Blockdit Logo
Blockdit Logo (Mobile)
สำรวจ
ลงทุน
คำถาม
เข้าสู่ระบบ
มีบัญชีอยู่แล้ว?
เข้าสู่ระบบ
หรือ
ลงทะเบียน
หนังสือสนทนากับพระเจ้า
•
ติดตาม
18 พ.ค. 2021 เวลา 09:58 • หนังสือ
#56 เล่ม 2 บทที่ 20 หน้า 320 ~ 324 (จบเล่ม 2)
...
N : ทำไมพระองค์ถึงบอกว่าให้ลืมศาสนาเสีย❓
...
...
...
G : เพราะมันไม่เป็นผลดีต่อเธอน่ะสิ จงเข้าใจว่าองค์กรทางศาสนาจะประสบความสำเร็จได้ก็ต่อเมื่อต้องทำให้ผู้คนเชื่อว่าพวกเขาจำเป็นต้องพึ่งพาศาสนา การจะใส่ความเชื่อบางอย่างให้กับผู้คนได้นั้น อันดับแรกต้องทำให้พวกเขาหมดศรัทธาในตัวเองเสียก่อน
ดังนั้นงานแรกขององค์กรทางศาสนาก็คือต้องทำให้เธอหมดศรัทธาในตัวเองก่อน งานต่อมาก็ต้องทำให้เธอเห็นว่าพวกเขามีคำตอบที่เธอไม่มี งานสุดท้ายและเป็นงานที่สำคัญที่สุดคือ 💢ต้องทำให้เธอยอมรับคำตอบของพวกเขาโดยไม่มีคำถาม💢
เพราะถ้าเธอถาม เธอก็ต้องเริ่มคิด! ถ้าเธอคิด นั่นจะเป็นจุดเริ่มต้นของการกลับเข้าสู่ต้นกำเนิดภายใน ศาสนาไม่อาจให้เธอทำอย่างนั้นได้ เพราะเธอมีแนวโน้มว่าจะได้รับคำตอบที่ต่างไปจากที่พวกเขา "คิดขึ้นมา" เพื่อบอกเธอ
ฉะนั้นศาสนาต้องทำให้เธอสงสัยในตัวเอง ต้องทำให้เธอสงสัยในความสามารถของตัวเองที่จะคิดได้อย่างตรงไปตรงมา★
★คิดอย่างตรงไปตรงมา คือ ไม่ว่าจะคิดสงสัยตรงไหนก็กล้าที่จะตั้งคำถามเพื่อถามความรู้สึกของตัวเองว่านี่มันใช่ไหม? ไม่ใช่ถูกทำให้เชื่อว่าการสงสัยในสิ่งนี้นั้นเป็นบาป ต้องตกนรก หรืออะไรก็ตามเถือกนั้น ฯลฯ ~ แอดมิน
ศาสนามักก่อให้เกิดปัญหาที่เลวร้ายอยู่บ่อยๆ เพราะขนาดตัวเธอเองในบางครั้งยังสงสัยในความคิดของตัวเองและไม่อาจยอมรับมันได้เลย แล้วเธอจะไม่สงสัยแนวคิดใหม่ๆเกี่ยวกับพระเจ้าที่ศาสนาพร่ำบอกเธอได้อย่างไร❓
อีกไม่นานเท่าไหร่เธอคงถึงขั้นสงสัยถึงการดำรงอยู่ของฉัน...ซึ่งมันน่าตลกที่ก่อนหน้านี้เธอไม่เคยคิดสงสัยมาก่อน เพราะเมื่อเธอใช้ชีวิตตามการหยั่งรู้จากภายใน แม้เธอไม่อาจหยั่งรู้หรือเข้าใจทั้งหมดเกี่ยวกับฉันได้ แต่เธอก็รู้ได้อย่างชัดเจนว่าฉันอยู่ตรงนั้น❗
💢ศาสนานั่นล่ะคือตัวการที่ทำให้ผู้คนไม่เชื่อว่ามีพระเจ้า💢
ใครที่ยังสติดีอยู่แล้วมองไปยังสิ่งที่ศาสนาทำยังไงก็ต้องสรุปว่าพระเจ้าไม่มีอยู่จริง! เพราะศาสนานั่นล่ะที่ใส่ความกลัวพระเจ้าเข้าไปในหัวใจของมนุษย์ทั้งหลาย ทั้งที่ครั้งหนึ่งมนุษย์ก็ผูกพันรักใคร่อยู่กับเบื้องบนมิวางวาย
ศาสนานั่นล่ะที่ "สั่ง" ให้มนุษย์ต้องคุกเข่าต่อหน้าเบื้องพระพักตร์ของพระผู้เป็นเจ้า ทั้งที่ครั้งหนึ่งมนุษย์ก็ยืนอยู่ต่อหน้าเบื้องพระพักตร์พร้อมเข้าหาพระเจ้าด้วยความเบิกบาน
ศาสนานั่นล่ะที่ "ล่าม" มนุษย์เอาไว้ด้วยความรู้สึกกังวลว่าพระเจ้าจะทรงพิโรธ ทั้งที่ครั้งหนึ่งมนุษย์ใฝ่หาพระเจ้าเพื่อปลดเปลื้องพันธนาการที่รัดรึง❗
ศาสนานั่นล่ะที่บอกมนุษย์ว่า "จงกระดากอาย" ร่างกายของตนรวมถึงกิจกรรมตามธรรมชาติที่สุดของมัน ทั้งที่ครั้งหนึ่งมนุษย์พากันเฉลิมฉลองกิจกรรมนั้นในฐานะที่เป็นของขวัญจากชีวิตอันยิ่งใหญ่
ศาสนานั่นล่ะที่สอนว่าพวกเธอต้องมี "สื่อกลาง" ในการเข้าถึงพระเจ้า ทั้งที่ครั้งหนึ่งพวกเธอก็รู้ได้ด้วยตัวเองว่าการเข้าถึงพระเจ้านั้นก็แค่เพียงต้องดำเนินชีวิตให้อยู่ในทำนองคลองธรรมและในสัจจะความจริง
และก็เป็นศาสนาอีกนั่นล่ะที่ "บังคับ" ให้มนุษย์ต้องรักและเทิดทูนพระเจ้า ทั้งที่ครั้งหนึ่งมนุษย์ก็รักและเทิดทูนพระเจ้าอยู่แล้วเพราะเป็นไปไม่ได้ที่จะไม่รัก❗
ไม่ว่าที่ไหนที่ศาสนาย่างกรายไปถึงก็สร้างแต่ความแตกแยกบาดหมาง...ซึ่ง 🔸ตรงกันข้ามกับสิ่งที่พระเจ้าเป็น🔸
ศาสนาได้แบ่งแยกมนุษย์ออกจากพระเจ้า แบ่งแยกมนุษย์ออกจากมนุษย์ด้วยกันเอง แยกผู้ชายออกจากผู้หญิง บางศาสนาถึงกับสอนว่าผู้ชายมีฐานะสูงกว่าผู้หญิง ขณะเดียวกันก็อ้างว่าพระเจ้าอยู่เหนือกว่ามนุษย์ผู้ชายอีกที จากนั้นก็สร้างภาพปลอมที่ยิ่งใหญ่ที่สุดเท่าที่เคยมีมาทำให้เผ่าพันธุ์มนุษย์เกินกว่าครึ่งถูกหลอก
ฉันจะบอกเธอว่า : พระเจ้าไม่ได้เหนือกว่าผู้ชาย และผู้ชายก็ไม่ได้เหนือกว่าผู้หญิง นั่นไม่ใช่ "ลำดับชั้นตามธรรมชาติของสรรพสิ่ง" หรอกนะ แต่นั่นคือสิ่งที่ผู้มีอำนาจทุกคน (พูดอีกอย่างก็คือพวกผู้ชาย) ปรารถนาให้เป็นเหมือนเมื่อครั้งที่สร้างศาสนาที่บูชาผู้ชายขึ้นมา ทั้งยังตัดทอนเอกสารร่างสุดท้ายของ "พระคัมภีร์ศักดิ์สิทธิ์" แล้วบิดเบือนที่เหลือให้เข้ากับกรอบที่ถูกออกแบบมาให้เข้าใจว่า "ผู้ชายเป็นใหญ่"
ศาสนานั่นล่ะที่ "ยืนกรานมาจนถึงทุกวันนี้" ว่าผู้หญิงนั้นด้อยกว่าผู้ชายไม่ทางใดก็ทางหนึ่ง เป็นพลเมืองชั้นสองทางจิตวิญญาณ และ "ไม่เหมาะสม" ที่จะเป็นผู้สอนสั่งวจนะของพระผู้เป็นเจ้าหรือรับใช้ผู้คน
✴️พวกเธอยังทะเลาะกันเหมือนเด็กๆอยู่เลยว่าฉันรับรองให้เพศไหนเป็นนักบวชได้❗
ฉันจะบอกพวกเธอว่า : พวกเธอทุกคนล้วนเป็นนักบวช พวกเธอทุกๆคนเลย
ไม่มีใครหรือชนชั้นไหนที่ "เหมาะสม" จะทำงานให้ฉันมากกว่ากัน
ทว่าผู้ชายจำนวนมากมายเหลือเกินที่ทำตัวไม่ต่างไปจากประเทศ นั่นคือ กระหายอำนาจ พวกเขาไม่ชอบแบ่งอำนาจให้ใคร ต้องการเพียงแค่การใช้อำนาจ จากนั้นพวกเขาก็สร้างพระเจ้าที่ทำตัวแบบเดียวกันนี้ขึ้นมา พระเจ้าที่กระหายอำนาจ พระเจ้าที่ไม่ชอบแบ่งอำนาจให้ใครและชอบใช้อำนาจแต่เพียงอย่างเดียว
ทว่าฉันจะบอกพวกเธอว่า : ของขวัญที่ยิ่งใหญ่ที่สุดของพระเจ้าก็คือ ✨การแบ่งปันพลังอำนาจของตัวเองให้✨
✴️ฉันต้องการให้พวกเธอเป็นเหมือนฉัน✴️
N : แต่พวกเราเป็นเหมือนพระองค์ไม่ได้หรอกนะครับ! นั่นถือเป็นการลบหลู่ดูหมิ่น
G : การลบหลู่คือการที่พวกเธอเชื่ออย่างนั้นนั่นล่ะ
ฉันจะบอกพวกเธอว่า : ✨พวกเธอถูกสร้างขึ้นเหมือนและตามอย่างฉายาลักษณ์ของพระผู้เป็นเจ้า✨
✴️นั่นคือชะตากรรมที่พวกเธอมาเพื่อบรรลุ✴️
พวกเธอไม่ได้มาที่นี่เพื่อจะต้องหาทางไขว่คว้า กระเสือกกระสนดิ้นรน และไม่มีทางที่จะไปถึงที่ "ตรงนั้น" เช่นเดียวกับที่ฉันก็ 🔸ไม่ได้ส่งพวกเธอมาเพื่อทำภารกิจที่ไม่มีวันสำเร็จ🔸
จงเชื่อในคุณงามความดีของพระเจ้า จงเชื่อการสร้างสรรค์อันบริสุทธิ์ของพระผู้เป็นเจ้า พูดอีกอย่างก็คือ ✴️จงเชื่อในตัวตนอันศักดิ์สิทธิ์ของตัวเอง✴️
N : พระองค์พูดอะไรบางอย่างก่อนหน้านี้ในหนังสือเล่มนี้ที่ผมรู้สึกว่าน่าสนใจ ผมอยากย้อนกลับไปตรงนั้นสักนิดก่อนที่จะจบเล่ม พระองค์บอกว่า "อำนาจเบ็ดเสร็จจะไม่เรียกร้องอะไรเลยเด็ดขาด" สิ่งนี้คือธรรมชาติของพระเจ้าใช่หรือเปล่าครับ❓
G : แล้วเธอก็เข้าใจจนได้นะ
✴️ ฉันเคยบอกว่า : "พระเจ้าคือทุกสิ่งและจะกลายเป็นทุกอย่าง ไม่มีสิ่งใดที่พระเจ้าไม่ได้เป็น ทั้งหมดคือภาวะที่พระเจ้ากำลังมีประสบการณ์ถึงตัวเอง พระเจ้ากำลังมีประสบการณ์อยู่ในตัวเธอ ในฐานะที่เป็นเธอ และผ่านทางเธอ" ✴️
✴️ ในลักษณ์ที่บริสุทธิ์ที่สุดของฉัน ฉันคือความสมบูรณ์แบบ ฉันคือทั้งหมดทั้งมวล ฉันเป็นทุกสิ่งทุกอย่าง "ดังนั้นจึงไม่ขาดอะไร ไม่ต้องการสิ่งใด และไม่เรียกร้องอะไรทั้งนั้น" ✴️
✴️ จากภาวะอันบริสุทธิ์ที่สุดนี้เอง ฉันเป็นอะไรก็ขึ้นอยู่กับว่าเธอสร้างให้ฉันเป็นอะไร เหมือนกับว่าในที่สุดเธอก็ได้เห็นพระเจ้าแล้วรำพึงรำพันว่า "โว่ว พระองค์คือสิ่งใดกันแน่หนอ❓" ✴️
✴️ แต่ทว่า ไม่ว่าเธอจะสร้างให้ฉันเป็นอะไร ฉันก็ไม่อาจลืม และจะกลับคืนสู่ภาวะอันบริสุทธิ์ที่สุดของฉันเสมอ ที่เหลือทั้งหมดล้วนคือมายา ไม่ใช่ของจริง เป็นบางสิ่งที่เธอสร้างหรือสมมติขึ้นมาเองเท่านั้น ✴️
💢 มีผู้ที่สร้างให้ฉันเป็นพระเจ้าจอมริษยา ทว่าจะริษยาไปทำไมในเมื่อฉันมีและเป็นทุกสิ่งทุกอย่างอยู่แล้ว❓
💢 มีผู้ที่สร้างให้ฉันเป็นพระเจ้าจอมพิโรธ ทว่าจะมีเหตุอันใดให้ฉันต้องโกรธในเมื่อ ไม่มีทางที่อะไรหรือใครจะสามารถมาทำร้ายหรือสร้างความเสียหายให้แก่ฉันได้❓
💢 มีผู้ที่สร้างให้ฉันเป็นพระเจ้าจอมพยาบาท ทว่าฉันจะไปล้างแค้นใครในเมื่อ ทั้งหมดที่ดำรงอยู่นี้มีแต่ฉัน❓
💢 และทำไมฉันจะต้องลงโทษตัวเองเพียงเพราะสร้างอะไรบางอย่างขึ้นมาด้วยเล่า❓
💢 หรือถ้าเธอจะคิดในมุมที่ว่าเรานั้นแยกขาดจากกันแล้วละก็ ทำไมฉันถึงต้องสร้างเธอขึ้นมาแล้วให้พลังในการสร้างสรรค์กับเธอ ให้อิสระในการเลือกสร้างอะไรก็ได้ที่เธอปรารถนาที่จะมีประสบการณ์ จากนั้นก็ลงโทษเธอไม่ให้ผุดให้เกิดจากการเลือก "ผิด" ด้วย❓
✴️ฉันจะทำอย่างนั้นไปทำไม❓
ฉันจะบอกกับเธอว่า : ฉันไม่ทำอย่างนั้นอยู่แล้ว และด้วยความจริงนี้ เธอจะได้เป็นอิสระจากพระเจ้าจอมเผด็จการเสียที
ความจริงแล้วพระเจ้าแบบนั้นไม่มีอยู่จริง
💢เว้นแต่ในจินตนาการของเธอเอง💢
เธอจะกลับบ้านเมื่อไหร่ก็ได้ตามแต่ที่เธอปรารถนา เราสามารถกลับมาอยู่ด้วยกันอีกครั้งได้ในทุกเวลาที่เธอนั้นต้องการ ปีติล้นจากการได้เป็นหนึ่งเดียวกับฉันนั้นรอให้เธอหวนกลับมาสัมผัสอีกครั้งอยู่เสมอ จากทุกห้วงขณะของลมหายใจเข้าออก จากความรู้สึกเมื่อยามสายลมปะทะใบหน้า จากเสียงจิ้งหรีดใต้ฝืนฟ้าดาวดารดาษคืนคิมหันตฤดู
จากผาดพิศแรกแห่งประกายสายรุ้ง จากเสียงร้องแรกของทารกแรกเกิด จากลำแสงสุดท้ายยามอาทิตย์อัสดง จากลมหายใจครั้งสุดท้ายแห่งชีวิตอันงดงาม
✴️ฉันอยู่กับเธอเสมอ...ตราบชั่วฟ้าดินสลาย เธอเป็นหนึ่งเดียวกับฉันเรียบร้อยแล้ว ...เช่นที่เป็นมาเสมอ...เช่นที่เป็นอยู่ตลอด...เช่นที่จะเป็นต่อไป✴️
✴️เธอและฉันเป็นหนึ่งเดียวกัน...
✴️ทั้งในขณะนี้และชั่วกัลปาวสาน
เอาเลย...✨ทำชีวิตตนให้เป็นดั่งคำประกาศถึงสัจธรรมนี้✨
✨ให้คืนวันเป็นดั่งภาพสะท้อนถึงแนวคิดสูงสุดที่อยู่ในตัวเธอ✨
✨ให้ทุกห้วงปัจจุบันขณะของเธอถูกเติมเต็มด้วยความสุขล้นจากการที่พระเจ้าสำแดงตนผ่านทางเธอ✨
✨จงทำสิ่งนี้ผ่านรักที่มอบแด่ทุกสรรพชีวิตที่เธอพานพบ รักอันเป็นนิรันดร์และไร้เงื่อนไข✨
✨จงเป็นแสงสว่างท่ามกลางความมืดมิดและจงอย่าสาปแช่งความมืดมิดนั้น✨
✨จงเป็นผู้นำแสงสว่าง
✨เพราะเธอคือแสงสว่าง
✨จงเป็นไปตามนั้นเถิด
(จบ)(เล่ม 2)
บันทึก
1
1
ดูเพิ่มเติมในซีรีส์
สนทนากับพระเจ้า เล่ม 2
1
1
โฆษณา
ดาวน์โหลดแอปพลิเคชัน
© 2025 Blockdit
เกี่ยวกับ
ช่วยเหลือ
คำถามที่พบบ่อย
นโยบายการโฆษณาและบูสต์โพสต์
นโยบายความเป็นส่วนตัว
แนวทางการใช้แบรนด์ Blockdit
Blockdit เพื่อธุรกิจ
ไทย