19 พ.ค. 2021 เวลา 09:26 • ประวัติศาสตร์
รู้จัก "Memento Mori" ศิลปะยุคกลางที่ทำให้ตระหนักถึงความตาย
.
ในมุมมองของมนุษย์ปัจจุบันที่อยู่ท่ามกลางเทคโนโลยีสมัยใหม่และการแพทย์อันก้าวหน้า ความสนุกสนาน ความบันเทิงที่หาได้ง่าย คงไม่แปลกนักหากเราจะมีวิธีคิดเกี่ยวกับการใช้ชีวิตว่าความตายนั้นดูเป็นเรื่องไกลตัว หารู้ไม่ว่าความจริงแล้ว ความตายนั้นใกล้กว่าที่คิด ...
.
The MemoLife จึงอยากชวนทุกคนย้อนกลับไปสู่ยุคกลางคริสต์ศตวรรษที่ 14 สมัยที่โลกเต็มไปด้วยโรคร้าย ความรู้ที่ไม่มากพอสำหรับการรักษา มีสงครามยิบย่อยและการทะเลาะวิวาท เกิดภาวะความอดอยากขาดแคลน ช่วงเวลาที่ความเป็นความตายอยู่ใกล้แค่ปลายจมูก
.
เมื่อคนในสมัยนั้นเข้าใจแล้วว่า “ชีวิตมนุษย์เรามันไม่เที่ยง” จึงเกิดแนวคิดใหม่เกิดขึ้นโดยถ่ายทอดออกมาผ่านทางงานศิลปะต่าง ๆ เพื่อสอนใจให้ชาวคริสต์หันกลับมาตระหนักคิดและเตรียมตัวกับการใช้ชีวิตที่ดีในการที่จะได้ไปพบกับพระเจ้า
.
นั่นคือ “Memento Mori” ในภาษาละติน มีความหมายคือ “Remember you will die” (จำไว้ว่าคุณต้องตาย) เป็นเครื่องเตือนใจที่ให้มนุษย์คิดไว้เสมอว่าความตายจะมาสู่มนุษย์ทุกคน ในสมัยโรมัน คำนี้ยังเอาไว้ใช้เตือนใจทหารก่อนออกรบ ให้พึงระวังว่าความตายจะอยู่กับเราเสมอ จงอย่าได้รอที่จะใช้ชีวิต
.
และยังเป็นแนวคิดที่แฝงไปด้วยศาสนา The Arts of Dying (ศิลปะของการตายจาก) มันโผล่เป็นหนังสือที่ว่าด้วยเรื่องกระบวนการ ‘การตายที่ดี’ ว่าควรเป็นอย่างไร นำเสนอวิธีการปล่อยวางความสุขทางโลกและหาเส้นทางเดินกลับไปสู่พระเจ้า
.
Memento Mori ส่วนใหญ่จะเป็นศิลปะประดับสุสานและสถาปัตยกรรม ได้รับความนิยมในช่วงปลายศตวรรษที่ 16 มักสอดแทรกสัญลักษณ์เกี่ยวกับความตาย เช่น นาฬิกาทรายที่หมายถึงทุกนาทีที่ผ่านไปคือเวลาที่เรากำลังเข้าใกล้ความตายมากขึ้น ดอกไม้ที่เป็นสัญลักษณ์ของความเปราะบางและความเสื่อมสลายในสิ่งต่าง ๆ หรือหัวกะโหลกอันเป็นเครื่องตอกย้ำถึงความตายที่เราทุกคนต้องประสบพบเจอ
.
หนึ่งในงานที่แอดมินคิดว่าน่าจะเห็นตัวอย่างได้ชัดของ Memento Mori คือ ‘The dance of death’ (การเต้นรำของความตาย) ซึ่งเป็นภาพของกษัตริย์ โป๊ป เด็ก และคนรับใช้ ถูกโครงกระดูกจับคู่และเต้นรำเชิญชวนให้ลงไปยังหลุมศพด้วยกัน
.
งานนี้ได้เสนอความคิดว่า ความตายเป็นสิ่งที่ทุกคนได้เจอโดยไม่แบ่งชั้นวรรณะ ความสุขทางโลก เช่น ความมั่งคั่งร่ำรวย การประสบความสำเร็จ ล้วนแต่เป็นของนอกกาย ไม่มีอะไรที่เป็นจีรัง
.
“no matter one’s station in life, the Dance Macabre unites all” (ไม่ว่าคุณจะเป็นใครเมื่อครั้งยังมีชีวิต ระบำมรณะจะควบรวมทุกคนให้เป็นหนึ่งเดียว)
แน่นอนว่าความตายเป็นสิ่งที่หลีกเลี่ยงไม่ได้ แล้วทำไมเราถึงยังทำเป็นไม่เห็นมันอยู่ทั้ง ๆ ที่มันเป็นเรื่องธรรมชาติที่ต้องเจอ การได้ตระหนักถึงความตายจะทำให้เราเริ่มเห็นคุณค่าทุกวินาทีในชีวิต และกระตุ้นให้เราใช้เวลาอย่างชาญฉลาดมากขึ้น
.
สำหรับแอดมินแล้ว แนวคิดนี้ไม่ใช่เพียงแค่เครื่องเตือนใจ แต่ยังนำไปสู่การตั้งคำถามสำหรับการใช้ชีวิตที่เหลือ ในช่วงขณะที่เรายังมีลมหายใจ เราจะเลือกมีชีวิตอยู่และเตรียมพร้อมสำหรับความตายกันบ้างหรือยัง ?
โดย แอดมินใบเตย
ตัดต่อรูปโดย แอดมินใบเตย
#Momento_Mori #History #Art #TheMemoLife
โฆษณา