28 พ.ค. 2021 เวลา 08:00 • ธุรกิจ
ผ่าสัมพันธ์ 'ซีพี-ผู้ถือหุ้นซิโนแวค'
4
เปิดความสัมพันธ์ของ 'ซีพี' กับผู้ถือหุ้นซิโนแวค ไลฟ์ฯ เผยข้อมูล “เซี่ย ปิ่ง” ลูกพี่ลูกน้อง "ธนินท์" สร้างธุรกิจยาในจีนก่อนขยายเข้าซื้อหุ้นบริษัทลูกซิโนแวค
10
บทความโดย ทินกร เชาวน์ชื่น
2
ผ่าสัมพันธ์ 'ซีพี-ผู้ถือหุ้นซิโนแวค'
ธุรกิจของเครือเจริญโภคภัณฑ์ หรือ CP ครอบคลุมหลายกลุ่ม โดยมีฐานสำคัญอยู่ในไทยและจีน โดยในไทยมี “ธนินทร์ เจียรวนนท์” เป็นผู้ปลุกปั้นให้อาณาจักรซีพีกลายเป็นบริษัทข้ามชาติ และขายการลงทุนไปต่างประเทศ และแน่นอนว่าจีนคือประเทศแรกที่ซีพีเลือกเข้าไปลงทุน และกลายเป็นบริษัทต่างชาติบริษัทแรกที่เข้าไปลงทุนในจีน ซึ่งซีพีลงทุนหลากหลายครอบคลุมตั้งแต่อุตสาหกรรมอาหาร ค้าปลีก ยานยนต์ รวมถึงธุรกิจการเงิน
8
การดำเนินธุรกิจในจีนที่เกี่ยวข้องกับซีพีจะมี 2 ส่วน คือ
1.การลงทุนจากซีพีประเทศไทย ซึ่งนายธนินท์ เป็นผู้เข้าไปบุกเบิกร่วมกับนายสุเมธ เจียรวนนท์ พี่ชายนายธนินท์ เริ่มตั้งแต่ธุรกิจอาหารสัตว์ การเลี้ยงสัตว์ การแปรรูปอาหาร จักรยานยนต์และธุรกิจการเงิน และล่าสุดมีนายสุภกิต เจียรวนนท์ บุตรชายนายธนินท์เป็นผู้ดูแลธุรกิจในจีนกลุ่มนี้
2
2.การลงทุนของญาติในจีน ซึ่งรวมถึงธุรกิจที่ “เซี่ย ปิ่ง” หรือ Tse Ping ที่เป็นผู้ร่วมก่อตั้ง Sino Biopharmaceutical และ CP Pharmaceutical Group ซึ่งมีการผลิตยาออกมาหลายประเภทได้แก่ ยาชีวภาพและยาเคมีหลายชนิด และเป็นผู้นำการผลิตยาหลายโรค เช่น โรคตับ เนื้องอก โรคหลอดเลือดหัวใจและหลอดเลือดโรคกระดูก ระบบย่อยอาหาร โรคภูมิคุ้มกันและระบบทางเดินหายใจ และที่ผ่านมาwfhเน้นการวิจัยและพัฒนาเวชภัณฑ์
3
ทั้งนี้ แม้ Sino Biopharmaceutical จะเป็นธุรกิจที่ “เซี่ย ปิ่ง” ตั้งขึ้นมาและซีพีเป็นผู้ถือหุ้นข้างน้อย แต่ในเว็บไซต์ cpgroupglobal.com ระบุธุรกิจยาและเวชภัณฑ์เป็น 1 ใน 8 ธุรกิจหลักของซีพี ที่ดำเนินการโดย Sino Biopharmaceutical
6
ผ่าสัมพันธ์ 'ซีพี-ผู้ถือหุ้นซิโนแวค'
สำหรับ “เซี่ย ปิ่ง” เป็นบุตรของ “เซี่ย เจิ้ง หมิง” ซึ่งเป็นพี่น้องของบิดานายธนินท์ โดยเว็บไซต์ successstory.com ระบุว่า “เซี่ย ปิ่ง” เป็นทายาทของตระกูล “ธนินท์” ที่มีอิทธิพลร่ำรวยและมีอำนาจมากที่สุดคนหนึ่งในเอเชีย ซึ่งตระกูลดังกล่าวอพยพจากซัวเถามาประเทศไทยเป็นส่วนใหญ่ ในขณะที่ “เซี่ย ปิ่ง” อยู่ที่ประเทศจีน และไม่ต้องการเข้าสู่ธุรกิจเกษตรเหมือนคนในครอบครัวก่อนที่จะตัดสินใจเริ่มต้นธุรกิจยา
7
รวมทั้งใน ปี 2558 นิตยสาร Forbes จัดให้อยู่ในอันดับที่ 949 ในรายชื่อมหาเศรษฐีโลก ด้วยทรัพย์สิน 2,300 ล้านดอลลาร์
1
“เซี่ย ปิ่ง” ลงจากตำแหน่งประธานบริษัทเมื่อปี 2558 และให้ “เซี่ยฉีรุ่น” บุตรสาวขึ้นมารับตำแหน่งประธานแทน ซึ่งได้รับการจัดอันดับให้เป็นนักธุรกิจสตรีที่โดดเด่นที่สุดในจีนประจำปี 2018 โดย Forbes China ทางออนไลน์ และมีส่วนในการผลักดันให้ Sino Biopharmaceutical ซื้อหุ้น Sinovac Life Sciences ที่เป็นบริษัทลูกของบริษัทซิโนแวค เมื่อเดือน ธ.ค.2563 จำนวน 515 ล้านดอลลาร์ หรือ 15.03%
4
ในขณะที่ “เซี่ย ปิง” ยังมีบุตรชายอีกคนชื่อ “เอริค เซี่ย” ที่เป็นผู้บริหารของ CP Pharmaceutical Group และ Sino Biopharmaceutical ซึ่งปัจจุบัน “เอริค เซี่ย” ถือหุ้นใน Sino Biopharmaceutical ใหญ่ที่สุด สัดส่วน 21.47% ในขณะที่ “เซี่ย ปิ่ง” ถือหุ้นอันดับ 3 อยู่ที่ 8.40% โดยบริษัทดังกล่าวจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ฮ่องกงในปี 2543
2
นายธนากร เสรีบุรี รองประธานกรรมการอาวุโสเครือเจริญโภคภัณฑ์ กล่าวกับ “กรุงเทพธุรกิจ” ว่า การบริหารธุรกิจของซีพีจากประเทศไทยที่เข้าไปลงทุนในจีน กับธุรกิจในจีนของ “เซี่ย ปิ่ง” มีการแยกทีมบริหารกันอย่างชัดเจน โดยธุรกิจที่ซีพีลงทุนในจีนก็จะมีผู้บริหารจากไทยเข้าไปดูแลนับตั้งแต่รุ่นนายสุเมธ นายธนินท์ จนมาถึงนายสุภกิต เจียรวนนท์ บุตรชายนายธนินท์ ที่ถือเป็นเจเนอเรชั่นที่ 3 ร่วมกับนายศุภชัย เจียรวนนท์ และ “เซี่ย ปิ่ง”
6
ในขณะที่ “เซี่ยฉีรุ่น” และ “เอริค เซี่ย” ที่บริหาร Sino Biopharmaceutical และ CP Pharmaceutical Group ในปัจจุบันถือเป็นเจเนอเรชั่นที่ 4
4
“การลงทุนของธุรกิจยาในจีนเป็นการลงทุนส่วนตัวของเซี่ย ปิ่ง ที่มีทีมบริหารแยกจากธุรกิจที่ซีพีเข้าไปลงทุนเอง เหมือนเป็นเงินคนละกระเป๋า" นายธนากร กล่าว
ดังนั้น การที่ Sino Biopharmaceutical เข้าไปซื้อหุ้นใน Sinovac Life Sciences จึงไม่ได้เกี่ยวข้องซีพีและซีพีได้ออกแถลงการณ์เพื่อชี้แจงเรื่องดังกล่าวไปแล้ว
นายธนากร กล่าวว่า ปัจจุบันธุรกิจยาในจีนขยายตัวมากตามรายได้ของประชากรที่เพิ่มสูงขึ้น ซึ่งทำให้การลงทุนที่เกี่ยวข้องกับธุรกิจยาหรือธุรกิจสุขภาพมีโอกาสได้ผลตอบแทนที่ดี ดังนั้นไม่น่าแปลกที่จะมีการต่อยอดธุรกิจจากการผลิตยาไปสู่การเข้าไปซื้อหุ้นบริษัทผลิตวัคซีน
3
รายงานข่าวจากซีพี ระบุว่า ซีพี ได้ออกแถลงการณ์ชี้แจงการซื้อหุ้น Sinovac Life Sciences ไปแล้ว 2 ครั้ง คือ
4
1.การชี้แจงเมื่อวันที่ 6 ม.ค.2564 ระบุการเข้าซื้อหุ้น Sinovac Life Sciences ผู้ผลิตวัคซีนโควิด-19 ที่ชื่อว่า CoronaVac จากจีนตั้งแต่ ธ.ค.2563 วงเงิน 515 ล้านดอลลาร์ หรือ 15,427 ล้านบาท เพื่อแลกกับการเข้าไปถือหุ้น 15.03%
โดยซีพีดำเนินการซื้อหุ้นผ่าน CP Pharmaceutical Group โดย Sinovac Life Sciences มีศักยภาพในการผลิตวัคซีน 300 ล้านโดสต่อปีในปีที่ผ่านมา และเพิ่มเป็น 600 ล้านโดสต่อปีในปีนี้
1
2.การชี้แจงเมื่อวันที่ 25 พ.ค.2564 ระบุว่า ซีพีไม่มีส่วนเกี่ยวข้องกับการสั่งซื้อวัคซีนซิโนแวคของรัฐบาลทั้งทางตรงและทางอ้อม รวมทั้งซีพีไม่ได้เป็นผู้ถือหุ้นบริษัทซิโนแวค 15% ตามที่เป็นข่าว โดยข้อเท็จจริง ผู้ลงทุน คือ Sino Biopharmaceutical ซึ่งเป็นบริษัทเวชภัณฑ์ของจีนและจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ฮ่องกง โดยซีพีเป็นเพียงผู้ถือหุ้นรายย่อยในบริษัท Sino Biopharmaceutical
6
ทั้งนี้ Sino Biopharmaceutical เข้าไปถือหุ้นใน Sinovac Life Sciences จำนวน 515 ล้านเหรียญสหรัฐฯ หรือ 15.03% ถือเป็นการดำเนินธุรกิจของบริษัทดังกล่าวเอง โดยซีพีไม่ได้มีส่วนเกี่ยวข้อง ไม่ได้มีหุ้นใดๆ และไม่ได้มีสิทธิการเป็นเจ้าของในบริษัท Sinovac Life Sciences ใด ๆ ทั้งสิ้น
1
รวมทั้งชี้แจงเพิ่มเติมว่าการที่ Sinovac Life Sciences ต้องการขายหุ้นเพราะต้องการระดมทุน เพื่อต้องการขยายกำลังการผลิตวัคซีนซิโนแวค
โฆษณา