องค์ประกอบที่สำคัญอันดับแรกคือ เอนจิเนียร์ที่เข้าใจในตัววง คนที่สามารถนำเสียงที่วงจินตนาการไว้ออกมาและอัดลงสู่เทปได้ เขาอาจจะไม่ใช่คนที่เชี่ยวชาญด้านเทคนิคแต่เป็นคนที่เปิดกว้างให้วงนำเสนอไอเดียและทดลองกับอุปกรณ์ต่างๆในสตูดิโอได้อย่างอิสระ ซาวด์ที่พลุ่งพล่านโกลาหลในอัลบั้ม Psychocandy ได้พลังงานมาจากการเล่นพิเรนธ์และปฏิเสธข้อกำหนดของสตูดิโอทั่วไป ในการบันทึกเสียงก่อนหน้านั้นของวงต้องยกเลิกไปเนื่องจากมีปัญหากับเอนจิเนียร์ทำให้พวกเขาต้องย้ายห้องอัดซ้ำแล้วซ้ำเล่าจนแทบจะจนตรอกกับการทำอัลบั้ม The Jesus and Mary Chain นั้นไม่ชอบการทำงานที่เป็นสูตรสำเร็จมาตรฐานรวมถึงเอนจิเนียร์หลายคนที่ได้พบ และอยากทำงานในแนวทางของตัวเอง
เทคนิคนี้เกิดจากที่ทางวงอยากได้ซาวด์ระบบโมโนที่หนาแน่นแบบ Wall of Sound อันเลื่องชื่อของโปรดิวเซอร์ Phil Spector โดยเสียงหลักที่ไม่ปรุงแต่งจะถูกวางไว้ตรงกลาง ส่วนเอฟเฟคดับเบิ้ลต่างๆจะแพนไว้ด้านข้าง
แต่มันถูกใช้โดยเจตนาและได้รับความนิยมอย่างแพร่หลายในเพลงป็อบยุค '60s และมันก็กลับมาสร้างรสชาติให้กับการโปรดัคชั่นในกลางยุค '80s อีกครั้งเมื่อ The Jesus and Mary Chain นำมันมาใช้อย่างโดดเด่นในอัลบั้มนี้
สองพี่น้อง Reid นั้นปรับปรุงและพัฒนาซาวด์กีต้าร์ของพวกเขามากกว่าจะให้ความสำคัญกับเสียงโอเวอร์ไดร้ฟ์แบบธรรมดาจากตู้แอมป์ "ซาวด์กีต้าร์ที่ดีมาจากโทน ไม่ใช่โวลุ่ม" Jim Reid ให้สัมภาษณ์กับนิตยสาร Guitar Player ในปี 1992 จากข้อความนี้ทำให้สังเกตุได้ว่าแม้ The Jesus and Mary Chain จะใช้เอฟเฟคในปริมาณมากแต่ซาวด์ที่ได้นั้นมาจากการเลือกโทนเสียงที่ชอบมากกว่าจะแค่เล่นเสียงดัง
ปัจจัยที่ 5 เพอร์คัสชั่น
ซาวด์ที่ดีนั้นไม่จำเป็นต้องมาจากอุปกรณ์ราคาแพงเสมอไป นักร้องนำของวง Primal Scream (ขณะนั้นกำลังเริ่มต้น) อย่าง Bobby Gillespie นั้นถูกยืมตัวมารับหน้าที่มือกลอง และกลายเป็นส่วนสำคัญให้กับ The Jesus and Mary Chain ในยุคแรก นอกจากจะมีส่วนช่วยให้วงได้เซ็นสัญญากับ
Creation Records แล้ว เขายังช่วยสร้างจังหวะให้วงจากชุดกลองที่มีเพียงแค่สแนร์กับฟลอร์ทอม
"ผมไม่ได้อยากเป็น Moe Tucker(มือกลอง) ของ The Velvet Underground หรอกนะ แต่ผมเล่นได้แค่กลองสองใบเท่านั้นเอง"
"เขามีทั้งความสุดยอดและสุดเห่ยรวมอยู่ด้วยกัน" Jim Reid บอก "แต่เราไม่ได้ต้องการมือกลอง เราต้องการแค่ใครซักคนมายืนอยู่ตรงนั้นและเคาะจังหวะห่าเหวอะไรก็ได้ และ Bobby ก็คือองค์ประกอบนั้น"
ทุกปัจจัยที่กล่าวมา การสร้างสรรค์ซึ่งนำไปสู่ซาวด์ที่น่าตื่นเต้นของอัลบั้ม Psychocandy ถือเป็นรากฐานในการวิวัฒนาการของเพลงแบบ Noise Rock, Shoegazer และยังคงถูกกล่าวถึงมาจนถึงทุกวันนี้