30 ก.ค. 2021 เวลา 03:30 • ไลฟ์สไตล์
ทำไมต้องรู้จักพันธุ์องุ่นทำไวน์? (Part 1)
“ผลองุ่น” เป็นผลงานชิ้นโบว์แดงจาก Terroir และเป็นวัตถุดิบหลักที่นำมาผลิตไวน์ซึ่งแต่ละสายพันธุ์ที่ถูกนำมาใช้ผลิตทั้งไวน์ทุกประเภทมีคุณสมบัติหรือบุคลิกแตกต่างกันออกไป ดังนั้น การทำความรู้จักสายพันธุ์องุ่นต่างๆให้มากที่สุดจึงเปรียบเหมือนลายแทงสมบัติที่ช่วยให้จินตนาการถึงคาแรคเตอร์และรสชาติคร่าวๆของไวน์ที่เรากำลังจะซื้อ ทำให้เราตัดสินใจเลือกซื้อไวน์ได้ง่ายขึ้น และตรงกับรสนิยมของแต่บุคคลอีกด้วย
แต่อย่างไรก็ตาม เวลาที่คุณก้าวเข้าไปในร้านขายไวน์หรือร้านอาหารที่มีไวน์จากทั่วทุกมุมโลกให้เลือกอย่างละลานตา ต้องยอมรับค่ะว่าการเลือกไวน์มันเป็นเรื่องยาก สับสน และท้าทายยิ่งกว่าการสั่งอาหารซะอีก เพื่อให้คุณไม่ไปยืนงงในดงไวน์ ปุ้ยอยากให้คุณอ่านบทความนี้ เพื่อให้เกิดความเข้าใจในเรื่องราวขององุ่นแต่ละสายพันธุ์อย่างง่ายๆ ซึ่งปุ้ยเชื่อว่าสำหรับมือใหม่หัดดื่มหรือคอไวน์ที่ยังงงๆกับการแยกกลิ่นอะโรม่า (Aroma) ไม่คล่อง เมื่อคุณเห็นฉลากไวน์โลกใหม่ซึ่งมีการบอกชื่อสายพันธุ์ที่ใช้ทำไวน์อย่างตรงไตรงมา คุณจะสามารถนำข้อมูลที่ปุ้ยได้สรุปมาให้นี้ไปใช้ประโยชน์ในการเลือกซื้อไวน์สักขวดได้ไม่ยาก และอาจจะกลายเป็นเรื่องสนุกของคุณเพราะคุณ "รู้จัก" พวกมันดีพอแล้ว!
ประเภทองุ่นที่ปลูกทั่วโลก (สีแดง-องุ่นไวน์; สีเหลือง-องุ่นแห้ง; สีเขียว- องุ่นสดกินผล) ข้อมูลจาก OIV 2017
International Grapes หรือ Noble Grapes คืออะไร?
ตามข้อมูลจาก International Organization of Vine and Wine (OIV) องค์กรระหว่างรัฐบาลที่เกี่ยวข้องกับด้านเทคนิคและวิทยาศาสตร์การปลูกองุ่นและการผลิตไวน์ ได้สรุปว่าแท้จริงแล้วในโลกของไวน์มีองุ่นที่ใช้ทำไวน์ประมาณ 10,000 สายพันธุ์ โดยมี 13 พันธุ์ที่ปลูกอยู่ในไร่องุ่นครอบคลุมมากกว่าหนึ่งในสามของพื้นที่ทั่วโลก และอีก 33 พันธุ์ปลูกมากถึง 50 เปอร์เซนต์ องุ่นสายพันธุ์ที่สามารถปลูกได้หลายประเทศทั่วโลกจะถูกเรียกว่า “International grape varieties” หรือ “Noble grapes” ตัวอย่างสายพันธุ์ที่ทุกคนรู้จักมากที่สุด คือ องุ่นดำ Cabernet Sauvignon ซึ่งในปัจจุบันเป็นหนึ่งในพันธุ์ที่มีการปลูกมากที่สุดในโลก องุ่น Chardonnay ราชาแห่งองุ่นเขียว สายพันธุ์ที่รู้จักแพร่หลายรองลงมา ได้แก่ Merlot, Syrah (ซีร่าห์) หรือ Shiraz (ชีราซ), Pinot Noir Zinfandel (ซินฟานเดล), Riesling, Pinot Gris และ Sauvignon blanc
ในขณะที่สายพันธุ์อื่นๆอาจมีการปลูกเพิ่มขึ้นด้วยเช่นกัน แต่เราจะเรียกสายพันธุ์เหล่านั้นว่า Regional grapes หรือสายพันธุ์องุ่นที่ปลูกเฉพาะในประเทศใดประเทศหนึ่ง ซึ่งอาจจะเป็นพันธุ์พื้นเมือง (Native grapes) ที่สามารถพบได้ในภูมิภาคนั้นแห่งเดียว เช่น องุ่นแดง Carménère (คาเมแนร์) ปลูกมากที่สุดในประเทศชิลี หรือ Pinotage (พิโนทาจ) เป็นสายพันธุ์ที่พบได้แค่ในประเทศแอฟฟริกาใต้เท่านั้น เป็นต้น ซึ่งคาแรคเตอร์ขององุ่นแต่ละพันธุ์จะค่อยๆทยอยเขียนให้อ่านนะคะ
สำหรับผู้ซื้อและผู้ขาย ความรู้เรื่องสายพันธุ์องุ่นพอสังเขปนั้นเป็นประโยชน์มาก เพราะผู้ซื้อสามารถเดารสชาติ คาแรคเตอร์ และสไตล์ของไวน์ที่กำลังเลือกอยู่บนชั้นได้ ในขณะที่ผู้ขายเองควรจะต้องศึกษาหาความรู้เรื่องพันธุ์องุ่นเพื่อที่จะได้แนะนำไวน์ได้ถูกต้องและตรงใจผู้ซื้อทุกกลุ่มทุกเป้าหมายมากที่สุด ซึ่งชื่อของสายพันธุ์องุ่นที่ใช้ทำไวน์ถ้าเป็นไวน์โลกใหม่มักจะระบุทั้งชื่อพันธุ์และสัดส่วนที่ใช้ผลิตอยู่บนฉลากไวน์ให้เห็นชัดเจน ดูได้จากฉลากไวน์ด้านหน้าหรือด้านหลังขวด แต่ถ้าเป็นไวน์โลกเก่าอาจจะยุ่งยากกว่า เพราะไม่ค่อยระบุชื่อพันธุ์องุ่นไว้เลย แต่จะระบุชื่อแหล่งพื้นที่ปลูกหรือผลิต และปีที่ผลิต ทำให้ผู้ซื้อที่ไม่รู้หลักในการอ่านฉลากจะคาดเดาไม่ได้เลยว่าไวน์ขวดนั้นจะมีรสชาติหรือคาแรคเตอร์เป็นอย่างไร
อ่านและจดบันทึกเกี่ยวกับคาแรคเตอร์สายพันธุ์องุ่นจะทำให้เลือกซื้อไวน์ได้ง่ายขึ้น
แต่อย่างไรก็ดี เมื่อรู้ข้อมูลสายพันธุ์องุ่นบ้างก็ลองซื้อ ลองดื่ม และอย่าลืมจดบันทึกไว้ด้วยก็ดี จะได้เกิดความเชี่ยวชาญในการเลือกซื้อไวน์ที่ตรงกับความชอบของคุณโดยไม่ต้องมานั่งเสียใจและรู้สึกเสียดายเงินที่จ่ายไปค่ะ
อ้างอิงจาก
1. รายงาน Distribution of the world’s grapevine varieties ของ OIV ปี 2017
2. Podcast คอไวน์
3. รูปจาก unsplash.com
สามารถรับฟังเกี่ยวกับ "การอ่านฉลากไวน์โลกใหม่และโลกเก่า" ได้ที่ลิงก์นี้ค่ะ
โฆษณา