จีนเริ่มฉีดวัคซีนเข็มเดียวในเซี่ยงไฮ้
หลังจากประสบความสำเร็จในการพัฒนาวัคซีนเข็มเดียว “คันชิโน” (CanSino) และเปิดตัวฉีดกับทหารและฝ่ายความมั่นคงไปก่อนหน้านี้ รัฐบาลจีนก็ไม่รอช้า เริ่มนำร่องการฉีดให้ประชาชนในประเทศ
โดยใช้วันที่ 13 พฤษภาคม ที่ผ่านมาเป็นวันดีเดย์ และเลือกเซี่ยงไฮ้ ซึ่งเป็นศูนย์กลางด้านเศรษฐกิจและการเงินของจีน เป็นจุดนำร่อง
คันชิโนเป็นวัคซีนแบบเข็มเดียวนี้พัฒนาขึ้นจากความร่วมมือของคันชิโนไบโอโลจิกส์ อิ้งค์ (CanSino Biologics Inc.) แห่งเทียนจิน และวิทยาลัยการแพทย์ทหารจีน
แหล่งข่าวระบุว่า คันชิโน เป็นวัคซีนชนิดไวรัลเวคเตอร์ แบบเดียวกับของแอสตร้าเซเนก้า (Astrazeneca) ของอังกฤษ และสปุตนิควี (Sputnik V) ของรัสเซีย
โดยใช้ส่วนของพันธุกรรมจากส่วนหนามของโควิด-19 สายพันธุ์ใหม่ นำไปฝากไว้กับเชื้อไวรัสชนิดอื่นที่ไม่ก่อให้เกิดโรคในมนุษย์ ก่อนนำชิ้นส่วนพันธุกรรมดังกล่าวเข้าสู่ร่างกายเพื่อกระตุ้นภูมิคุ้มกัน
แต่ด้วยเทคนิคที่แตกต่างกัน ทำให้คันชิโน กลายเป็นวัคซีนแบบเข็มเดียวตัวแรกที่จีนพัฒนาขึ้นสำเร็จ เหมือนกับแจนเซน (Janssen) ของจอห์นสันแอนด์จอห์นสัน (Johnson & Johnson)
ภายหลังการเริ่มฉีดกับคนเซี่ยงไฮ้ พบว่า ประชาชนตอบรับเป็นอย่างดี และประสงค์รับวัคซีนนี้เพิ่มขึ้นอย่างมีนัยสำคัญ โดยไม่มีรายงานอาการไม่พึงประสงค์แต่อย่างใด
นอกจากความสะดวกในการฉีดเข็มเดียวแล้ว ข้อดีอีกประการหนึ่งของคันชิโน ก็คือ วัคซีนนี้ใช้กระบวนการผลิตที่มีประสิทธิภาพ ใช้เวลาน้อย ทำให้สามารถผลิตได้เป็นจำนวนมากในเวลาอันสั้น รวมทั้งยังสามารถเก็บรักษาในตู้เย็นธรรมดาได้อีกด้วย
ข้อมูลจากการทดสอบในระยะสุดท้ายกับชาวปากีสถาน 30,000 คน พบว่า คันชิโนมีอัตราการป้องกันโดยรวมอยู่ที่ 65.7% และมีอัตราการป้องกันสำหรับกรณีที่รุนแรงสูงถึงราว 91%
นอกเหนือจากการเตรียมนำเข้าคันชิโนมาฉีดกับคนท้องถิ่นแล้ว รัฐบาลปากีสถานยังได้พัฒนาความร่วมมือในการรับการถ่ายทอดด้านเทคโนโลยีจากจีน เพื่อตั้งโรงงานผลิตวัคซีนตัวนี้ในประเทศ ซึ่งจะช่วยให้ปากีสถานมีระดับของการพึ่งพาวัคซีนของตัวเองสูงในอนาคตอันใกล้
ทั้งนี้ รัฐบาลปากีสถานวางแผนจะเร่งฉีดวัคซีนถึงราว 300,000 คนต่อวันเพื่อให้ครอบคลุม 70 ล้านคนภายในสิ้นปีนี้ จากกลุ่มเป้าหมายจำนวน 100 ล้านคนที่จะให้เกิดภูมิคุ้มกันหมู่
ขณะเดียวกัน ที่บราซิลก็มีความเคลื่อนไหวเช่นกันเมื่อเบลเชอร์ฟาร์มาซูติกา (Belcher Farmaceutica) ตัวแทนการตลาดของคันชิโนในบราซิล ได้ยื่นเรื่องขอขึ้นทะเบียนวัคซีนฉุกเฉินกับ อย. บราซิล เพื่อหวังเป็นวัคซีนทางเลือกที่จะเร่งฉีดให้คนท้องถิ่น เพิ่มขึ้นจากชิโนแวคที่ใช้เป็นหลักอยู่
ในช่วงที่ผ่านมา ผลของการขาดมาตรการควบคุมที่เหมาะสม อาทิ การสวมหน้ากากอนามัย การล้างมือ การรักษาระยะห่าง และวิธีการอื่น รวมทั้งการขาดแคลนวัคซีน ทำให้บราซิลเป็นประเทศที่ประสบวิกฤติการแพร่ระบาดของเชื้อโควิด-19 มียอดผู้ติดเชื้อ และอัตราการเสียชีวิตที่สูงมากอันดับต้นๆ ของโลก
ด้วยจำนวนประชากรกว่า 210 ล้านคน ทำให้รัฐบาลบราซิลวางแผนฉีดถึง 150 ล้านคน แต่ปัจจุบันยังฉีดได้เพียง 10% ของทั้งหมด บราซิลจึงยังห่างไกลจากระดับภูมิคุ้มกันหมู่
ในชั้นนี้ องค์การอนามัยโลกอยู่ระหว่างการรวบรวมข้อมูลการฉีดคันชิโน และคาดว่าจะขยับสู่ขั้นตอนการพิจารณาการขึ้นทะเบียนวัคซีนฉุกเฉินในช่วงครึ่งหลังของปี 2021
คาดว่า คันชิโน จะเป็นวัคซีนตัวที่ 3 ของจีนที่องค์การอนามัยโลก (WHO) อนุมัติการขึ้นทะเบียนวัคซีนฉุกเฉิน ต่อจากชิโนฟาร์ม ที่ได้รับไฟเขียวไปเมื่อต้นเดือนพฤษภาคม และชิโนแวคในอนาคตอันใกล้ ซึ่ง อย. ของราว 50 ประเทศให้การรับรองไปก่อนหน้านี้แล้ว
ผลดังกล่าวจะช่วยแก้ไขการขาดแคลนวัคซีนในโครงการโคแวกซ์ (COVAX) ของ WHO ที่ช่วยเหลือประเทศด้อยพัฒนาต่อไป
รัฐบาลจีนยังคงยึดมั่นในคำพูดต่อสาธารณชนที่ต้องการให้วัคซีนเป็นสินค้าของโลกอย่างแท้จริง ...
#โควิด-19
#คันชิโน #ชิโนแวค #ชิโนฟาร์ม
#แอสตร้า #สปุตนิควี #แจนเซน
#จีน #เซี่ยงไฮ้ #ปากีสถาน #บราซิล
#WHO #COVAX
- 161
โฆษณา
- ดาวน์โหลดแอปพลิเคชัน
- © 2024 Blockdit
