ในอัลบั้มชุดก่อนๆ Prince จะรับหน้าที่เล่นเครื่องดนตรีเองทั้งหมดในการบันทึกเสียง แต่กับอัลบั้ม Purple Rain นั้นให้เครดิตในการโปรดิวซ์, เรียบเรียง, แต่งเพลง และ เล่นเครื่องดนตรี โดย Prince และวง the Revolution อัลบั้มนี้บันทึกเสียงในช่วงระหว่างเดือน ส.ค. 1983 และเดือน มี.ค. 1984 ยกเว้นเพลง "Baby I'm a Star" ที่แต่งและอัดเดโมในช่วงต้นเดือน ธ.ค. 1981 ส่วนสามเพลงสุดท้ายในอัลบั้ม ("I Would Die 4 U", "Baby I'm A Star" และไตเติ้ลแทร็ค "Purple Rain") คือบันทึกการแสดงสดที่ First Avenue มินเนอาโปลิส ในวันที่ 3 ส.ค. 1983 แม้ทั้งสามเพลงจะมีการโอเวอร์ดับเพิ่มเข้าไปในภายหลัง แต่ก็ถือเป็นอัลบั้มแรกของ Prince ที่มีเพลงจากบันทึกการแสดงสดรวมอยู่ด้วย
สำหรับความหมายในเพลง "Purple Rain" นั้น Prince อธิบายว่า "เมื่อมีเลือดปรากฏบนท้องฟ้า สีแดงกับสีน้ำเงินรวมกันจนกลายเป็นสีม่วง ... สายฝนสีม่วงนั้นเปรียบเหมือนวันสิ้นสุดของโลก การได้อยู่กับใครซักคนที่คุณรักและให้ความศรัทธาหรือพระเจ้านำพาให้คุณรอดพ้นจากสายฝนสีม่วง" ในตอนแรกนั้น "Purple Rain" ถูกแต่งเป็นเพลงคันทรี่โดย Prince ตั้งใจจะทำเพลงนี้ร่วมกับ Stevie Nicks (ศิลปินเดี่ยว,อดีตนักน้องนำของคณะ Fleetwood Mac) Nicks เล่าว่าเธอได้รับเทปคาสเซ็ทที่มีเวอร์ชั่นบรรเลงความยาว 10 นาทีของเพลงนี้จาก Prince และเขาอยากให้เธอเขียนเนื้อเพลงให้ เธอบอกว่า "เพลงความยาว 10 นาที ถือเป็นเรื่องใหญ่เลยนะ พอฉันฟังเสร็จก็รู้สึกกลัวขึ้นมา เลยโทรกลับไปหาเขาและบอกว่า 'ฉันคงแต่งเพลงนี้ไม่ได้ ฉันอยากทำนะ แต่มันหนักหนาเกินไปสำหรับฉัน' " ในห้องซ้อม Prince บอกให้วงแบ็คอัพลองเล่นเพลงนี้ "ผมอยากทดลองอะไรบางอย่างก่อนเราจะแยกย้ายกันกลับบ้าน " Lisa Coleman มือคีย์บอร์ดของ The Revolution บอกว่า Prince เปลี่ยนเพลงนี้ไปเป็นอีกแบบหลังจากได้ยินเสียงคอร์ดที่มือกีต้าร์ Wendy Melvoin เล่นขึ้นมา "เขาตื่นเต้นมากที่ได้ยินเสียงที่แตกต่าง มันเปลี่ยนไปจากฟีลแบบคันทรี่ จากนั้นเราทุกคนก็ลองเล่นให้หนักแน่นขึ้นและเริ่มเก็บรายละเอียดเราเล่นเพลงนี้ต่อเนื่องนานกว่า 6 ชั่วโมง เมื่อหมดวันเราก็แต่งและเรียบเรียงมันได้เกือบจบเพลง"
Prince แต่งเพลงซิงเกิ้ลฮิตอย่าง "When Doves Cry" หลังจากเพลงอื่นในอัลบั้มเสร็จหมดแล้ว ก่อนที่จะอัดเสียงร้องลงไป เขาเล่นเครื่องดนตรีเองทุกชิ้นโดยไม่มี "เบส" ซึ่งทำให้เพลงนี้แตกต่างจากเพลงฮิตอื่นๆในยุค 80s Prince บอกว่าตอนแรกมันมีไลน์เบสแต่หลังจากได้คุยกับ Jill Jones (นักร้อง,นักแต่งเพลงชาวอเมริกัน) เขาก็ตัดสินใจตัดมันออก เพราะรู้สึกว่าเพลงมันธรรมดาเกินไปถ้ามีเสียงเบสอยู่ด้วย
Doctor Fink มือคีย์บอร์ดหนึ่งในสมาชิกของ The Revolution เล่าว่าในระหว่างบันทึกเสียงนั้น "เป็นช่วงเวลาแห่งการสร้างสรรค์ มีอิทธิพลและแรงบันดาลใจจากสมาชิกวงที่ส่งผลต่อการทำงานของ Prince เขาเปิดกว้างและสนับสนุนให้ทุกคนในวงมีส่วนร่วมในการแต่งเพลง แต่ Prince จะเป็นคนเขียนเนื้อเพลงหลักและเมโลดี้ เขาจะไม่ให้คนอื่นยุ่งกับเนื้อร้อง" ส่วนมือกีต้าร์ Wendy Melvoin นั้นก็บอกว่าสมาชิกแต่ละคนนั้น "มีเซ้นส์ทางดนตรีที่ยอดเยี่ยมเท่าเทียมกันซึ่ง Prince นั้นเคารพในความคิดเห็นของพวกเรา และเปิดโอกาสให้แต่ละคนนำเสนอไอเดียโดยไม่เข้าไปแทรกแซง ผมคิดว่าความลับที่ทำให้การทำงานเป็นไปอย่างราบรื่นนั่นก็เพราะพวกเราแต่ละคนไม่มีใครแสดงความเป็นเจ้าของไอเดียที่นำเสนอ ซึ่งต่างจากหลายคนที่ Prince เคยร่วมงาน มันเหมือนการแข่งขันที่ถ้าใครคิดเมโลดี้หรือไอเดียอะไรออกมาได้ ก็พยายามจะขอมีเครดิตในเพลง แต่พวกเราไม่ใช่แบบนั้น เราให้ได้อย่างเต็มที่ในสิ่งที่เขาต้องการ"
สมาชิกของ The Revolution อย่าง Fink, Coleman และ Melvoin ร่วมกันแต่งเพลงที่ชื่อ "Computer Blue" โดย Fink ที่เป็นคนเล่นไลน์เบสเพลงนี้ด้วยคีย์บอร์ดเล่าว่า "หลังจากที่ผมเล่นไลน์เบสนั่นออกมา สมาชิกวงก็เริ่มเล่นเข้าจังหวะกับมัน และ Prince ก็ได้ไอเดียอะไรบางอย่าง จากนั้นเราก็อัดเสียงหยาบๆและนำมันไปเรียบเรียงต่อในสตูดิโอ Wendy [Melovin] และ Lisa [Coleman] เล่นไลน์ของพวกเขาลงไป Prince นั้นยืมท่อนบริดจ์มาจากเพลงที่ยังไม่เคยเผยแพร่ของพ่อเขา (John L. Nelson พ่อของ Prince เป็นนักดนตรีแจ็ส) ในเพลงนี้จึงเหมือนเป็นส่วนผสมจากอิทธิพลที่หลากหลายของแต่ละคน"
อัลบั้ม Purple Rain ถือเป็นอัลบั้มแรกของ Prince ที่ขึ้นอันดับ 1 ในชาร์ตบิลบอร์ด มียอดขายกว่า 25 ล้านชุดทั่วโลก นอกจากนี้ยังเป็นซาวด์แทร็คประกอบภาพยนต์ชื่อเดียวกับอัลบั้มที่ออกฉายในปีเดียวกัน Prince และคณะ The Revolution ได้รับรางวัลแกรมมี่ในสาขา Best Rock Vocal Performance by a Duo or Group with Vocal และ Best Score Soundtrack for Visual Media ส่วนตัว Prince เองนั้นก็ได้รางวัล Academy Award ในสาขา Best Original Song Score จากภาพยนต์เรื่อง Purple Rain