‘เราชนะภาคอวสาน’ (ลอง) เสนอโดยเดอะซีเรียสฯ
The Serious - We win (Ver End Game)
เดอะซีเรียสเคยได้ทำสรุปมหากาพย์นโยบายเศรษฐกิจภายใต้กุนซือ ‘บิ๊กตู่’ ไปสักพักนึงแล้ว ร่ายยาวตั้งแต่ คนละครึ่ง เราชนะ ไปจนถึงเราไม่ทิ้งกัน ซึ่งแต่ละโครงการก็มีหลายภาคนับกันไม่หวั่นไม่ไหว ซึ่งก็อย่างทีเห็นว่า เรายังไม่มีทีท่าที่จะชนะในเร็ววัน
เราคงไม่ต้องพูดวิเคราะห์กันให้ยืดยาวแล้วว่า วัคซีน ‘เท่านั้น’ ถึงจะ ‘ปิดเกม’ COVID-19 แบบ ‘ปิดตาย’ แล้วจึงจะสามารถเริ่มการฟื้นฟูเศรษฐกิจไทยได้อย่างเต็มรูปแบบ ดังนั้น ยิ่งเร่งการฉีดวัคซีนได้เร็วขึ้นเท่าไร รัฐบาลจะได้กลับไปมี ‘สติ’ และ ‘สมาธิ’ ในการแก้ปัญหาปากท้องจริงจังเสียที
ในช่วงเวลาที่ปริมาณวัคซีนของเรากำลังจะมาเต็มรูปแบบ (ถ้าเป็นไปตามคาด) ทั้งจากฐานการผลิตวัคซีนแอสตราเซเนก้า ในประเทศไทยเองก็ดี และการนำเข้าวัคซีนยี่ห้ออื่น ๆ โดยภาครัฐ ไทยคงเริ่มการฉีดแบบเต็มรูปแบบได้ตั้งแต่เดือนมิถุนายน 64 เป็นต้นไป
ผนวกกับการนำเข้าวัคซีนโดยโรงพยาบาลเอกชน ซึ่งคาดว่าจะเริ่มนำเข้ามาได้จริงในช่วงไตรมาส 3-4 ในปีนี้ ก็จะทำให้มีโอกาศสร้าง ‘ภูมิคุ้มกันหมู่’ (Herd Immunity) ซึ่งอาจต้องฉีดอย่างน้อยร้อยละ 60-70 ของประชากรทั้งประเทศภายในสิ้นปีนี้ได้ทัน
ปัญหาในตอนนี้มีหลายด้าน ทั้งระบบการลงทะเบียนที่หลากหลาย ความไม่มั่นใจในตัววัคซีน และค่าใช้จ่ายในการฉีดวัคซีนกรณีที่ไปรับจากโรงพยาบาลเอกชนเองก็อาจจะมีราคาค่อนข้างสูง
เราจึงขอเสนอ 'เราชนะ ภาคอวสาน' โดยมีคอนเซปต์ ‘รับวัคซีน รัฐพร้อมเปย์’ โดยลงทะเบียนรับวัคซีนผ่านแอปธนาคาร (mobile banking) ฉีดวัคซีนเสร็จรัฐโอนเงินเข้าพร้อมเพย์ 1 พันบาท
การดำเนินการแบบนี้อาจตอบโจทย์ในหลายประเด็นไปพร้อมกัน เช่น
1. ปัญหาการลงทะเบียนจะจบลงทันที เนื่องจากปัจจุบันประชาชนส่วนใหญ่คุ้นเคยและเข้าถึงแอปธนาคารกันอยู่แล้ว และสามารถให้แต่ละธนาคารแบ่งกันดูแลลูกค้าของตนเองได้
2. จากผลกระทบ COVID ระลอกสาม เราทราบกันดีอยู่แล้วว่า เศรษฐกิจไทยคงดิ่งเหวไปอีกสักระยะ การอัดฉีดเม็ดเงินพร้อมกับการแจกจ่ายวัคซีนจะเป็นการกระตุ้นเศรษฐกิจไปพร้อม ๆ กันได้
3. เม็ดเงินที่ใช้รอบนี้หากคำนวนเป็น 60% ของประชากรไทยจะใช้งบราว 4 หมื่นล้านบาท ซึ่งจะแลกมากับการเปิดเศรษฐกิจภาคการท่องเที่ยวเต็มรูปแบบ 100% ซึ่งมีมูลค่าราว ๆ 10-15% ของจีดีพีประเทศไทย (ราว 2 ล้านล้านบาท) และจะน่าจะเป็น ‘เราชนะ’ ครั้งสุดท้าย
4. การให้ทั้งคนที่ฉีดวัคซีนกับโรงพยาบาลเอกชนและรัฐบาลได้ประโยชน์หลายประการ คือ 1) ช่วยลดภาระโรงพยาบาลรัฐบาล 2) เพิ่มความรวดเร็วในการแจกจ่ายวัคซีน และแน่นอนว่า 3) ช่วยฟื้นฟูธุรกิจโรงพยาบาลเอกชน ซึ่งเป็นธุรกิจที่ได้รับผลกระทบจาก COVID-19 นี้เป็นอันดับต้น ๆ เช่นกัน
5. การจ่ายเงินผ่านพร้อมเพย์ ช่วยลดปัญหาระบบล่มจากการใช้งานระบบใดระบบหนึ่ง ประชาชนไม่ต้องลงทะเบียนซ้ำเพราะมีผู้ใช้งานมากกว่า 50 ล้านคนทั่วประเทศ และที่สำคัญก็จะสร้างรายได้ค่าธรรมเนียม เงินหมุนเวียนบางส่วนให้แก่ระบบธนาคารไปด้วย
6. เป็นวิธีการที่สื่อสารกับประชาชนทั่วไปง่ายที่สุด เพราะลงทะเบียนกับธนาคารของตนเอง เบื้องหลังบรรดาสมาคมธนาคาร กระทรวงสาธารณสุข ก็ไปวางแผนกันว่า จะยืนยันการฉีดวัคซีนที่โรงพยาบาลกับข้อมูลที่ได้รับมาจากสมาคมธนาคารยังไง (ซึ่งบอกตามตรง มันไม่น่าจะมีอะไรซับซ้อนเลย)
แล้วท่านคิดเห็นอย่างไร... โปรดวิพากย์ได้อย่างเต็มที่
#ถ้าชอบก็แชร์ไปให้ถึงลุงข้างบ้านที
- 2
โฆษณา
- ดาวน์โหลดแอปพลิเคชัน
- © 2024 Blockdit
