22 พ.ค. 2021 เวลา 14:25 • นิยาย เรื่องสั้น
#งานเขียนหนังสือ เป็นอีกหนึ่งสิ่งที่ดีที่สุดในชีวิต ที่ได้ตัดสินใจทำลงไป❤️
วันนี้รู้สึกดีใจที่สุดจนไม่อยากเก็บเอาไว้ ในใจคนเดียว เนื่องจากมีลูกค้าเดินทางมาพักที่โรงแรม Le bar tarry เพราะเป็นแฟนของหนังสือนวนิยายเรื่อง “เมี่ยงคำ” ที่ฉันได้เขียนเอาไว้เมื่อปีที่แล้ว หนังสือยังไม่ได้โปรโมทจึงมีคนรู้จักยังไม่มาก แต่ลูกค้าท่านนี้ได้อ่านหนังสือเล่มนี้เพราะเคยมาพักที่โรงแรมเมื่อปีที่แล้ว และวันนี้ลูกค้ามีโอกาสเดินทางมายัง อ.ท่าลี่ จ.เลย จึงต้องการมาพักที่นี่อีกครั้งเพื่อขอบคุณที่ฉันได้เขียนหนังสือ ดีๆ เล่มนี้ออกมา
ความรู้สึกขณะที่ลูกค้ากล่าวคำว่า “ขอบคุณที่เขียนหนังสือดี ๆ เล่มนี้ออกมาให้อ่าน” พร้อมกับจับมือฉันเขย่าทั้งสองข้าง มันให้ความรู้สึกตื้นตันใจจนกลั้นน้ำตาแทบไม่อยู่ เพราะข้างในมันรู้สึกดีเหลือเกินที่มีคนชื่นชอบงานเขียนที่กลั่นมาจากจิตวิญญานของฉัน
วัตถุประสงค์ในการเขียนหนังสือเล่มนี้ ก็เพื่อจะเตือนให้ทุกคนคิดถึง #อดีตที่สวยงามและความทรงจำอันแสนวิเศษ
❤️❤️❤️❤️❤️❤️ ตัวอย่างเนื้อหาบางส่วนของนวนิยาย #เมี่ยงคำ ค่ะ
♥️ ตอน เรื่องเล่าของปู่ใหญ่ ❤️
.
ปู่ใหญ่เป็นชายชราอายุ ๘๐ ปี บนร่างกายมีแต่ริ้วรอยเหี่ยวย่นเพราะกรำงานหนักมาตั้งแต่วัยหนุ่ม แววตาเรียบนิ่งแต่แฝงความใจดี
ลำตัวท่อนบนช่วงหน้าอกสัก ‘ยันต์เสือเผ่น’ ด้วยน้ำหมึกสีดำ ยันต์นี้เชื่อกันว่ามีพุทธคุณฟันแทงไม่เข้าและช่วยเสริมอำนาจบารมี ส่วนแผ่นหลังนั้นสัก ‘ยันต์โสฬสมหามงคล’ ถือว่าเป็นยันต์ชั้นสูงและเป็นยันต์อันวิเศษสุดกว่ายันต์ทั้งหลายทั้งปวง มีพุทธคุณช่วยแก้อาถรรพ์ป้องกันภัยอันตราย เสริมโชคลาภ และยังมี ‘ยันต์พุฒซ้อนหรือยันต์พระเจ้าห้าพระองค์’ ซึ่งถือว่าเป็นสุดยอดมหายันต์อีกเช่นกัน ยันต์นี้มีพุทธคุณด้านเมตตามหานิยม โชคลาภและมหาเสน่ห์ ที่ขาทั้งสองข้างมีรอยสักด้วยน้ำหมึกสีดำไล่ตั้งแต่ใต้เข่าขึ้นมาจนถึงโคนขา ครั้งหนึ่งฉันเคยชี้ไปที่รอยสักบนขาของปู่ใหญ่แล้วถามด้วยความอยากรู้ว่ามันคืออะไร
ปู่ใหญ่จึงเล่าให้ฟังว่า เขาเรียกว่า ‘สักลายมอม’ มอมเป็นสัตว์วิเศษมีฤทธิ์มีอำนาจมากตามความเชื่อของคนโบราณ อาศัยอยู่ในป่าหิมพานต์ มีรูปลักษณ์องอาจผึ่งผายราวกับราชสีห์ แข็งแกร่งดังเสือ นิ่มนวลเหมือนแมวและแคล่วคล่องว่องไวดุจพญาลิง เมื่อนำมาสักเป็นยันต์ไว้บนลำตัว ก็ให้พุทธคุณด้านอยู่ยงคงกระพันเสริมฤทธิ์เดชและอำนาจ
 
ปู่ใหญ่ยังเล่าให้ฟังต่ออีกว่าเดิมทีบรรพบุรุษของหมู่บ้านเราอพยพลงมาจากอาณาจักรล้านช้างเมืองหลวงพระบาง เมื่อครั้งอดีตประเพณีการสักขาลายก็มีสืบทอดต่อ ๆ กันเรื่อยมา ผู้ชายจะนิยมสักขาลายจากใต้หัวเข่าขึ้นไปจนถึงโคนขา พอมีคนจากสยามมาเห็นเข้าก็เรียกพวกเราว่า ‘ลาวพุงขาว’ ส่วนพวกผู้ชายที่อยู่ทางล้านนานั้นนิยมสักลายเลยสูงขึ้นไปถึงพุงและเอว พวกสยามก็เรียกว่า ‘ลาวพุงดำ’ ผู้ชายสมัยก่อนนิยมสักลายกันทุกคน เพราะเชื่อว่าเป็นเครื่องรางของขลังและต้องการอวดความเป็นชายให้สาว ๆ ได้เห็น ผู้หญิงสมัยนั้นก็นิยมผู้ชายสักขาลายมาก ถ้าไปจีบสาวต้องถลกโสร่งเพื่อโชว์รอยสักให้เห็น ถ้าผู้ชายคนไหนไม่มีรอยสักก็จะมีคนล้อว่า
“ขาบ่ลาย อยากอายผู้สาว ขาขาว–ขาว ผู้สาวบ่มัก”
 
ส่วนวิธีการสักนั้นจะต้องให้หมอสักเป็นผู้ทำการสักให้ อุปกรณ์ในการสักมีเหล็กแหลมหรือเข็มขนาดใหญ่เสียบติดกับด้ามไม้กลม ๆ ประมาณ ๖ เล่ม ใช้หมึกสีดำหรือสีแดง น้ำหมึกสีดำทำจากใบมันแกวนำไปเคี่ยวใส่เขม่าควันไฟให้มีสีดำแล้วผสมกับดีหมูหรือดีสัตว์อื่น ๆ เช่น ดีควาย ดีวัว ดีงู ดีปลาช่อน เป็นต้น อาจใช้ดินหม้อหรือเขม่าควันไฟสีดำที่ติดก้นหม้อผสมน้ำแทนก็ได้
 
หากต้องการสักเพื่อความอยู่ยงคงกระพันก็จะผสมว่านเข้าไปในน้ำหมึกด้วย บางแห่งหมอสักจะเตรียมน้ำหมึกเคี่ยวให้ข้นไว้จนแห้งแล้วปั้นเป็นก้อน เวลาจะใช้ก็นำมาฝนกับน้ำใช้ได้ทันที เมื่อสักเสร็จหมอสักก็จะปลุกเสกลงคาถาอาคมให้อีกรอบ ค่าสักคิดข้างละ ๑ บาท คนที่อยากจะสักยันต์นั้นต้องเตรียมใจให้พร้อมเพื่อต่อสู้กับความเจ็บปวด ก่อนสักยันต์หมอสักก็จะให้กินหรือสูบฝิ่นขนาดเท่าเม็ดฝ้ายเข้าไปก่อนเพื่อช่วยบรรเทาความเจ็บปวด เมื่อฝิ่นหมดฤทธิ์อาจทำให้รู้สึกเจ็บปวดมากจนคนที่ทนไม่ไหวถึงกับเสียชีวิตไปเลยก็มี
 
ปู่ใหญ่เป็นผู้ที่ครองตนอยู่ในศีลในธรรมถือเป็นผู้เฒ่าผู้แก่ที่อาวุโสคนหนึ่งของหมู่บ้าน เมื่อถึงวันสำคัญปู่ใหญ่จะเป็นผู้นำในการประกอบพิธีกรรมต่าง ๆ ร่วมกับพ่อเฒ่าในวัยใกล้เคียงกันอีกสี่ห้าคน ปู่ของฉันเคยเล่าว่าปู่ใหญ่เป็นผู้มีวิชาคาถาอาคมและเป็นจอมขมังเวทย์คนหนึ่ง มีเวทย์มนต์คาถาและสามารถปลุกเสกน้ำมนต์รักษาโรคภัยไข้เจ็บต่าง ๆ จนหายขาดได้
มีอยู่ครั้งหนึ่ง ตอนฉันอายุสักห้าขวบเพิ่งจะเข้าเรียนชั้นอนุบาล ๑ แล้วเกิดติดโรคคางทูมมาจากเพื่อนที่โรงเรียน ฉันมีอาการตัวร้อนไข้ขึ้นสูงและแก้มซีกขวาบวมเป่ง แม่ขี่จักรยานพาฉันซ้อนท้ายไปหาปู่ใหญ่ที่บ้านเพื่อให้ช่วยรักษา
ปู่ใหญ่ถือขันเงินใส่น้ำฝนมาหนึ่งใบ ทำปากขมุบขมิบท่องมนต์คาถาแล้วเป่าลมใส่ในขันเงินสามครั้งเพื่อเสกน้ำมนต์ จากนั้นก็อมน้ำมนต์ในขันมาพ่นใส่ตรงแก้มที่บวมเป่งของฉันจนเปียกชุ่มและเอาปูนแดงที่ย่าใหญ่ใช้เคี้ยวหมากมาทาให้ จ่มมนต์คาถาพึมพำต่ออีกสักพักแล้วเป่า “เพี้ยง! หายดีแล้วเด้อหลานเอ้ย” ปู่ใหญ่เอามือตบหัวฉันเบา ๆ อีกสามทีเป็นอันเสร็จพิธี
น่าแปลกมาก! พอตื่นนอนในตอนเช้าวันรุ่งขึ้น อาการบวมเป่งที่แก้มและไข้ของฉันก็ลดลงอย่างน่าอัศจรรย์เลยทีเดียว
 
 
 
 
 
 
“ขอบคุณที่หยิบหนังสือเล่มนี้ขึ้นมาอ่าน”
เข้าไปอ่านตัวอย่างตอนอื่นๆเพิ่มได้ตางลิ้งนี้นะคะ👉 https://www.a-lisa.net/topic/8107
โฆษณา