31 พ.ค. 2021 เวลา 05:14 • ประวัติศาสตร์
มุมหนึ่งในพนมเปญ
เขียนเมื่อวันที่ 13 พ.ค.2556
ผมได้มีโอกาสมากรุงพนมเปญ ประเทศกัมพูชา เป็นครั้งแรก มาประชุมเรื่อง "Regional Mine Action Liability Workshop for South East Asia" ประชุม 3 วันเต็ม ระหว่างวันที่ 8-10 พ.ค.2556 เดินทางไปวันที่ 7 และกลับวันที่ 11 ด้วยสายการบินบางกอกแอร์เวย์ ประชุมตั้งแต่ 09:00-17:00 ทุกวัน ชีวิตช่วงกลางวันเลยไม่ได้ไปเที่ยวไหน อยู่แต่ในโรงแรมซันเวย์ โรงแรมระดับห้าดาว ตั้งอยู่ตรงข้ามสถานเอกอัครข้าราชฑูตสหรัฐอเมริกาประจำประเทศกัมพูชา ก็ดีครับ ...มีห้องพักและอาหารอย่างดีครบ 3 มื้อ ประหยัด ไม่ค่อยได้ใช้เงิน
ผีข้างสถานฑูตฯ
หน้าโรงแรมฯ มีเกาะกลางถนนขนาดใหญ่กั้นอยู่ระหว่างโรงแรมฯ และสถานฑูตฯ จัดสร้างเป็นสวนสาธารณะให้ผู้คนมาพักผ่อน พอยามเย็นใกล้โพล้เพล้ ผู้คนก็เริ่มมากัน ผมเห็นว่ามันน่าแปลก เพราะผู้คนที่มาส่วนใหญ่เป็นเด็กผู้หญิงวัยรุ่น แต่งตัวโชว์เนื้อหนังมังสา บางก็โป๋มาก ผิวดำ ผิวขาวสลับกันไป เสื้อผ้าที่ใส่ก็เป็นแบบคุณภาพถูก ซื้อหาได้ตามตลาดนัดทั่วไป นั่งอยู่ตามม้านั่ง เหมือนกำลังรอใครสักคน
สวนสาธารณะหน้าโรงแรม ฝั่งตรงข้ามคือสถานฑูตสหรัฐอเมริกา
ผมพยายามถามพนักงานโรงแรมว่า "ผู้หญิงเหล่านี้เขามาทำไม?" (จริงๆ แล้วผมก็พอเดาออก ว่าที่สวนสาธารณะแห่งนี้น่าจะเป็นย่านขายบริการทางเพศแน่เลย แต่ไม่กล้าคิดไปเอง) พวกเธอก็พยายามเลี่ยงไม่ตอบคำถามตรง ๆ เธอคงกลัวเสียภาพลักษณ์ผู้หญิงในเมืองหลวงของเธอแน่เลย ในที่สุดผมก็ได้คำตอบจากคนขับรถตุ๊กๆ หน้าโรงแรมที่คอยบริการนักท่องเที่ยวว่า ที่สวนสาธารณะแห่งนี้ คือ แหล่งที่ผู้หญิงวัยรุ่น ซึ่งส่วนใหญ่มาจากบ้านนอก ครอบครัวยากจน ขี้เกียจเรียนหนังสือ ใจแตก หวังมาขายบริการทางเพศในเมืองหลวง เพื่อหาเงินไปเที่ยว ไปดื่ม ไปซื้อยา ขายบริการครั้งละไม่แพง ผมถามต่อว่า "แล้วตำรวจรู้ไหม" เขาตอบว่า "รู้ครับ แต่ไม่เห็นทำอะไร" หลังที่ฟังจบ ผมนึกถึง "ผีใต้ต้นมะขาม" ที่สนามหลวง กรุงเทพฯ บ้านเราในอดีตทันที ผมจึงเรียกผู้หญิงเหล่านี้ว่า "ผีข้างสถานฑูต" เพื่อให้ฟังดูดีหน่อย
จริงๆ แล้ว ก็น่าสงสารเด็กผู้หญิงเหล่านี้น่ะครับ คงไม่มีใครอยากเป็นเช่นนี้ คงต้องโทษ "สังคมของกรุงพนมเปญ ที่นำพาชีวิตของพวกเธอให้เป็นอย่างนี้เอง"
ใช้เงินสองสกุล
ก่อนมามีคนแนะนำว่าให้แลกเงินไทยเป็นเงินดอลลาร์เลย เพราะที่พนมเปญเขานิยมใช้เงินดอลลาร์กัน ผมเลยแลกที่สนามบินสุวรรณภูมิบ้านเรา จริงอย่างเขาว่า ที่พนมเปญนี้รับเงินสองสกุลจริงๆ คือ เงินดอลลาร์ของสหรัฐอเมริกา และเงินเรียล (Riel) ซึ่งเป็นเงินของกัมพูชาเอง แต่ดูเหมือนว่า ร้านค้าส่วนใหญ่จะชอบรับเงินดอลลาร์มากกว่าเงินเรียลอาจเป็นเพราะค่าของเงินก็ได้ เรื่องนี้ผมไม่เข้าใจเหตุผลเท่าใดนัก คงต้องถามนักเศรษฐศาสตร์การเงิน แม้แต่ที่ร้านสะดวกซื้อ(คล้าย 7 eleven ของเรา) ยังมีหน้าจอคอมพิวเตอร์สำหรับคิดเงินเป็น 2 หน้าคือ ครึ่งจอด้านซ้ายเป็นเงินดอลลาร์ ครึ่งจอด้านขวาเป็นเงินเรียล
ค่าของเงินตอนนั้น เงินเรียลประมาณ 4,000 เรียล เท่ากับ 1 ดอลลาร์สหรัฐ (29 บาทไทย) เวลาจ่ายเงินจ่ายเป็นดอลลาร์ แต่พอทอนเงิน เขาจะทอนมาเป็นเรียล ระหว่างที่อยู่ผมมีเงินเรียลเป็นหมื่นเรียลเต็มกระเป๋าสตางค์เลยครับ ในบางครั้งก็ต้องจ่ายเงินดอลลาร์ผสมกับเงินเรียลด้วย หากราคาค่าของที่เป็นเศษไม่ถึงดอลลาร์ เล่นเอางง นับไม่ถูกเหมือนกัน
ผมถามว่า "ทำไม แบงค์เรียล ไม่มีรูปพระมหากษัตริย์พิมพ์อยู่ในแบงค์เหมือนแบงค์ของไทยและชาติอื่นๆ" เขาตอบว่าหากมีรูปพระมหากษัตริย์ต้องเป็นแบงค์ 5,000 เรียลขึ้นไป ผมพยายามรวมรวบเงินเรียลขอแลกแบงค์ 5,000 เรียลจากร้านค้าต่างๆ หลายร้านเลยทีเดียว กลับไม่มีให้แลก ก็รู้สึกฉงนใจอยู่เหมือนกัน ว่าเป็นเพราะอะไร?
ภาษามือ
โรงแรมที่ผมไปพักนี้ เป็นโรงแรมระดับห้าดาว การสื่อสารด้วยภาษาอังกฤษภายในโรงแรมจึงไม่เป็นปัญหา พนักงานสามารถพูดภาษาอังกฤษได้เข้าใจ แต่พอออกนอกโรงแรมแล้ว ลำบากครับ แทบสื่อสารไม่รู้เรื่อง เพราะคนพนมเปญยังพูดและฟังภาษาอังกฤษพื้นฐานสำหรับนักท่องเที่ยวไม่ออก พูดแต่ภาษาของเขา ไม่ว่าจะเป็นรถตุ๊ก ๆ รับจ้าง พ่อค้าแม่ค้า เล่นต้องใช้ภาษามือเป็นหลัก กว่าจะเข้าใจกันได้ถึงกับเหนื่อยเลยครับ นี่ถ้าเป็นภาษาลาวยังพอเข้าใจได้บ้าง แต่ภาษาเขมรนี้ ฟังไม่ออก เดาไม่ได้เลยจริงๆ
ตลาดกลาง (Central market)
หากมาพนมเปญ จะหาซื้อของฝากของที่ระลึก บอกรถตุ๊กๆ รับจ้างได้เลยครับ ให้พาไปที่ Central Market เป็นตลาดขนาดใหญ่ มีสินค้าครบเกือบทุกชนิด หากเทียบง่ายๆ กับบ้านเรา ก็คือ เอาตลาดต่างๆ มารวมกันคือ ปากคลองตลาด โบ้เบ้ พาหุรัด บ้านหม้อ พันธุ์ทิพย์ ประตูน้ำ ฯลฯ สินค้าอีกประเภทหนึ่งที่มีให้ซื้อหามาก คือ ไม้แกะสลัก เป็นรูปพระ เทวรูป เทวดา สัตว์ต่างๆ เครื่องทองเหลือง เครื่องเงิน ส่วนพวกเครื่องประดับก็จะเป็นทองคำ เงินและพลอย เดินชอบปิ้งที่นี่..เขาบอกให้ระมัดระวัง ยังมีพวกฉกชิงวิ่งลาวล้วงกระเป๋าแอบแฝงอยู่
ริเวอร์ไซต์ ย่านบันเทิง
เมืองพนมเปญนี้ มีแม่น้ำโขงเป็นแม่น้ำสายหลัก แม่น้ำโขงช่วงนี้เป็นตอนปลายก่อนออกสู่ทะเล เทียบได้กับแม่น้ำเจ้าพระยาอย่างกรุงเทพฯ บ้านเรา ที่ถนนสายหลักริมแม่น้ำโขงในยามค่ำคืนตลอดแนว เป็นแหล่งท่องเที่ยวยามราตรีของชาวต่างชาติ เหมือนแถวพัฒพงษ์และพัทยาบ้านเรา มีอบายมุขครบทุกชนิด ดูแล้วก็เหมือนเมืองหลวงทั่วไป ที่ต้องมีย่านบันเทิงไว้บริการนักท่องเที่ยวอย่างนี้เกือบทุกเมือง
พนมเปญ..วันนี้ ในความเห็นของผม หากเทียบความเจริญแล้วก็ประมาณ จ.เชียงใหม่ของประเทศไทยเรา อาจจะน้อยกว่าด้วยซ้ำ แต่การวางผังเมืองเขาดีมาก เป็นถนนสายหลัก สายรอง เป็นบล็อกสี่เหลี่ยมมีระเบียบเชื่อมโยงถึงกัน ความสะอาดไม่ค่อยดีเท่าไหร่ สะอาดเฉพาะถนน
สายหลัก ส่วนถนนสายรอง ตามตรอก ซอกซอย ยังแลดูสกปรก ทั้งขยะและสิ่งปฏิกูลต่างๆ ความปลอดภัยในชีวิตและทรัพย์สินของนักท่องเที่ยวยังอยู่ในระดับไม่น่าไว้วางใจ ชาวต่างชาติที่มาที่นี้ สังเกตว่าส่วนใหญ่มาลงทุนทำธุรกิจ ประชุม หรือสัมมนามากกว่ามาท่องเที่ยวโดยตรง โดยเฉพาะชาวญี่ปุ่นและเกาหลี มีมากกว่าชาติอื่น เพราะเห็นได้ถึงกิจการศูนย์การค้า อสังหาริมทรัพย์ และห้างขนาดใหญ่ที่กำลังก่อสร้างอยู่ เป็นของทั้งสองประเทศนี้เกือบทั้งนั้น รถยนต์ที่ใช้กันในพนมเปญนี้ ส่วนใหญ่ยี่ห้อโตโยต้า และฮุนไดเป็นหลักครับ
พนมเปญ กำลังหอมหวน นักลงทุนชาวต่างชาติกำลังรุมตอม แสวงหาผลประโยชน์ และทำการสูบเลือดชาวกัมพูชาในทุกรูปแบบ เพื่อให้ตัวเองเป็นเจ้าอาณานิคมทางเศรษฐกิจ หากกัมพูชา ไม่ตั้งสติเตรียมรับมือให้ดี วันหนึ่งอาจจะคล้ายประเทศไทยบ้านเราในขณะนี้ ที่ไม่มีอะไรเป็นของตัวเองเช่นกัน กิจการเกือบทุกอย่างอยู่ในมือชาวต่างชาติ นายทุน และนักการเมืองแทบทั้งสิ้น
#พนมเปญ #กัมพูชา

ดูเพิ่มเติมในซีรีส์

โฆษณา