อัลบั้ม Kind of Blue ถูกบันทึกเสียงโดยใช้เทป 3 แทร็คในสองเซสชั่นที่สตูดิโอ Columbia Records' 30th Street กรุงนิวยอร์ค เซสชั่นแรกบันทึกเสียงในวันที่ 2 มี.ค. 1959 ประกอบไปด้วยเพลง "So What", "Freddie Freeloader" และ "Blue in Green" ส่วนเซสชั่นที่สองบันทึกเสียงในวันที่ 22 เม.ย. 1959 ประกอบไปด้วยเพลง "All Blues" และ "Flamenco" อัลบั้มนี้ใช้เวลาในการบันทึกเสียงจากทั้ง 2 เซสชั่นรวมกันประมาณ 9 ชั่วโมงเท่านั้น
ด้วยความชื่นชอบส่วนตัวของ Davis เขาบอกว่าอัลบั้มนี้แทบจะไม่มีการซ้อมและนักดนตรีแต่ละคนก็รู้แค่เพียงนิดหน่อยเท่านั้นว่าต้องเล่นอะไรบ้าง Bill Evans มือเปียโนบอกว่า Davis ให้สเกลและไลน์เมโลดี้คร่าวๆว่าควรจะอิมโพรไวซ์ไปในทางไหน เมื่อนักดนตรีมาถึงครบ หลังจากที่ Davis ให้คำอธิบายกับทุกคนแล้วเขาก็บอกเอนจิเนียร์เริ่มเดินเทปเพื่อบันทึกเสียงทันที โดยในเพลง "Flamenco Sketches" นั้นบันทึกเสียงเสร็จภายในเทคเดียวเท่านั้น
อัลบั้ม Kind of Blue นั้นใช้พื้นฐานของ Modality (การใช้ Mode ขับเคลื่อนแทนที่จะใช้แค่สเกลหลักของคีย์) ซึ่งต่อยอดมาจากเพลงแจ็สแบบ Hard bop ในงานยุคแรกของ Davis ที่มีความซับซ้อนของคอร์ดโปรเกรสชั่นและการอิมโพรไวซ์ ตลอดทั้งอัลบั้ม Kind of Blue นั้นใช้ Mode ในการวางโครงสร้างโดยนักดนตรีแต่ละคนจะถูกกำหนดสเกลที่จะเล่นเพื่อให้มีขอบเขตของสไตล์และการอิมโพรไวซ์ ซึ่งการบันทึกเสียงแบบนี้ต่างจากปรกติที่จะมักให้นักดนตรีเล่นตามสกอร์ที่ถูกกำหนดไว้หรืออิมโพรซ์ตามคอร์ดและฮาร์โมนี่
นอกจากอัลบั้มนี้ Davis ยังเคยใช้วิธีแบบ Modal Jazz ในงานก่อนๆอย่างอัลบั้ม Milestones , the '58 Sessions และ Porgy and Bess การใช้ Mode ในการแต่งเพลงนั้น Davis เรียกมันว่า "การกลับไปหาเมโลดี้" ซึ่งตรงข้ามกับเพลงแจ็สแบบ Be Bop ที่มีคอร์ดเป็นจุดเด่น Davis อธิบายถึงการแต่งเพลงด้วยวิธีนี้ว่า "การไม่มีคอร์ด มันทำให้คุณมีอิสระ มีช่องว่างให้ได้ยินเสียงนั้นๆ เมื่อคุณใช้วิธีนี้คุณสามารถเล่นไปได้เรื่อยๆอย่างไม่จบสิ้น ไม่ต้องกังวลกับคอร์ดที่เปลี่ยน คุณสามารถทำอะไรได้มากขึ้นกับไลน์เมโลดี้ มันเหมือนเป็นการท้าทายว่าคุณจะพัฒนาเมโลดี้นั้นไปได้ขนาดไหน เมื่อคุณต้องเล่นเพลงที่กำหนดกับคอร์ด คุณจะรู้ว่าเมื่อผ่านไป 32 บาร์ คอร์ดจะหมด และคุณก็จะวนกลับมาเล่นมันใหม่ด้วยวิธีที่แตกต่าง ผมคิดว่าการเติบโตของเพลงแจ็สนั้นเริ่มต้นมาจากการพยายามหนีจากการเล่นแบบมาตรฐานทั่วไปกับคอร์ดที่มี ... แม้จะมีแค่ 2-3 คอร์ด แต่มีความเป็นไปได้อีกไม่รู้จบที่เราจะเล่นกับมัน"