24 พ.ค. 2021 เวลา 06:09 • ปรัชญา
🌺บุญกิริยาวัตถุ 10 ประการ🌺
☀️โลก​ทุกวันนี้​ ใครๆ​ ก็มักจะดิ้นรน​ไขว่คว้า​มองหาสิ่งที่​ดีที่สุด​กับ​ชีวิต​ตนเอง​ด้วยกัน​ทั้ง​สิ้น​ แต่​ส่วนใหญ่​ ผู้คนเกือบทั้งโลกสนใจกันแต่สิ่ง​ที่​ดีมีประโยชน์​มีคุณค่า​ที่สุดแต่เพียง​มองออกไปภายนอกตัว​ เป็น​ต้นว่า​ อยากซื้อบ้านดีๆ​ หลังใหญ่​และสะดวก​สบาย​ อยากไปตั้งถิ่นฐาน​อยู่ในเมืองและประเทศ​ดีๆ​ อยากได้​รถยนต์​ดีๆ​ อยากได้​เพื่อน​ดีๆ​ อยากได้​ครอบครัว​และ​คู่ครอง​ที่ดี​ อยากได้​สถานที่เรียนดีๆ​ เวลาต้องการ​ที่พึ่งทางใจ​ก็อยากไปวัดที่ดี​ อยากได้​งานทำที่ดี​ เงินเดือน​ดีๆ แม้​เจ็บป่วย​ก็อยากไปรักษาที่โรงพยาบาลที่ดี​ ​ที่มีแพทย์​เก่งๆ​ มีมาตรฐานมากๆ​ แม้ยามต้องตัดสินใจ​ฉีดวัคซีน​ป้องกัน​โรค​ก็หวังจะได้​วัคซีน​ที่ดีมีประสิทธิภาพ​ที่​สุด
☀️พระ​สัมมาสัม​พุทธเจ้า​ทรง​พบว่า​ บุญ​คือสาเหตุ​และที่มาของความสุข​ ความเจริญ​และ​ความสมหวังดังใจในความสำ​เร็จ​ที่เรามุ่งมั่น​ปรารถนา​ บุญ​เป็น​เบื้องหลัง​ของสิ่งที่ดีๆ​ ต่างๆ​ นานาของมนุษย์​ในโลกนี้ และบุญยัง​ติดตามเราไปถึงโลกหน้า​ หาก​ปรารถนา​จะ​ประสบ​ความสุข​ ความ​สำเร็จ​ในชีวิต​ทั้ง​ทางโลก​และ​ทางธรรม​ ต้องเริ่มต้น​ด้วยคำๆเดียวสั้นๆ​ คำนี้​  คือคำว่า​"บุญ"
☀️​บุญคืออะไร? อยู่ที่ไหน?🌟
.
🔅บุญ คือ พลังงานอย่างหนึ่ง ซึ่งละเอียด ประณีต และทรงพลังอย่างยิ่ง เป็นเครื่องชำระล้างใจให้ใสสะอาด บริสุทธิ์ ผ่องใส ห่างไกลจากกิเลสเครื่องเศร้าหมองทั้งหลาย น่าเสียดายที่คนทั่วไปมองไม่เห็นบุญ จนบางคนไม่เชื่อว่าบุญมีจริง แต่ผู้ปฏิบัติธรรมจนบรรลุธรรมขั้นสูงแล้วสามารถเห็นบุญและบาปได้ ดังที่พระมงคลเทพมุนี (สด จนฺทสโร) หลวงปู่วัดปากน้ำภาษีเจริญ ได้กล่าวยืนยันไว้ว่า บุญ บาป มีจริงๆ อยู่ในตัวของเรานี่เอง ดังนี้
.
“..บุญ เป็นดวงใสๆ ติดอยู่ศูนย์กลางดวงธรรมที่ทำให้เป็นมนุษย์ ..บาป เป็นดวงดำติดอยู่ศูนย์กลางดวงธรรมที่ทำให้เป็นมนุษย์เช่นกัน..”
🔅แม้เรายังไม่เห็นบุญ แต่เราก็สัมผัสกระแสบุญได้ เช่น เวลาทำทาน รักษาศีล เจริญภาวนา บุญจะหลั่งไหลมาสู่ใจเรา ทำให้เราสบายใจ จิตใจผ่องใส ความรู้สึกเหล่านี้คืออาการของบุญ ซึ่งเปรียบได้กับกระแสไฟฟ้าที่มองไม่เห็น แต่เวลาเปิดสวิตช์ ก็จะมีกระแสไฟเข้าไปทำให้เครื่องไฟฟ้าทำงานเกิดเป็นแสงสว่างในหลอดไฟ ความเย็นในตู้เย็น หรือความร้อนในเตารีดไฟฟ้า เป็นต้น
🔅เรื่องกระแสบุญนี้ พระสัมมาสัมพุทธเจ้าก็เคยตรัสไว้ในปฐมปุญญาภิสันทสูตรว่า เวลาบุญเกิดขึ้นจะมีลักษณะเป็นสายธาร เหมือนท่อธารแห่งบุญไหลไปยังผู้ทำบุญ ดังนี้ “เมื่อภิกษุบริโภคจีวร บิณฑบาต เสนาสนะ คิลานปัจจัย ของทายกใด แล้วเข้าเจโตสมาธิ​ ท่อธารบุญกุศล ย่อมไหลไปสู่ทายก (ผู้บริจาคทาน) นับประมาณมิได้ นำสุขมาให้ ให้ผลอันเลิศ มีสุข เป็นวิบาก ดุจแม่น้ำทั้งหลายไหลลงสู่ทะเลฉะนั้น” (มก. 35/178)
🏵️บุญกิริยาวัตถุ 10🏵️
.
ทางมาแห่งบุญมีถึง 10​ ประการ เมื่อเราทำบุญอย่างหนึ่งอย่างใด 10​ ประการต่อไปนี้​ บุญก็จะบังเกิดขึ้นกับเรา​
1.    ทานมัย บุญจากการทำทาน
2.    สีลมัย บุญจากการรักษาศีล
3.    ภาวนามัย บุญจากการเจริญสมาธิภาวนา
4.    อปจายนมัย บุญเกิดจากการอ่อนน้อมถ่อมต้น
5.    เวยยาวัจจมัย บุญจากการช่วยเหลือการงานที่ถูกที่ควร
6.    ปัตติทานมัย​ บุญจากการอุทิศส่วนกุศลให้กับผู้อื่น
7.    ปัตตานุโมทนามัย​ บุญจากการอนุโมทนา
8.    ธัมมัสสวนมัย​ บุญจากการฟังธรรม
9.    ธัมมเทสนามัย​ บุญจากการแสดงธรรม
10.  ทิฏฐุชุกัมม์ บุญจากการทำความเห็นให้ตรงความเป็นจริง
☀️อานิสงส์โดยย่อของ "บุญกิริยาวัตถุ 10​ ประการ"  ​มีดังต่อไปนี้☀️
.
🏵️1. ทานมัย อานิสงส์​ของการให้สิ่งที่เป็นประโยชน์สุขแก่ผู้รับ ย่อมต้องได้รับอานิสงส์ ดังนี้
1.เป็นที่มาของทรัพย์สมบัติทั้งหลาย
2.เป็นที่ตั้งของโภคทรัพย์ทั้งปวง
3.ผู้ให้ย่อมได้รับความสุข
4.ผู้ให้ย่อมเป็นที่รักของคนหมู่มาก
5.ผู้ให้ย่อมผูกไมตรีผู้อื่นไว้ได้
6.ทำให้เป็นผู้มีความน่าเคารพ​น่านับถือ
7.ทำให้เป็นที่น่าคบหาของคนดี
8.ทำให้เข้ากับสังคมอื่นได้อย่างคล่องแคล่ว
9.มีบุคลิกองอาจ สง่าผ่าเผย
10.ทำให้มีชื่อเสียงเกียรติคุณ
11.ละโลกแล้วไปเกิดในสุคติภูมิ
🏵️2. สีลมัย บุญที่สำเร็จได้ด้วยการรักษาศีล ย่อมต้องได้รับอานิสงส์ ดังนี้
1.ทำให้มีความสุขกาย สุขใจ
2.ทำให้เกิดโภคทรัพย์ได้
3.ทำให้สามารถใช้สอยทรัพย์นั้นได้เต็มอิ่มโดยไม่หวาดระแวง
4.ทำให้ไม่ต้องหวาดระแวงว่าจะมีใครมาทวงทรัพย์คืน
5.ทำให้เกียรติคุณฟุ้งขจรไป ทำให้ผู้อื่นเกิดความเชื่อถือ
6.ทำให้ชีวิตนั้นแกล้วกล้า องอาจ ท่ามกลางวงชุมชน
7.ทำให้เป็นคนไม่หลงลืมสติ
8.ละ​โลก​แล้วไปเกิดในสุคติภูมิ
🏵️3. ภาวนามัย บุญที่สำเร็จได้ด้วยการเจริญสมถภาวนา และวิปัสสนาภาวนา ย่อมต้องได้รับอานิสงส์ ดังนี้
1.มีรูปร่างหน้าตาสวยงาม
2.มีผิวพรรณผ่องใส
3.มีสุขภาพสมบูรณ์แข็งแรง
4.มีความจำดี และกำลังปัญญาว่องไว
5.เป็นคนจิตใจเยือกเย็น
6.เป็นที่ชื่นชอบของผู้ที่พบเห็น
7.มีบุคลิกอันน่าศรัทธา
8.เกิดในตระกูลดี
9.มีบุคลิกสง่างาม
10.มีมิตรสหายมาก
11.เป็นที่เคารพยำเกรงของคนทั่วไป
12.เป็นที่ชื่นชอบของบัณฑิต
13.สมบูรณ์ด้วยปัจจัย 4
14.ปราศจากอกุศลทัังปวง
15.ปลอดภัยจากศาสตราวุธ
16.มีอายุยืน
17.ละโลกแล้วได้เกิดในสุคติภูมิ
🏵️4. อปจายนมัย บุญที่สำเร็จได้ด้วยการอ่อนน้อมถ่อมตนต่อผู้ที่ควรเคารพนอบน้อม (คุณวุฒิ วัยวุฒิ ชาติวุฒิ ) ย่อมต้องได้รับอานิสงส์ ดังนี้
1.เกิดในตระกูลสูง
2.มีสุขภาพร่างกายแข็งแรง
3.มีมิตรสหายดี
4.ได้รับคำชมเชยอยู่เสมอ
5.มีความสมบูรณ์ในทรัพย์
6.ได้พบเห็นแต่สิ่งที่ตนปรารถนา
🏵️5. เวยยาวัจจมัย บุญที่สำเร็จได้ด้วยการช่วยเหลือกิจการงานที่ชอบ ย่อมต้องได้รับอานิสงส์ ดังนี้
1.มีความเป็นอยู่ดี สุขกายสุขใจ
2.มีมิตรสหายมาก
3.มีไหวพริบความจำดี
4.มีตำแหน่งหน้าที่การงานสูง
🏵️6. ปัตติทานมัย บุญที่สำเร็จได้ด้วยการอุทิศส่วนกุศลให้แก่ผู้อื่น ย่อมต้องได้รับอานิสงส์ ดังนี้
1.ไม่มีความอดอยาก ยากจน
2.ไม่มีโรคภัยไข้เจ็บเบียดเบียน
3.มีบริวารดี
4.เป็นที่รักของผู้ที่พบเห็น
5.มีรูปร่างหน้าตาสวยงาม
6.มีอายุยืน
🏵️7. ปัตตานุโมทนามัย บุญที่สำเร็จได้ด้วยการอนุโมทนาส่วนบุญ ย่อมตัองได้รับอานิสงส์ ดังนี้
1.มีสุขภาพสมบูรณ์
2.มีฐานะดี
3.มากไปด้วยลาภสักการะ
4.พบเห็นแต่สิ่งที่ทำให้เกิดความสบายใจ
🏵️8. ธัมมัสวนมัย บุญที่สำเร็จได้ด้วยการฟังธรรม ย่อมต้องได้รับอานิสงส์ ดังนี้
1.เกิดในตระกูลสูง
2.มีสติปัญญาดี
3.มีมิตรสหายดี
4.มีความเชื่อมั่นในตนเอง
🏵️9. ธัมมเทสนามัย บุญที่สำเร็จได้ด้วยการแสดงธรรม ย่อมต้องได้รับอานิสงส์ ดังนี้
1.ไม่มีกลิ่นปาก
2.มีฟันขาวเรียบ
3.บุตรบริวารมีความเชื่อฟัง
4.มีบุคลิกสง่างาม
5.มีความจำดี
6.เป็นที่ไว้วางใจแก่ผู้พบเห็น
🏵️10. ทิฏฐุชุกัมม์ บุญที่สำเร็จได้ด้วยการทำความเห็นให้ถูกต้อง ตรงตามความเป็นจริง ย่อมต้องได้รับอานิสงส์ ดังนี้
1.มีปัญญาดี
2.ไม่อดอยาก
3.ไม่ยากจน
4.มีสุขภาพร่างกายสมบูรณ์แข็งแรง
5.มีบุคลิกสง่างาม
6.พบเห็นแต่สิ่งที่ทำให้เกิดความสบายใจ
7.มีฐานะความเป็นอยู่ดี
8.มีบริวารมาก
9.มีความเชื่อมั่นในตนเอง ไม่มีชีวิตเนื่องด้วยผู้อื่น
🌟มีบุญสำเร็จทุกอย่าง🌟
.
ทุกครั้งที่ทำความดี เช่น ให้ทาน รักษาศีล เจริญภาวนา จะเกิดกระแสบุญมารวมกันเข้าเป็นดวงบุญ ซึ่งมีอานุภาพดึงดูดสมบัติทั้ง 3​ คือ รูปสมบัติ ทรัพย์สมบัติ คุณสมบัติ ให้เกิดขึ้นกับเราได้
อานุภาพบุญนั้นยิ่งใหญ่สุดประมาณ ช่วงไหนเรามีบุญมาก และบุญกำลังส่งผล สมบัติต่างๆ ก็จะหลั่งไหลมาหาเราแต่เมื่อไรเรามีบุญน้อย หรือหมดบุญ สมบัติที่มีอยู่ก็จะค่อยๆลดน้อยลงไป เพราะไม่มีบุญที่จะดึงดูดสมบัติมาได้ดังเดิม และเมื่อเราทำความชั่ว มีความโลภ หรือความตระหนี่เกิดขึ้น ก็จะเกิดกระแสกิเลสขึ้นมาผลักสมบัติทั้ง 3​ ให้พลัดพรากจากเราไป
คุณยายอาจารย์มหารัตนอุบาสิกาจันทร์ ขนนกยูง ผู้ให้กำเนิดวัดพระธรรมกาย เคยกล่าวเปรียบเทียบไว้ว่า บุญเปรียบเสมือนน้ำในคลอง บาปเสมือนตอที่อยู่ใต้น้ำ ชีวิตเปรียบเสมือนเรือที่แล่นไปบนน้ำ ถ้ามีบุญมากก็เสมือนน้ำในคลองมาก บาปกุศลที่เปรียบดังตอที่อยู่ใต้น้ำก็ทำอะไรไม่ได้ เรือก็แล่นไปได้อย่างสะดวก เหมือนชีวิตที่ราบรื่นก้าวหน้า ถ้าบุญน้อยก็เสมือนน้ำน้อย ต่อก็ผุดเรือก็ติด จะประกอบธุรกิจการงานใดๆ ก็ติดขัดไปหมด คุณยายท่านยังได้กล่าวไว้อีกด้วยว่า “ทุกสิ่งทุกอย่างขึ้นอยู่กำลังบุญ มีบุญอย่างเดียว อะไรๆก็สำเร็จหมด”
🔰ที่มา​:
1.พระไตรปิฎกฉบับมหามกุฏราชวิทยาลัย​ เล่ม 75 หน้า​ 427-432, พระอภิธรรมปิฎก ธรรมสังคณี เล่ม 1 ภาค 1
2.​ บทความ​ "บุญ..คือมิตรแท้ บุญคือพลังงานบริสุทธิ์" จาก​ www.dmc.tv
3.หนังสือ "อานิสงส์ การทำบุญ บทสวดมนต์เสริมมงคลชีวิต"
โฆษณา