ทุกคนก็รู้ว่าเราต้องตายแน่ๆ
แต่ถ้าภาพที่เราเห็นตอนนี้คือ
คนที่เรารักต้องตายไปต่อหน้าต่อตา
โดยที่เราไม่คาดฟันมาก่อนละ
เมื่อวันเสาร์ที่ผ่านมาอากาศดีมากๆ สองสามีภรรยาเอามอเตอร์ไซค์ ออกขับกินลมชมพระอาทิตย์ตกด้วยกัน
สามีภรรยาขับตีเสมอกันขึ้นมา
อยู่ภรรยา หายไป รถมอเตอร์ไซของภรรยากระเด็นไปไกลมากๆ
สามีพึ่งมารู้ตัวภรรยานอนบนถนนทางด่วน หมวกกันน็อคไม่อยู่แล้วกระเด็นไกลขนาดนั้น
คงไม่ต้องคิดถึงการพาเข้าโรงพยาบาล
พอดีตอนนั้น ถอยหลังออกจากลานจอดรถของร้านอาหาร
ได้ยินเสียงชนดังมาก เอ้าเราชนรถใครเขาเข้าละนี่
พอมองก็ไม่ได้ชนนี่ เสียงมันมาจากไหน
พอถอยรถเสร็จ มีเด็กหนุ่มวิ่งดาเหลือกสวนเข้ามา
เกิบชนเด็กหนุ่มคนนั้น พอมองไปกลางถนน ขณะนั้นงงๆ
ยังไม่เข้าใจอะไร สามีผู้หญิงที่นอนกับพื้นยังไม่จอดรถข้างทาง เพราะยังมองหาภรรยาไม่เจอ
พอรู้ว่า ภรรยาเกิดอุบัติเหตุ รีบจอดรถแต่ฝรั่งอีกคน
บอกว่า “ ห้ามจับห้ามเตอะต้องผู้หญิงที่นอนอยู่กับพื้นรอ รถพยาบาลก่อน”
สามีไม่ได้ยินเสียงนั้น เข้าไปกอดภรรยา ท่ามกลางรถ
บนทางด่วนสาย 99 นั้น อย่างงงๆ แล้ว มอเตอร์ไซค์
ของภรรยาเขาหายไปไหน?
เขาหยุดแล้วมองหาเจอกระเด็นห่างกันหลายร้อยเมตร
แอนนี่เองก็อธิษฐานจิต น้ำตาก็ไหลไป ขับรถไป
คิดว่า ก่อนหน้านี้ เขามีความสุขกันมาก เมื่อวานเขาวางแผนเพื่อขับรถเล่นกินลมชมพระอาทิตย์ตกทั้ง
สามีและภรรยาก็ไม่ทราบว่า นี่คือวาระสุดท้าย ที่เขาจะได้อยู่ด้วยกัน
มันมีวันนี้ แต่พรุ่งนี้มันอาจจะไม่มาถึง
พระพุทธเจ้าท่านถึงสอนให้เรามีสติ ละความชั่ว ทำความดีให้ถึงพร้อม
พอเห็นแล้วก็จินตนาการ ถ้าเราไม่มีวันพรุ่งนี้ละ
โลกนี้ มันก็ไม่มีอะไรเปลี่ยนแปลง มันคงดำรงค์อยู่
ของมันต่อไป เราก็กลับไปสู่ ธาตุทั้งสี่ กลายเป็นดิน น้ำ ลม ไฟ สลายหายไป
แล้วอะไรที่เราจะทำทิ้งไว้ ให้คนรุ่นหลัง ลูกหลานเราในอนาคต?
แล้วพวกเขาจะจำเราได้กี่วัน นานแค่ไหน?
แล้วจิตวิญญาณเราได้เรียนรู้เติบโตขึ้นเรื่อยๆ ไหม?
หรือเราจมปลัก อยู่กับความทุกข์ ความสุข ของร่างกายนี้จนลืม พัฒนาจิตวิญญาณของเราไหม?
เมื่อเราไม่มีสังขารนี้แล้ว จิตเราจะเป็นอย่างไง?
ถ้าเราเอาจิตมายึดกับสังขารนี้จนเกินไป จนคิดว่า
เราตายไม่เป็นและไม่มีวันตาย
มันเป็นวันที่คุยกับตัวเองค่ะ
ดูแลชึ่งกันและกันในตอนนี้ที่ยังมีลมหายในนะคะ
ขอบคุณมากค่ะ
จากผู้เขียน
Annie story