หนังสือมีแปดบท ประกอบด้วยคุณสมบัติที่เหล่า non-conformist พึงมีและพึงปฏิบัติ อาจพอจะสรุปคร่าวๆ ได้ดังนี้คือ
1. non-conformist ปฏิเสธ status quo มองสิ่งที่มีอยู่แล้วว่ามันยังไม่ดีพอ อึดอัดกับสิ่งที่มีอยู่ และอยากสร้างความเปลี่ยนแปลง (โอเคกูจบตั้งแต่ข้อนี้ละ)
2. ไอเดียสำคัญมาก ปริมาณมาก่อนคุณภาพ (ใช่แล้ว ปริมาณมาก่อน!!)
3. ควรมี safe zone สำหรับชีวิตไว้ด้วยอย่าห้าว เพราะการเปลี่ยนแปลงต้องเผชิญกับแรงเสียดทาน การไม่มี buffer ไว้เลย เมื่อมีปัญหาจะทำให้เครียด ความเครียดจะบั่นทอนความคิดสร้างสรรค์ และความสามารถในการแก้ปัญหาของเรา
4. ระวัง expertise trap เพราะความเชี่ยวชาญจะทำให้เราออกจากกรอบเดิมๆ ไม่ค่อยได้ รวมถึงเรามักจะมั่นใจในความคิดของเรามากเกินไป (คิดว่าดี) แต่เอาจริงๆ บางทีเวลาเรารู้น้อยก็ทำให้เรามั่นใจตัวเองได้เหมือนกัน (ยอดซ้าย-ขวาของ Dunning-Kruger effect)
5. respectability สำคัญ ถ้าเรามีจะทำให้การนำเสนอไอเดียใหม่ๆ ได้รับการยอมรับง่ายขึ้น
6. การนำเสนอไอเดียใหม่พยายามอย่าออกตัวแรง คนอื่นจะตกใจได้ง่าย และถ้าเป็นไปได้ควรพยายามใส่ component บางอย่างที่ทำให้คนอื่นรู้สึก familiar กับไอเดียนั้นบ้าง เมื่อคนคุ้นชินแล้วจึงค่อยๆ ยกระดับไอเดียเราอีกที
7. การได้เห็น ได้ยินไอเดียบ่อยๆ จะทำให้คนยอมรับไอเดียนั้นๆ ได้ง่ายขึ้น (mere exposure effect)
8. การผลัดวันประกันพรุ่งไม่ได้แย่เสมอไป แต่ต้องเป็น productive procrastination คือออกไปทำอย่างอื่นบ้างก่อนจะกลับมา complete งานเดิม เพราะจะทำให้เรามีโอกาสซึมซับข้อมูล ไอเดียเพิ่มเติม ซึ่งสามารถนำมาใช้ปรับปรุงไอเดียที่เรามีอยู่ก่อนได้