27 พ.ค. 2021 เวลา 05:06 • ประวัติศาสตร์
ชีวิตของชาว “เมโสโปเตเมีย (Mesopotamia)”
อารยธรรมเมโสโปเตเมีย (Mesopotamia) เป็นอารยธรรมโบราณที่สำคัญของประวัติศาสตร์
บทความนี้ จะพาไปรู้จักกับชีวิตและสังคมของอารยธรรมนี้ครับ
เมโสโปเตเมีย เป็นหนึ่งในสถานที่แรกๆ ของโลกที่มนุษย์ได้ตั้งถิ่นฐาน อีกทั้งยังมีการตั้งรัฐบาลของตนเอง
เมื่อ 10,000 ปีก่อนคริสตกาล ได้มีการปฏิวัติเกษตรกรรมครั้งแรก (First Agricultural Revolution) ทำให้มนุษย์มีเวลาไปทำอย่างอื่นนอกจากการหาอาหาร มีการให้ความสำคัญกับเรื่องอื่นๆ เช่น สถาปัตยกรรม ศิลปะ ดนตรี และงานเขียน ซึ่งสิ่งเหล่านี้ได้นำพาไปสู่การพัฒนาของระบบชนชั้น
1
เมโสโปเตเมียนั้น มีการแบ่งชนชั้นอย่างชัดเจน
ชนชั้นสูงประกอบด้วยกษัตริย์ เหล่าขุนนางที่ร่ำรวย นักบวช และเสมียน
2
ชนชั้นกลางประกอบด้วยพ่อค้า ช่าง พนักงานรัฐ
ชนชั้นล่างประกอบด้วยแรงงานและชาวนา ซึ่งเป็นชนชั้นที่มีเป็นจำนวนเยอะที่สุด ส่วนที่ต่ำลงมาอีก ก็คือทาส
ทาสนั้นเป็นทรัพย์สินของกษัตริย์และชนชั้นสูง และมักจะเป็นเชลยสงคราม
ชนชั้นสูงมีความเป็นอยู่ที่สุขสบาย โดยเฉพาะกษัตริย์
กษัตริย์สามารถทำได้ทุกอย่าง ไม่มีกฎที่ห้ามหรือสั่งให้กษัตริย์ทำสิ่งใด และกษัตริย์ก็สามารถกำหนดภาษีตามจำนวนที่ต้องการได้
ส่วนชนชั้นกลางนั้นก็ทำงานตามหน้าที่และตำแหน่งของตน ซึ่งหากขยัน ทำงานหนัก ก็สามารถเลื่อนสถานะทางสังคมได้ ซึ่งชนชั้นล่างก็สามารถขยับฐานะขึ้นมาเป็นชนชั้นกลางได้หากขยัน
สำหรับสตรีนั้น ก็มีสิทธิไม่เท่าเทียมบุรุษ
แต่ถึงอย่างนั้น เมื่อเทียบกับกรีกโบราณและโรม สตรีก็นับว่ามีสิทธิมากกว่า โดยสตรีสามารถออกจากบ้านไปตลาดได้ และยังสามารถครอบครองทรัพย์สิน รวมทั้งมีกิจการเป็นของตนเอง อีกทั้งยังมีสิทธิในศาลอีกด้วย
นอกจากนั้น สตรียังมีสิทธิเรียนการอ่านเขียน และทำงานแลกค่าจ้างได้ แต่ไม่มีสิทธิในการออกกฎหมาย
ชนชั้นกลางและชนชั้นล่างจะอาศัยอยู่ในบ้านที่ทำมาจากอิฐ หลังคาเตี้ยๆ บ้านไม่ได้หรูหรา เพียงแค่ใช้หลับนอนและคลายความร้อน
1
ส่วนชนชั้นสูงจะอยู่ในบ้านที่หรูหรา มีการตกแต่งด้วยวัสดุล้ำค่า และมักจะมีความสูงสองถึงสามชั้น
สำหรับเรื่องของศาสนาและความเชื่อนั้น ชาวเมโสโปเตเมียนับถือเทพเจ้าหลายองค์ มีการแบ่งระดับชั้นของเทพเจ้า
ชาวเมโสโปเตเมียไม่มีมุมมองเกี่ยวกับเรื่องจิตวิญญาณหรือเรื่องลี้ลับ พวกเขาเชื่อเพียงพระเจ้า และเชื่อว่าต้องอ่อนน้อม เชื่อฟังพระเจ้า
1
เทพเจ้าของชาวเมโสโปเตเมียนั้นมีเป็นร้อยองค์ และแต่ละองค์ก็มีนักบวช วิหาร และสาวกของแต่ละองค์
ชาวเมโสโปเตเมียรักสวยรักงามไม่ต่างจากคนในปัจจุบัน พวกเขาใส่ใจในภาพลักษณ์ การแต่งกายเป็นอย่างมาก
3
เสื้อผ้าของชาวเมโสโปเตเมียมักจะทำจากขนสัตว์ บุรุษมักจะสวมเสื้อคลุมและกระโปรง ส่วนสตรีจะสวมชุดที่มีความยาวมากกว่าบุรุษ
เสื้อผ้าของชาวเมโสโปเตเมียมักจะมีสีสว่าง และชนชั้นสูงมักจะประดับเสื้อผ้าด้วยเครื่องประดับ เช่น ประคำ หินมีค่าต่างๆ
ชาวเมโสโปเตเมียจะใส่เครื่องประดับเพชรพลอย โดยเฉพาะแหวนที่หัวแหวนทำจากหินมีค่า
ส่วนทรงผม บุรุษมักจะไว้ผมยาวถึงบ่า และไว้หนวดเครา ส่วนสตรีก็ไว้ผมยาวและถักเปีย และทั้งบุรุษและสตรีต่างก็แต่งหน้า
2
สำหรับอาชีพและความบันเทิงนั้น สังคมเมโสโปเตเมียเป็นสังคมเกษตรกรรม ผู้คนส่วนมากเป็นชาวไร่ ล่าสัตว์ ตกปลา
3
การค้าก็มีการค้าระหว่างเมือง ชนชั้นกลางก็ประกอบด้วยพ่อค้าและช่าง
1
เมื่อเวลาผ่านไป มีการพัฒนาทางด้านภาษา แต่ก็ไม่ใช่ว่าทุกคนจะอ่านออก ผู้ที่อ่านออกก็คือขุนนางหรือเสมียน
สำหรับความบันเทิง มีการสร้างเครื่องดนตรีต่างๆ มากมาย ทั้งกลอง พิณ และขลุ่ย
ทางด้านกีฬา ก็มีการชกมวยและมวยปล้ำ เมืองใหญ่ที่ร่ำรวยก็มีศิลปะและบทกวีของตนเอง นวนิยายเรื่องแรกๆ ของโลกก็มาจากเมโสโปเตเมีย
1
เด็กๆ เมโสโปเตเมียก็มีของเล่น ซึ่งของเล่นก็มักจะทำมาจากหินหรือกระดูก รวมทั้งยังมีของเล่นที่แกะสลักเป็นรูปสัตว์ และมีการละเล่นกระโดดเชือกอีกด้วย
จะเห็นได้ว่าสังคมเมโสโปเตเมียค่อนข้างจะใกล้เคียงกับสังคมปัจจุบัน แม้ว่าเวลาจะผ่านมานานนับพันปีแล้วก็ตาม
โฆษณา