29 พ.ค. 2021 เวลา 06:47 • ท่องเที่ยว
😨ไม่น่าเชื่อว่า โรงเรียนแบบนี้ ยังมีเหลืออยู่บนโลก😧
เครดิตภาพจาก www.xinhuanet.com
😎สวัสดีครับ เพื่อน ๆ นักอ่าน วันนี้ไกด์ปิงขอพาออกจากปักกิ่ง เดินทางลงใต้ มุ่งสู่เมืองเล็ก ๆ ในมณฑล เหอหนาน ทางตอนกลางของประเทศจีน ที่มีประวัติศาสตร์อันยาวนาน เป็นมณฑลที่มีเมืองหลวงเก่าถึงสี่แห่ง นั่นคือ ไคเฟิง(เรารู้จักท่านเปาบุ้นจิ้นจากที่นี่) เมืองอันหยาง เมืองลั่วหยาง และเมืองเจิ้งโจว ซึ่งเป็นเมืองหลวงของมณฑลนี้ เป็นมณฑลที่ร่ำรวยด้วยอารยธรรมลุ่มแม่น้ำ ฮวงเหอ เลยเป็นที่มาของชื่อมณฑลเหอหนาน "เหอ" คือแม่น้ำฮวงเหอ หรือฮวงโห ที่บ้านเราเรียกกัน อีกนัยนึงคือเรารู้จักในชื่อ แม่น้ำเหลือง "หนาน" แปลว่าทิศใต้
🚄การเดินทางมา เราก็โดยสารรถไฟความเร็วสูง จากปักกิ่ง ผ่านมณฑล เหอเป่ย(สังเกตจากชื่อ มีเหอหนาน และเหอเป่ย คำแรกคือชื่อแม่น้ำ คำหลังคือทิศในภาษาจีน เป่ย คือ ทิศเหนือ หมายถึงสองมณฑลที่ตั้งอยู่ทางทิศเหนือหนึ่ง และทางทิศใต้อีกหนึ่งของแม่น้ำ
ฮวงเหอ
2
🕵️‍♂️บรรดานักท่องเที่ยวไทยส่วนมาก ที่เดินทางมามณฑลนี้ จะรู้จักถ้ำแกะสลักผาหิน หลงเหมิน ซึ่งถ้าเพื่อน ๆ สนใจ ผมจะได้เล่าในโอกาสต่อไป (อีกแล้ว โยนหินถามทาง) อีกแห่งนึงคือ ศาลไคฟง ออฟฟิศของท่านลุงเปาผู้โด่งดัง และวัดเส้าหลิน ต้นกำเนิดแห่งกังฟู และหลวงจีนนักบู๊ (ที่เรารู้ ๆ กัน ว่า หลวงพี่จะฝึกวิทยายุทธไว้ต่อสู้ อริราชศัตรู)
🤟🏻แต่หลายคนอาจจะไม่ทันได้รู้ว่า มีเมืองเล็ก ๆ ที่เป็นที่ตั้งของวัดเส้าหลิน ที่มีประวัติมายาวนานนับพันปี ด้านวิทยายุทธ มีอุตสาหกรรมอย่างนึง ที่สร้างรายได้หลักให้กับเมืองนี้
1
👳‍♂️ก่อนอื่นจะท้าวความถึงวัดเส้าหลินซักเล็กน้อย เดิมที่เป็นวัดเล็ก ๆ ที่ก่อตั้งโดย ท่านปรมาจารย์ตั๊กม้อ หลายคนคิดว่าท่านเป็นคนจีน แต่เปล่าเลย แรกเริ่มเดิมทีท่านเป็นรัชทายาทแห่งนครนึง ในอินเดีย แต่ท่านมีความใฝ่ในทางธรรม มากกว่าโลกอันวุ่นวาย ต่อสู้แย่งชิง อิจฉาริษยากัน ภายหลังจากที่พระบิดาสิ้นพระชนม์ นักพรตหนุ่มก็เดินทางพเนจรรอนแรม มาจนถึงเขตภูเขา เส้าสือ ที่อยู่ในเขตเทือกเขา ซงซาน ซึ่งชาวจีนเชื่อว่าเป็นหนึ่งในห้าภูเขาศักดิ์สิทธิ์ของจีน เลยลงหลักปักฐาน นั่งวิปัสสนากัมมัฐฐานที่ในป่าแห่งนี้ ต่อมาเริ่มมีผู้เลื่อมใสมากขึ้น เลยกำเนิดเป็นวัดเส้าหลินขึันมา เป็นวัดพุทธในนิกายเซ็น (ไม่ใช่เซ็นสัญญากู้ หรือเซ็นเช็คใด ๆ แต่หมายถึง ฌาน การเข้าถึงซึ่งสติ ความนิ่ง สงบ)
💪จุดเริ่มต้นของการฝึกวิทยายุทธคือ มาจากความคิดของท่านตั๊กม้อ ที่เหล่าบรรดาหลวงจีน พากันนั่งสมาธิกัน บางทีข้ามวันข้ามคือ ผลคือ ภายในจิตใจมีความสงบ นิ่ง แต่เมื่อร่างกาย ไม่ค่อยได้ไหวติง ก็เกิดการเส้นยึด บางคนถึงมีอาการ "กัมมัฐฐานซินโดรม" ขึ้นมา ที่ทำให้เหล่าหลวงจีนสุขภาพทรุดโทรม ร่างกายไม่แข็งแรง และในป่า มักจะมีสัตว์ร้ายที่อาจจะเป็นอันตรายแก่บรรดาหลวงจีน แต่เหล่าหลวงจีนไม่มีหนทางที่จะปกป้องตนเอง
1
เครดิตภาพจาก Pinterest
💪ท่านปรมาจารย์ ตั๊กม้อ จึงคิดค้น ท่ากายบริหารขึ้นมา โดยเลียนแบบการเคลื่อนไหว การยืดเส้นยืดสายของสัตว์ และอะแดปขึ้นมาเป็นท่าร่ายรำ และการต่อสู้ ที่อาศัยความรวดเร็ว อ่อนช้อย แต่แฝงความแข็งแกร่ง เลยเป็นที่มาของกังฟู
😎ในอดีต ยังเคยมีเรื่องเล่าถึงบรรดาหลวงจีน คอมมานโดจากวัดเส้าหลิน 13 รูป ได้ใช้วิทยายุทธปกป้อง ฮ่องเต้ องค์หนึ่ง ในสมัยราชวงศ์ถัง จนได้รับความดีความชอบ รวมถึงหลวงจีน ก็ใช้วิชาต่อสู้ในการปกปักษ์รักษาวัด และสมบัติให้ปลอดภ้ย แต่อันนั้นมันเป็นเรื่องในสมัยโบราณ มีเพื่อนที่เมืองไทย พอรู้ว่าผมจะได้พาลูกทัวร์ไปวัดเส้าหลิน ก็ขอร้องให้ผมถ่ายรูป หลวงจีน หล่อ ๆ ล่ำ ๆ แสดงวิทยายุทธล้ำเลิศมาให้ดู ผมก็ตอบไปว่า สิ่งที่ขอมา มันไม่มีอยู่จริง เพราะอะไร หลวงจีนเดี๋ยวนี้ ไม่ค่อยได้ฝึกกังฟูกันแล้ว ต่อให้ฝึก ก็ไม่ใช่ช่วงเวลาที่นักท่องเที่ยวมหาศาล หลายพันคน หรือบางช่วงอาจจะนับหมื่นคนต่อวันมาเยี่ยมชมวัด เค้าก็ไปอยู่ในกุฏิ ฝึกฝนตำรา ฝึกสมาธิ หรือทำอย่างอื่นไป จะมีแค่บางส่วนที่มีหน้าที่ ก็จะมาขายของที่ระลึก ผลิตผลทางการเกษตร ที่ปลูกในอาณาบริเวณอันกว้างขวาง หลายพันไร่ให้นักท่องเที่ยว ละก็ไม่ได้หล่อเหลาเอาการอะไร เกือบจะหนักไปทางพุงพลุ้ยอยู่ในจีวรซะอีก
1
เครดิตภาพจาก Martial Arts Lab
💪แต่การฝึกกังฟู จะปรากฎที่โรงเรียน ที่มีอยู่หลายสิบแห่ง ในเมืองแห่งนี้ บางโรงเรียนมีนักเรียนหลายพันคน มีอยู่แห่งนึงจำชื่อไม่ได้ (และไม่เคยได้) มีนักเรียนถึงหมื่นกว่าคน โห จริง ๆ เหรอ มิสเตอร์ไกด์
เครดิตภาพจาก www.xinhuanet.com
😎จริงครับ เมื่อก่อน ตอนที่ผมยังไม่ได้เห็นด้วยตาตัวเอง ก็ยังคิดว่ามีโรงเรียนเดียว ในเมืองเล็ก ๆ ที่ชื่อ "ตงฟง" หรือ Dengfeng แต่ที่ไหนได้ มีนับสิบ ๆ แห่ง มีอยู่แห่งนึงจะพิเศษหน่อย คือเป็นโรงเรียนกังฟูมุสลิมโดยเฉพาะเลย
🏢พอเรานึกถึงจำนวนโรงเรียน และจำนวนนักเรียนในแต่ละที่ คงมีคำถามหลากหลายขึ้นมาในหัวอีก
1
🙋‍♂️ถาม : เด็กนักเรียนพวกนี้มาจากไหนกัน ทำไมเยอะแยะมากมาย หรือเป็นเด็กยากจน เลยตัดสินใจมาเรียนโรงเรียนแบบนี้
ตอบ : เด็ก ๆ มาจากทั่วประเทศจีน รวมถึงบางโรงเรียน มีคอร์สสำหรับชาวต่างชาติที่สนใจด้วย เด็กเหล่านี้ไม่ได้ถูกบังคับให้มา แต่สนใจมาเอง มาถึงตรงนี้ ตัวผู้ปกครองเองมากกว่าที่คิดหนัก เพราะค่าเล่าเรียนไม่ได้ถูกเลย บางแห่งเป็นหมื่นหยวนต่อเทอม (คูณห้าบาทไป) เพราะทั้งหมดเป็นโรงเรียนกินนอน ใช้ชีวิตเหมือนอยู่ในค่ายทหาร จะออกไปข้างนอกโดยพละการไม่ได้เลย ที่ประตูจะมีสารวัตรนักเรียนคอยควบคุมอยู่ ภายในจะมีหอพักที่เป็นทั้งห้องแอร์คอนดิชั่น และแอร์ธรรมชาติ ที่แล้วแต่ฐานะการเงินของผู้ปกครองจะเลือกให้ลูกตัวเองอยู่
มีโรงอาหารของโรงเรียน ที่เด็กจะต้องมาซื้ออาหารที่นี่โดยใช้ระบบคูปอง ตอนนี้คงเปลี่ยนเป็นบัตรสแกนหมดละ เด็กจะไม่ถือเงิน เพราะอาจจะไปซื้อของฟุ่มเฟือย แต่จริง ๆ แล้ว รอบ ๆ โรงเรียนไม่มีแหล่งช้่อปปิ้ง ไม่มีตลาด ให้ไปเดินช้อปอยู่ละ
1
🙋‍♂️ถาม : ยุคนี้มันยุคไหนแล้ว โรงเรียนกังฟูยังเป็นที่นิยมอยู่เหรอ
ตอบ : จากจำนวนเด็ก ๆ ที่เห็นคงเป็นคำตอบในตัวมันเอง สิริรวมทุก ๆ โรงเรียนเข้าด้วยกันในเมืองนี้ ผมว่ารวม ๆ กันคงนับแสนคนได้ เคยสัมภาษณ์เด็ก ๆ ผ่านเพื่อนร่วมงานของผม ว่าทำไมมาเรียนโรงเรียนกังฟู ไม่ไปโรงเรียนแบบธรรมดา เค้าบอกว่า เค้ามีไอดอลในดวงใจหลายคน เช่น บรูซ ลี, เจ็ต ลี ,เฉินหลง และดาราทางโทรทัศน์อีกมากมาย ที่ยังมีซีรีย์เกี่ยวกับกังฟูทางทีวีหลากหลายช่อง ทำให้เค้าใฝ่ฝันจะเป็นซุปเปอร์สตาร์ด้านกังฟูดังเช่นดาราเหล่านั้น ยิ่งโดยเฉพาะในพิธิเปิดและปิดกีฬาโอลิมปิก 2008 ที่ปักกิ่ง นักแสดงก็ถูกคัดเลือกมาจากโรงเรียนเหล่านี้ให้ไปร่วมการแสดง ซึ่งสำหรับชาวจีนเขาถือว่าได้รับเกียรติเป็นอย่างยิ่ง และแต่ละคนก็ตั้งใจฝึกซ้อมอย่างแน่วแน่
หรืออย่างน้อย ถ้ามีวิชาต่อสู้ป้องกันตัวไว้ เค้าอาจจะไปเป็นทหาร ตำรวจ แม้กระทั่งบอดี้การ์ดของเหล่ามหาเศรษฐีมีเงิน ที่จะจ้างคนเหล่านี้คอยคุ้มครองดูแลคนในครอบครัว อันนี้ผมก็เห็นมาหลาย มีรถลีมูซีนคันใหญ่ ๆ คนคุณนาย คุณหนู มีชายหนุ่มล่ำบึกคอยดูแลความปลอดภัย เหมือนในหนังเจ้าพ่อก็มิปาน
🏢ถาม : เป็นโรงเรียนประจำ งั้นโอกาสได้เจอครอบครัว ก็คงไม่บ่อยสิ
ตอบ : สำหรับเด็ก อาจจะครั้งสองครั้งต่อปี ถ้าภูมิลำเนาอยู่ไกล หรือถ้าไม่สะดวก ผู้ปกครองเองซะอีก ที่จะคอยเดินทางมาเยี่ยมลูกที่โรงเรียน ซึ่งบรรดาโรงเรียนเหล่านี้ ถ้าเจ้าของมีทุนใหญ่ทุนหนา นอกจากจะสร้างโรงเรียนใหญ่โตแล้ว ยังมีโรงแรม ที่ไม่ใช้โรงแรมจิ้งหรีด อยู่ในบริเวณถัด ๆ กันด้วย สภาพโรงแรมบอกได้เลยว่าเทียบเท่ากับสามสี่ดาว เลยทีเดียว ผมก็ไปพักโรงแรมในโรงเรียนทุกครั้ง ที่พาลูกทัวร์ไป ห้องพักหรูหรา สะอาด สะดวกสบาย อาจจะดีกว่าโรงแรมนักท่องเที่ยวโดยทั่วไปด้วยซ้ำ ก็จะได้รายได้หลักจากบรรดาผู้ปกครองที่มาเยี่ยมลูกหลาน และ จากนักท่องเที่ยวที่ไม่ค่อยมีต่างชาติมากมายนัก โดยมากนักท่องเที่ยวในประเทศเทศที่มาเยือนวัดเส้าหลินที่อยู่ไม่ไกลกันนักมากกว่า นอกจากนั้น บางโรงเรียนก็มีโรงงานผลิตชุดนักเรียน (ชุดวอร์ม) รองเท้า เครื่องใช้ต่างๆ ในตัวโรงเรียนเอง นับเป็นธุรกิจครบวงจรกันเลยทีเดียว
และบางโรงเรียนก็จะมีโรงแสดงเป็นของตัวเองด้วย เพื่อรับนับท่องเที่ยว ซึ่งก็จะเป็นรายได้อีกทางนึงของโรงเรียน
2
ห้องพักสะดวกสบาย
ตัวอย่างหน้าตาโรงแรมในโรงเรียน
👨‍💻ถาม : กิจวัตรของเด็กทำอะไร เรียนแต่กังฟู หรืออย่างอื่นด้วย
ตอบ : โดยหลักสูตรการสอน ก็ไม่ต่างจากโรงเรียนธรรมดาทั่วไป แต่เพิ่มเติมด้านการฝึกวิชากังฟูแบบเข้มข้นเข้าไปในระหว่างวัน โดยมากในช่วงเช้าตรู่ เด็ก ๆ ก็จะลงมาที่ลานฝึก เพื่อออกกำลังกาย ฝึกท่าวรยุทธต่าง ๆ และสร้างความคล่องแคล่ว รวดเร็วแต่แข็งแกร่งให้แก่ร่างกาย อาจจะชั่วโมงกว่า สองชั่วโมง จากนั้นก็ไปเรียนในห้องเรียนเหมือนเด็กทั่วไป อีกรอบนึงก็จะเป็นช่วงบ่าย พูดง่าย ๆ คือเอาโรงเรียนกับค่ายทหารมารวมกันครับ จะได้นึกภาพออก
🤟🏻ลองดูนะครับ เผื่อมีใครได้อ่านละสนใจ อาจจะมีลูกหลานดื้อรั้น เอาแต่ใจตัวเอง ไม่มีระเบียบ ส่งไปเรียนที่นี่ก็ได้ครับ บางทีผมเห็นชาวต่างชาติจำเพาะเจาะจงมาเรียนกังฟูโดยเฉพาะเลย สนนราคาก็แตกต่างกันไปตามหลักสูตร สั้น ยาว ยาก ง่าย
😎ก็เล่ามาซะยาวเลย สำหรับ EP 5 ของผม แล้วยังมีเรื่องราวจากการเดินทางอีกมากมายมาเล่าสู่กันฟังนะครับ อ่านแล้วฝากกด ติดตาม ด้วยนะครับ จะได้เพิ่มยอดผู้ติดตามผมให้ถึงพันคนซะที ขอบคุณครับ🙏
เครดิตภาพจาก www.xinhuanet.com
โฆษณา