Blockdit Logo
Blockdit Logo (Mobile)
สำรวจ
ลงทุน
คำถาม
เข้าสู่ระบบ
มีบัญชีอยู่แล้ว?
เข้าสู่ระบบ
หรือ
ลงทะเบียน
☕ Slow Life 🛵
•
ติดตาม
19 พ.ค. 2021 เวลา 00:02 • สุขภาพ
# กาแฟก็ไม่ได้กิน แต่ทำไมนอนไม่หลับบบ? คงเป็นคำถามที่้เคยเกิดขึ้นกับใครหลายๆคน🤔
edit by : ฉันเอง
จริงๆแล้ว คาเฟอีน ไม่ได้มีอยู่แค่ในกาแฟ ยังมีอยู่ในอาหารหรือเครื่องดื่มอื่นๆอีก แม้บางชนิดอาจไม่ได้มีคาเฟอีน แต่ก็มีผลกับการหลับนอนของร่างกายเรา วันนี้ slow life พามาดูว่า เราทานอะไรไปบ้าง แล้วอาจมีโอกาสนอนไม่หลับได้มากขึ้นครับบบ
โกโก้เย็น/ช็อกโกเเล็ตเย็น
ผลโกโก้ซึ่งเป็นส่วนประกอบหลักของช็อกโกแลต อุดมไปด้วยคาเฟอีนตามธรรมชาติในปริมาณที่สูงมาก โดยมีการวิจัยมาว่า ช็อกโกแลตแท่งขนาด 162 กรัม จะมีคาเฟอีนอยู่ราว 45-60 มิลลิกรัมเลยทีเดียว และยิ่งช็อกโกแลตแท่งนั้นเข้มข้นมากๆ เท่าไร ปริมาณคาเฟอีนก็จะยิ่งทวีคุณขึ้นตามไปด้วย นอกจากนี้ ยังให้พลังงานสูงอีกต่างหาก และนั่นเท่ากับว่ามีผลกระตุ้นทั้งหัวใจและสมองให้ทำงานหนักขึ้นไปอีก
ไอศกรีม
หวานเย็นชื่นใจ ตัวช่วยต่อสู้กับสภาพอากาศเมืองไทยได้ดีอย่างยิ่ง แต่นั่นแค่ผลบวกลวงตา เพราะไอศกรีมมีส่วนประกอบของไขมันและปริมาณน้ำตาลค่อนข้างสูง ส่งผลกระทบให้ระบบย่อยอาหารทำงานได้ช้าลง หนำซ้ำยังกระตุ้นให้ร่างกายหลั่งอะดรีนาลินที่ทำให้กระปรี้กระเปร่าอีก ยิ่งไปกว่านั้น หากเป็นไอศกรีมรสช็อกโกแลตหรือกาแฟ เท่ากับรับคาเฟอีนเข้าสู่ร่างกายอีกทางหนึ่งด้วย
เมล็ดทานตะวัน
ธรรมชาติของเมล็ดทานตะวันไม่มีคาเฟอีนเป็นส่วนประกอบแบบสายตรง แต่อุดมด้วยกรดอะมิโนให้พลังงานที่ช่วยเสริมความกระปรี้กระเปร่าอย่าง ทอรีน (taurine) และ ไลซีน (lysine) ซึ่งเมื่อเปรียบเทียบแล้ว เมล็ดทานตะวันประมาณ 1 ถ้วยตวง จะมีสารช่วยกระตุ้นเทียบเท่าปริมาณคาเฟอีนสูงถึงประมาณ 140 กรัมเลยทีเดียว ดังนั้นหากรับประทานในปริมาณที่มากเกินไป ย่อมเกิดผลกระทบต่อการนอนตามไปด้วย
ชาพร้อมดื่ม
จะชาเขียว ชาขาว ชาแดง ชาดำ ทั้งหมดทั้งมวลล้วนมีคาเฟอีนอยู่ในตัวทั้งสิ้น มากหรือน้อยแตกต่างกันไปตามแต่ขั้นตอนการผลิตและวัตถุดิบที่แต่ละแบรนด์เลือกใช้ (ทั้งคาเฟอีนธรรมชาติและสังเคราะห์) หากดื่มในปริมาณที่เกินพอดีย่อมมีผลรบกวนต่อการนอนตามมา และเป็นไปได้ควรหลีกเลี่ยงการดื่มตั้งแต่ช่วงบ่ายจนถึงก่อนนอน
น้ำอัดลม
น้ำอัดลมประเภทโคล่า มีกรรมวิธีการผลิตที่ใช้ ‘ผลโคล่า’ เป็นวัตถุดิบหลัก ซึ่งมาพร้อมคาเฟอีนตามธรรมชาติ โดยในหนึ่งกระป๋อง จะมีปริมาณคาเฟอีนอยู่ราวๆ 35-45 มิลลิกรัม แต่เดี๋ยวก่อน! ไม่ใช่แค่ประเภทน้ำดำเท่านั้น ผลการศึกษาจากคณะนักวิจัยจากมหาวิทยาลัยโอเบิร์น อลาบามา สหรัฐอเมริกา เพื่อหาปริมาณคาเฟอีนในน้ำอัดลม ยังพบว่า น้ำอัดลมรสส้ม (Citrus-Flavoured) ส่วนใหญ่มีปริมาณคาเฟอีนมากกว่าน้ำอัดลมสีเข้มเสียอีก
เครื่องดื่มชูกำลัง
สรรพคุณทำให้ตื่นคืนความกระปรี้กระเปร่าให้ร่างกาย ตรงข้ามกับการพักผ่อนอย่างชัดเจน และนอกจากพลังงานมหาศาลจากน้ำตาลสารพัดรูปแบบแล้ว ยังมีส่วนประกอบของคาเฟอีนสังเคราะห์ (นิยมใช้ในอุตสาหกรรมอาหาร) ที่มีฤทธิ์รุนแรงกว่าคาเฟอีนธรรมชาติอีกหลายเท่าตัว
กาแฟ DECAF
คุ้นชินกันในนามของ ‘กาแฟไร้คาเฟอีน’ จึงไม่แปลกที่คนบางส่วนจะเข้าใจผิดว่ากาแฟดีแคฟปราศจากคาเฟอีน เพราะในความเป็นจริง กาแฟประเภทนี้แค่ ‘ไล่คาเฟอีนบางส่วนออกไป’ แต่ไม่ใช่ทั้งหมด โดยมีการยืนยันจากผลการศึกษาของมหาวิทยาลัยฟลอริดา สหรัฐอเมริกา ตอกย้ำว่า กาแฟดีแคฟทุกแบรนด์ที่วางตลาดในสหรัฐฯ และส่งออกไปทั่วโลก ล้วนมีคาเฟอีนผสมอยู่ด้วยทั้งสิ้น มักหลงเหลืออยู่ราว 2-5 มิลลิกรัมต่อถ้วย (กาแฟทั่วไปราว 40-150 มก. มิลลิกรัมต่อถ้วย)
ข้อมูลจาก :
https://sandm.co.th/caffeine-and-sleep/
จะเห็นได้แล้วว่า คาเฟอีนนั้น ไม่ได้มีอยู่แค่ใน ชาหรือกาแฟที่เราคุ้นเคยกัน ถ้าจะสรุปโดยรวมแล้ว ทุกชนิดย่อมมีทั้งประโยชน์และโทษ ขึ้นอยู่กับการใช้วิจารณญาณในการบริโภคให้เหมาะสม พักผ่อนให้เพียงพอ ออกกำลังกายอย่างสม่ำเสมอ
Slow Life ขอให้ทุกท่านมีสุขภาพแข็งแรงครับ แล้วจะนำข้อมูล เคล็ดลับสุขภาพมาฝากอีกนะ ❤️
บันทึก
โฆษณา
ดาวน์โหลดแอปพลิเคชัน
© 2025 Blockdit
เกี่ยวกับ
ช่วยเหลือ
คำถามที่พบบ่อย
นโยบายการโฆษณาและบูสต์โพสต์
นโยบายความเป็นส่วนตัว
แนวทางการใช้แบรนด์ Blockdit
Blockdit เพื่อธุรกิจ
ไทย