6. Momentum มีเดือนที่ดีที่สุด?
เมื่อเราตั้งหลักการของการ Rebalance พอร์ตทุกๆ 3เดือนแล้วคำถามที่ตามมาก็คือควรจะทำตอนทุกเดือนไหนถึงจะได้ผลตอบแทนที่ดีที่สุด
เราคงเคยได้ยินคำพูดติดตลาดอย่าง January effect, Sell in May and go away ซึ่งกล่าวถึงผลของเดือนต่อการลงทุนทั้งนั้น โดยส่วนมากจะอิงกับเรื้่อง 2 เรื่องคือ
1. Window Dressing : กองทุนเมื่อใกล้ช่วงแสดงผลตอบแทนย่อมอยากที่จะให้ผลตอบแทนดี และต้องอยากให้หุ้นที่เป็นผู้ชนะ อยู่ในพอร์ตมากกว่าหุ้นติดแดง ทำให้มีแรงจูงใจที่จะขายหุ้นขาดทุนมาเพิ่มสัดส่วนหุ้นที่กำไร
2. Tax incentive : ในต่างประเทศหุ้นที่ขาดทุนทำให้เกิด Capital loss ซึ่งเมื่อขายสามารถนำมาคำนวณหักภาษีได้ทำให้เกิดแรงขายในหุ้นที่กำลังดิ่งลง ซึ่งทำให้แรงขายในกลุ่มพุ่งขึ้นน้อยกว่า และ อาจจะ ได้รับแรงซื้อบ้าง
เมื่อประกอบ 2 เรื่องเข้าด้วยกันทำให้เห็นว่าเดือนก่อนปิดไตรมาศ น่าจะมีโอกาสที่จะได้ Return มากกว่าเดือนอื่นๆ เมื่อทำการ Back testing 1984-2007 พบกว่ากำไรการถือ 1เดือนเฉลี่ยนของเดือน 3-6-9-12 เป็น 3.1% ขณะที่เดือนอื่นๆ จะเป็นแค่ 0.59% เท่านั้น!!
และเมื่อเจาะเข้าไปอีกเฉพาะในกลุ่มหุ้น momentum ตามที่เราคาดว่าน่าจะถูกซื้อมากกว่าพบว่า Return ของหุ้น Momentum สูงเทียบกับต่ำ จะต่างกันมากๆในเดือน 3-6-9-12 โดยเฉพาะเดือนธันวาซึ่งมีทั้งเรื่อง Window Dressing และ Tax incentive แล้วส่วนต่างนั้นมากกว่า 2.76 % และมากที่สุด
เมื่อนำเรื่องที่มารวมกับพอร์ต momentum จะได้สิ่งที่เราเรียกว่า Smart Rebalance โดยจะทำการปรับพอร์ตในปลายเดือน 2-5-8-11 เพื่อจะได้รับ momentum เต็มๆของเดือนปิดไตรมาศเมื่อทำ Back-testing ทำให้ return สูงขึ้นกว่าพอร์ตปรับเดือน 1-4-7-10 และพอร์ตที่แย่ทีี่สุดคือ เดือน 3-6-9-12 เพราะทำให้ผลของ momentum ไปเลย 1 เดือนตามที่เราเคยพูดไปว่า อาจจะ เป็นเดือนที่เกิด reversion