22 พ.ค. 2021 เวลา 13:16 • ความคิดเห็น
การพังทลายของคริปโต X ฟองสบู่ดอทคอม
สองสามวันนี้มีหลายคนทักเข้ามาสอบถามเกี่ยวกับสถานการณ์ของเหรียญคริปโตเป็นจำนวนมาก ว่ามีมุมมองอย่างไร ?
เรื่องนี้ทำให้เคทนึกไปถึง เมื่อช่วง 20กว่าปีที่แล้ว ก่อนเกิดฟองสบู่ดอทคอม ในตลาด Nasdaq ที่เริ่มต้นกลางยุค 90s และแตกเมื่อปี 2000
แน่นอนว่าเรื่องราวนี้น้อยคนที่อยู่นอกวงการตลาดทุนจะได้ยิน เพราะหากย้อนไปในช่วงนั้นบ้านเรากับเรื่องการลงทุนต่างประเทศถือเป็นเรื่องที่ห่างไกลมาก อีกทั้งผลกระทบจากวิกฤตต้มยำกุ้งก็ปกคลุมบรรยากาศการลงทุนจนมืดมิด เกิดกลายเป็นภาพหลอนให้ผู้คนขยาดกลัว เรียกว่าเข้าสู่ยุคมืดเลยก็ว่าได้ จึงไม่แปลกนักที่น้อยคนจะมีภาพจำในเรื่องนี้
กลับไปที่ตลาด Nasdaq อีกครั้ง
เมื่อช่วงต้นยุค 90 สิ่งที่เรียกว่า อินเทอร์เน็ตได้เข้ามามีบทบาทสำคัญในชีวิตประจำวันของผู้คน ปริมาณความต้องการคอมพิวเตอร์และการใช้อินเทอร์เนตพุ่งสูงมากในช่วงเวลาสั้นๆ เป็นเหตุให้มีบริษัทมากมายเข้ามาในตลาดทุน เพิ่มหวังเป็นเน็กเจเนอเรชั่นต่อจาก ไมโครซอฟ แอมะซอน อีเบย์ ฯลฯ
1
ทำให้ตลาด Nasdaq มีการเติบโตเป็นหลายร้อยเปอร์เซ็นต์จากบริษัทนับพันที่เรียงแถวกันเข้ามาเพื่อระดมทุน (จากดัชนี ราว 700กว่าเมื่อปี 95 ทะยานสู่จุดสูงสุดกว่า 5,000 จุดในปี 2000 และร่วงสู่จุดต่ำสุด 1,100+ จุดในช่วงปี 2002 มูลค่าตลาดหายไปกว่าห้าล้านล้านเหรียญ !!
6
กับกรณีคริปโตในยุคนี้ หากพิจารณาภาพรวมก็มีหลายอย่างที่พ้องกับเหตุการณ์ในอดีตอยู่ในที
3
กล่าวคือ มีการเกิดขึ้นของสกุลเหรียญต่างๆมากมาย จนนับไม่ถ้วนส่งผลให้มูลค่าของตลาดคริปโตขยายตัวจากหลักร้อยล้าน สู่ 2.5ล้านล้าน ในระยะเวลาอันสั้นเพียงไม่กี่ปี !!
4
การเกิดขึ้นของเหรียญสกุลต่าง ถูกพ่วงมาด้วยความคาดหวังในระดับสูงที่จะเปลี่ยนแปลงประวัติศาสตร์การเงินของโลก ถนนทุกสายต่างมุ่งไปยังจุดเดียวกัน จนเกิดการไล่ราคาอย่างบ้าคลั่งสวนทางกับ ความเป็นจริงที่เกิดขึ้น ณ ปัจจุบัน
 
คนจำนวนมากต่างพยายามหาเหรียญมาครอบครองกัน แต่เหตุผลที่แท้จริงนั้นไม่ได้เป็นไปเพื่อการใช้งานตามวัตถุประสงค์แท้จริงของมัน แต่เป็นแค่การเก็งกำไรกันอย่างมโหราฬแบบที่ไม่เคยปรากฏมาก่อน
9
คนนับร้อยนับพันคนถือเหรียญคริปโตแต่มีคนเพียงหยิบมือเท่านั้นที่จะใช้มันทำธุรกรรมอย่างจริงจังในแบบที่มันควรจะเป็น ไม่ต่างกับยุคล่มสลายของตลาดดอทคอม ที่ทุกคนไล่เข้าซื้อหุ้นของบริษัทที่ยังไม่มีผลประกอบการอย่างเป็นชิ้นเป็นอัน
3
กลับมาที่คำถามข้างต้น ว่าเคทมีมุมมองต่อเหตุการณ์นี้อย่างไร ?
แน่นอนว่า เคทมอง ความสัมพันธ์ของเหตุการณ์สองเรื่องนี้เป็นไปในทิศทางเดียวกัน ปฏิเสธไม่ได้เลยว่าในโลกอนาคตข้างหน้า สกุลเงินดิจิตอลจะมีบทบาทต่อชีวิตประจำวันของผู้คนมากอย่างเลี่ยงไม่ได้เลย แต่....ยังไม่ใช่ช่วงเวลาอันใกล้นี้ ยังต้องห่างออกไปอีกหลายสิบปี
6
ไม่ต่างกับครั้งหนึ่งที่โลกเคยให้มูลค่ากับหุ้นเทคโนโลยีในตลาดดอทคอมสูงมาก จนมูลค่ามันแซงหน้าปัจจัยพื้นฐานไปไกล แน่นอนคนหลายคนรู้ว่ารถพลังงานไฟฟ้าจะมาในอนาคตเมื่อ 10ปีที่แล้ว แต่นั่นก็ไม่ได้ทำให้น้ำมันในวันนั้นตกต่ำร่วงลงหรือหายไปจากสารบบ มันยังต้องรอเวลาอีกหลายสิบปีในการเปลี่ยนผ่านเทคโนโลยี อีกทั้งการเปลี่ยนผ่านพฤติกรรมของมนุษย์ ซึ่งสิ่งเหล่านี้ไม่ได้เปลี่ยนกันแค่ผลิกฝ่ามือ มันต้องใช้เวลาค่ะ
9
อย่างไอโฟนจากเครื่องต้นแบบ เมื่อปี 2007 กว่าจะได้รับความนิยมในวงกว้าง ก็ใช้เวลาถึง 5-6 ปีกับการบูมตลาดของไอโฟน5 จนใช้กันอย่างแพร่หลายจริงๆก็อาศัยเวลานับทศวรรษ ซึ่งทุกเทคโนโลยีต้องอาศัยเวลาในการเปลี่ยนผ่าน แน่นอนว่า กับคริปโต ก็ไม่ต่างกันช่วงนี้เปรียบไปก็ยังเป็นเสมือนการเปิดตัวไอโฟน 1-2 อยู่ ที่มีน้อยคนบนโลกที่ใช้มันในชีวิตประจำวันอย่างจริงจัง
5
สิ่งที่นักลงทุนต้องทำความเข้าใจในการลงทุนเรื่องนี้ ก็คือ เรื่องของกรอบเวลา และอีกสิ่งที่ต้องเข้าใจ คือ ความสัมพันธ์ของสินทรัพย์กับมูลค่าที่เกิดขึ้นในตลาดการซื้อขาย มันไม่ได้ตรงไปตรงมา มันมีเรื่องของการเก็งกำไร มีเรื่องของการสร้างดีมานด์เทียม การสร้างสตอรี่ต่างๆเพื่อให้มันเกิดมูลค่าเชิงจิตวิทยา แต่มิใช่เชิงเศรษศาตร์อย่างแท้จริง
6
คุณต้องตอบให้ได้ว่า สินทรัพย์ที่มีความผันผวนรุนแรงเพียงแค่ใครสักคนออกมาทวีต จะมีสถานะเป็นตัวกลางในการแลกเปลี่ยนในชีวิตประจำวันได้อย่างไร เราก็ต้องเข้าใจตรงจุดนี้ด้วย
9
เกมการตลาดที่ผ่านมาในตลาดซื้อขายเหล่านี้ ไม่ได้มีอะไรที่ต่างไปจากเดิม สิ่งที่เคยเกิดขึ้นเมื่อหลายร้อยหลายพันปี ก็ถูกใช้ด้วยกลอุบายเดิมๆ แน่นอนหลายคนก็ยินยอมให้ความโลภครอบงำ แม้จะรู้ทั้งรู้ก็ตาม
3
กับคำถามที่ว่าเคทมองตลาดต่อจากนี้อย่างไร
ขอตอบคำถามนี้ อย่างนี้ละกัน เคทเคยสอนการอ่านภาวะตลาดด้วยจิตวิทยาให้กับสมาชิกบูลฟิน ไว้ว่า เมื่อใดที่ผู้คนส่วนมากเริ่มพูดถึงตลาดหุ้น เริ่มพูดถึงหุ้นตัวนั้นตัวนี้ กระทั่งเริ่มมีใครสักคนที่ก่อนหน้านั้นไม่เคยสนใจมันมาก่อน แต่กลับสามารถแนะนำหุ้นเด็ดๆให้คุณได้ เมื่อถึงเวลานั้น ให้คุณจงระวังไว้ว่า รถไฟกำลังใกล้ปีนถึงยอดดอยแล้ว
2
ในเวลานี้ ภาวะนี้ ตลาดคริปโตเป็นแบบนั้นรึไม่ ?
2
เคทเห็นผู้คนมากมายแห่กันซื้อเหรียญ มีหลายๆคนที่ ซื้อเพราะเพื่อนๆซื้อกัน ซื้อไม่ต่างอะไรกับการเป็นสินค้าแฟชั่นสักชิ้น หากคุณไม่มีมันจะทำให้คุณดูตกยุค และดูไม่ฉลาด ซึ่งมีไม่น้อยที่คนจำนวนนึงซื้อด้วยเหตุผลเหล่านี้ คุณหันไปทางไหนก็จะพบกับผู้เชี่ยวชาญเทคโนโลยีการเงินมากมาย เรื่องการ defi ต่างๆดูจะเป็นเรื่องง่ายขึ้นมาทันที
5
แม้แต่ตัวเคทเองก็ยังได้รับคำแนะนำถึงเหรียญต่างๆจากผู้ที่เกิดเป็นกูรูในระยะเวลาสั้นๆมากมายเหล่านี้ ทั้งๆที่ก่อนหน้านั้นผู้คนเหล่านี้ไม่ได้สนใจเรื่องการเงินการลงทุนด้วยซ้ำ สิ่งนี้กำลังบ่งบอกว่าภาวะตลาดได้เข้าสู่จุดพีคของตลาดเรียบร้อยแล้ว ความน่าสนใจของมันจะถูกทดสอบอย่างจริงจังเพิ่อให้เกิดการคัดสรร และระหว่างนี้นอกจากเหรียญที่เหลือรอด ว่าใครจะกลายเป็นแอมะซอลของโลกการเงินดิจตอล นั่นก็หมายถึงว่า จะมีนักลงทุนเพียงหยิบมือเท่านั้นที่จะเหลือรอดยืนหยัดได้ ซึ่งเป็นไปตามธรรมชาติของวัฏจักรตลาด อย่างที่มันเคยเป็นและจะคงเป็นตลอดไปอีกนานแสนนาน
4
ถามว่า ช่วงเวลาใดต่อจากนี้ถึงจะน่าเข้าลงทุนอีกครั้ง
ให้คุณดูง่ายๆเลยว่า เมื่อใดที่เพื่อนที่คุณเคยเห็น คนที่คุณเคยคุย เลิกสนใจมันไปแล้ว เมื่อเสียงแซ่ซ้องที่เคยดังอื้ออึงลดลง จนค่อยๆเงียบหาย เมื่อนั้นแหละให้คุณกระโดดเข้าให้ไวค่ะ
6
มิ้วๆนะ
โฆษณา