฮานส์
6. ฮานส์จับเอลซ่าได้ - เจออันนาบอกช่วยไม่ได้เพราะแค่แกล้งรัก - เอลซ่าหนีไปพร้อมสร้างพายุหิมะ - ฮานส์จะไล่ฆ่าเอลซ่า - อันนาจะไปหาคริสตอฟ
7. จบเรื่องโดยการที่อันนาเสียสละเพื่อปกป้องพี่ตัวเอง - เอลซ่าร้องไห้ ความรักละลายน้ำแข็งบนตัวอันนาได้ Happy Ending
เราสอนอะไรลูกได้บ้าง?
8. เด็กเล็กบางคนอาจจะไม่ชอบใจที่ตัวเองไม่ได้แรงเยอะเหมือนพ่อแม่ แต่เหตุการณ์ในวัยเด็กที่เอลซ่าพลาดยิงพลังใส่อันนาสามารถใช้สอนเขาได้นะครับว่าการที่เรามีกำลังมากโดยที่เรายังไม่พร้อมนั้นมันอาจจะก่อให้เกิดผลเสียได้ โดยพลังของเอลซ่าที่คนทั่วไปไม่มีนั่นละครับเป็นตัวอย่างที่เห็นเป็นภาพได้มากที่สุดยิ่งกว่าประโยค “พลังที่ยิ่งใหญ่ มาพร้อมกับความรับผิดชอบอันใหญ่ยิ่ง” ของลุงเบนอีก (จากหนัง Spiderman ภาคเก่า ๆ)
9. บางทีปัญหาก็เกิดจากการที่เราเลือกที่จะ “หนี” ปัญหา หากเราเปรียบเทียบพลังของเอลซ่าว่าเป็นปัญหา สิ่งที่ทุกคนในเรื่องนอกจากอันนาแนะนำให้เอลซ่าทำคือการหนีจากปัญหาด้วยการกักตัวแทนที่จะจัดการกับมัน สุดท้ายปัญหามันก็ยังอยู่ตรงนั้น และเมื่อมันไม่ได้แก้ มันก็จะยังอยู่ตรงนั้นและมีแนวโน้มที่จะส่งผลกระทบที่มากกว่าเดิม อย่างในเรื่องก็เป็นพายุหิมะเลยทีเดียว
10. เรื่องของเจ้าชายฮานส์เป็นสิ่งที่ผมชอบอีกอย่างหนึ่งของเรื่องนี้ เด็ก ๆ ไม่ควรจะไว้ใจคนแปลกหน้าที่เจอกันเพียงครั้งเดียว ทุกคนไม่ได้โชคดีแบบเจ้าหญิงดิสนี่ย์อย่างซินเดอเรลล่าหรือสโนว์ไวท์ คนดีนั้นมีแน่นอนครับ เพียงแต่เราต้องใช้เวลาในการทำความรู้จัก เพราะสำหรับเด็ก คนอย่างฮานส์คือ “คนแปลกหน้า” ครับ
11. เพลง “Let it go” คือหัวใจของเรื่องนี้เลยครับ เราสามารถสอนลูกได้เลยครับว่ามันไม่มีอะไรที่จะสุขใจไปกว่าการเป็นตัวของตัวเองอีกแล้วครับ (อันนี้สำหรับเด็กโตหน่อยนะ) บางทีความทุกข์ที่เกิดขึ้นก็ไม่ได้มาจากตัวเราเองแต่มาจากความคาดหวังของคนอื่นที่อยากให้เราเป็นไปในแบบที่เขาต้องการมากกว่า อันนี้รวมถึงพ่อแม่ด้วยที่ควรจะ Let it go โดยการปล่อยให้ลูก “เป็นตัวเรา อย่างที่เป็น” ดีกว่าไปบังคับเขานะครับ
12. อันนี้ขำ ๆ นะครับ เนื่องจากลูกผมนอนยาก เลยต้องสอนว่าในความเป็นจริงคนเราต้อง “นอน” นะครับ ไม่มีใครทำแบบอันนากับคริสตอฟที่เดินทางตลอดโดยไม่ได้พักได้หรอกครับ
13. อีกสิ่งที่เด็ดของเรื่องนี้คือ “ความรัก” ไม่ได้มีแต่ในรูปแบบของชายหนุ่มกับหญิงสาวอย่างเดียว แต่ยังมีความรักระหว่างพี่กับน้อง และความรักแบบที่พ่อกับแม่มีให้กับเขา ถ้าคุณมีลูกคนเดียวและไม่อยากมีน้อง หรือกำลังจะมีน้องให้เขา การ์ตูนเรื่องนี้อาจจะทำให้เขารู้สึกดีกับการมีน้องได้มากขึ้นครับ (แต่ผมมีลูกสาวนะ ถ้าเป็นลูกชายก็ไม่แน่ใจ)
14. ไม่ใช่ทุกคนจำเป็นที่จะต้องมี “แฟน” นะครับ ตัวเอลซ่าเองก็โสดแบบสวย ๆ ได้ อย่าเอาความสุขของเราไปผูกติดกับคนอื่นครับ ถ้าจะมี ชีวิตเราต้องดีขึ้นครับ
15. สุดท้าย เรื่องนี้สามารถสอนให้ลูกคิดได้นะครับว่าที่นำแข็งของอันนาละลายนั้นเพราะ “ความรัก” จากอะไร มันตีความได้หลายอย่างมากเลยครับ เช่นความรักของเอลซ่าที่มีต่ออันนาทำให้เธอสามารถละลายน้ำแข็งได้ แต่ที่ผมชอบที่สุดและใช้สอนลูกก็คือ ความรักคือการที่เราเห็นอีกฝ่ายสำคัญกว่าตัวเรา เช่นการที่อันนาเห็นว่าชีวิตของเอลซ่าสำคัญกว่าตัวเอง และการเลือกที่จะปกป้องเอลซ่าคือการกระทำของ “รักแท้” ทำให้เธอสามารถละลายหัวใจน้ำแข็งได้ครับ (แต่เด็กเล็กไม่เข้าใจหรอกนะครับ 555)
เอาจริง ๆ ตอนเด็กผมก็ไม่ได้ดูการ์ตูนดิสนี่ย์เท่าไรนะครับ โดยเฉพาะพวกเจ้าหญิงเพราะคิดว่ามันเป็นการ์ตูนสำหรับเด็กผู้หญิง แต่พอโตมาแล้วได้ลองดูก็พบว่าการ์ตูนก็มีแง่คิดดี ๆ มากมายเลยเป็นที่มาของบทความชุดนี้ละครับ
ภาพประกอบจากปก DVD ที่ขายในเว็บ AMAZON นะครับ
ช่วงโฆษณา
แต่ถ้าลูกท่านยังเด็กอยู่ เราไม่แนะนำให้ดูจอนะครับ ท่านสามารถ Download E-book ทุกเล่มของผมเพื่ออ่านให้เขาฟังได้ที่
ทั้งนี้ หากท่านมีความประสงค์ในการสั่งซื่้อหรือลุ้นรับในแบบรูปเล่ม ท่านสามารถลงทะเบียนได้ฟรีโดยการสแกน QR Code ที่ปกหลังนะครับผม
ดูเพิ่มเติมในซีรีส์
โฆษณา
- ดาวน์โหลดแอปพลิเคชัน
- © 2025 Blockdit
