Blockdit Logo
Blockdit Logo (Mobile)
สำรวจ
ลงทุน
คำถาม
เข้าสู่ระบบ
มีบัญชีอยู่แล้ว?
เข้าสู่ระบบ
หรือ
ลงทะเบียน
วิเคราะห์บอลจริงจัง
ยืนยันแล้ว
•
ติดตาม
31 พ.ค. 2021 เวลา 14:03 • กีฬา
เพื่อนรักหักเหลี่ยมโหด จอห์น เทอร์รี่ กับ เวย์น บริดจ์ กับคดีคลาสสิคในตำนาน เหตุการณ์เป็นอย่างไร วิเคราะห์บอลจริงจังย้อนอดีตให้อ่านกัน
2
27 กุมภาพันธ์ 2010 เชลซีเปิดสแตมฟอร์ดบริดจ์ ต้อนรับแมนฯซิตี้ โดยผลแพ้ชนะก็สำคัญ เพราะเชลซีที่เป็นจ่าฝูงโดนแมนฯยูไนเต็ดไล่บี้มาเหลือ 1 แต้มแล้ว ดังนั้นเกมนี้ยังไงก็ต้องชนะให้ได้
แต่ผลการแข่งขันในนัดนั้น ผ่านมาปัจจุบัน 11 ปีแล้ว น้อยคนที่จะจำได้ ว่าจบด้วยสกอร์เท่าไหร่ แต่ช็อตสำคัญที่ทุกคนไม่มีวันลืมได้แน่นอน คือการที่เวย์น บริดจ์ ไม่จับมือจอห์น เทอร์รี่ ก่อนเกมเริ่ม
จุดเริ่มต้นของเรื่องนี้ คือเหตุการณ์เพื่อนรัก หักเหลี่ยมโหด ที่จนถึงป่านนี้ คนก็ยังหยิบมาแซวเทอร์รี่อยู่เป็นระยะ
เรื่องราวทั้งหมดเป็นอย่างไร เราจะย้อนกลับไปดูเรื่องนี้อีกครั้ง แอดมินเรียบเรียงจากสื่อทั้งหมดในอังกฤษ จากเดลี่ เมล์ , บีบีซี ,การ์เดี้ยน , มิร์เรอร์ , เทเลกราฟ, แมนเชสเตอร์ อีฟนิ่งนิวส์, เดอะ ซัน และ อีกหลายแหล่ง รวมถึงบทสัมภาษณ์ของผู้เกี่ยวข้องครับ
เหตุการณ์ทั้งหมดเกิดขึ้นในช่วงต้นปี 2009 ยาวไปจนถึง ปี 2010 ตัวละครหลักในเรื่องนี้ ได้แก่ จอห์น เทอร์รี่ กัปตันทีมเชลซี เขาแต่งงานแล้วกับแฟนสาวที่คบกันตั้งแต่สมัยเรียน ชื่อ โทนี่ พูล
1
เทอร์รี่ กับ โทนี่ พูล คบกันมายาวนานตั้งแต่เทอร์รี่เป็นนักเตะเยาวชน ตอนที่เทอร์รี่ยังไม่ค่อยมีเงิน ได้รายได้สัปดาห์ละ 48 ปอนด์ ก็ได้โทนี่นี่แหละ ที่ทำงานเป็นช่างเสริมสวย คอยซัพพอร์ทเรื่องเงินให้ ทั้งสองคนมีความสุขกันดี ก่อนจะมีลูกแฝด ชื่อจอร์จี้ จอห์น กับ ซัมเมอร์ โรส
ตัวละครอีกคนคือเวย์น บริดจ์ แบ็กซ้ายทีมชาติอังกฤษ เขาโด่งดังจากเซาธ์แฮมป์ตัน ก่อนจะย้ายมาเชลซีในปี 2003 โดยบริดจ์ ไปพบรักกับนางแบบสาวชุดชั้นในชาวฝรั่งเศส ชื่อวาเนสซ่า เปอร์รองเซลในปี 2004 ทั้งสองคบกันมาเรื่อยๆ จนถึงปี 2005 มีลูกด้วยกัน 1 คน ชื่อเจย์ดอน
เทอร์รี่ กับ บริดจ์ เป็นเพื่อนสนิทกันมาก ทั้งคู่อยู่เชลซีด้วยกันระหว่างปี 2003-2009 นอกจากนั้นยังติดทีมชาติอังกฤษด้วยกันมาตลอด ถือเป็นบัดดี้ซี้กันเลย
บ้านเทอร์รี่ กับ บ้านบริดจ์ อาศัยอยู่ในละแวกใกล้กัน บริเวณย่านเซอร์เร่ย์ ใกล้กับกรุงลอนดอน ยิ่งด้วยความที่ 2 ครอบครัว ต่างมีลูกเล็กๆในวัยใกล้กัน ทำให้ทั้ง 4 คนสนิทกันไปโดยปริยาย มีการไปปิกนิกพร้อมกัน และเอาลูกๆไปเที่ยวด้วยในสวนสาธารณะอยู่เป็นประจำ
ในเดือนมกราคม ปี 2009 สถานะของเวย์น บริดจ์ ที่เชลซี ไม่มั่นคงเพราะต้องเป็นสำรองของแอชลีย์ โคล ครึ่งซีซั่นแรก เขาได้ลงแค่ 6 เกมเท่านั้น เพื่อโอกาสติดทีมชาติชุดใหญ่ ทำให้บริดจ์ขอย้ายทีม ไปอยู่กับแมนเชสเตอร์ ซิตี้ ด้วยราคา 12 ล้านปอนด์
นั่นคือการตัดสินใจที่ค่อนข้างเร็ว แต่เมื่อแมนฯซิตี้ทีมเศรษฐียื่นข้อเสนอเข้ามาแบบนั้น เขาก็ไม่อยากพลาด เพราะจะได้ย้ายไปทีมใหญ่พอๆกัน ค่าเหนื่อยเพิ่มขึ้น และที่สำคัญ ได้โอกาสเป็นตัวจริงไม่ต้องตกอยู่ใต้ร่มเงาของใคร
ปัญหาที่บริดจ์ มองข้ามไปคือครอบครัว วาเนสซ่า มีอาชีพนางแบบของเธอที่ลอนดอน ลูกก็เกิดที่ลอนดอน เธอไม่พร้อมย้ายไปแมนเชสเตอร์ คือบริดจ์ เซ็นสัญญาตั้ง 4 ปีครึ่ง นั่นแปลว่า เธอกับลูกต้องย้ายเมืองไป 4 ปีครึ่งเลยหรอ?
วาเนสซ่า เคยพยายามแล้ว ด้วยการย้ายไปอยู่แมนเชสเตอร์ แต่ก็ทำได้ไม่กี่เดือน เพราะมันไม่ใช่วิถีชีวิตของเธอเลย
1
หลังจบฤดูกาล 2008-09 วาเนสซ่าขอร้องให้บริดจ์กลับมาที่ลอนดอน เพื่อให้ชีวิตทุกอย่างกลับมาเป็นเหมือนเดิม ย้ายมาอยู่ทีมอะไรก็ได้ใกล้ๆบ้าน แต่บริดจ์ทำไม่ได้ เพราะอาชีพของเขาอยู่ที่นี่ สุดท้ายทั้งสองคนจึงทะเลาะกันอย่างรุนแรง วาเนสซ่าหอบลูกชายกลับไปอยู่บ้านเดิมที่เซอร์เรย์ ส่วนบริดจ์ก็อยู่คนเดียวที่แมนเชสเตอร์ต่อไป
ต่างคนต่างความคิด ทำให้ทั้งสองคนตัดสินใจแยกทางกัน ถามว่าเลิกไหม ก็ไม่ได้เลิก แต่ก็ไม่ได้อยู่ด้วยกัน วาเนสซ่าไปอยู่แมนเชสเตอร์ไม่ได้ เช่นเดียวกับบริดจ์ที่ไปอยู่ลอนดอนไม่ได้ ทั้งคู่อยู่ในช่วงตัวไกล ใจก็เริ่มห่าง
"วาเนสซ่าทุ่มเทชีวิตของเธอให้ความสัมพันธ์ครั้งนี้ และเธอก็เสียใจมากที่ต้องแยกกันอยู่กับเวย์น บริดจ์แบบนั้น" อันโตเนีย เกรแฮม เพื่อนสนิทของวาเนสซ่าเล่า เพราะวาเนสซ่าไม่เข้าใจว่าทำไมบริดจ์ถึงทำให้กันไม่ได้
และจังหวะนี้เองเป็น จอห์น เทอร์รี่ เพื่อนสนิทของบริดจ์ เข้ามาแสดงความห่วงใยด้วยใจจริง โดยอันโตเนีย เกรแฮมเล่าต่อว่า "จอห์น รับบทบาทเพื่อนผู้ห่วงใย เขาโทรหาวาเนสซ่า แล้วพยายามทำตัวเป็นคนกลางคอยไกล่เกลี่ย จอห์นบอกว่า อยากให้บริดจ์ กับ วาเนสซ่ากลับมาคืนดีกันอีกครั้ง วาเนสซ่า เศร้ามาก เธอยังรักเวย์นอยู่ และไม่เคยคิดมาก่อนว่า จะต้องแยกทางกันแบบนี้"
1
ในตอนนั้น วาเนสซ่า ต้องอยู่กับลูกชายวัยสามขวบที่เซอร์เร่ย์ นั่นทำให้ วาเนสซ่ารู้สึกเหงา และเศร้าเป็นอย่างมาก โดยเทอร์รี่ รู้สถานการณ์ของวาเนสซ่าดี และรู้สึกเป็นห่วง ด้วยความที่บ้านใกล้กัน เขาโผล่มาหาที่บ้านสัปดาห์ละสองครั้ง
3
นาดีล โมเสส เพื่อนสนิทของวาเนสซ่าอีกคนเผยว่า "เขาแวะมาหาสัปดาห์ละ 2 ครั้ง และยื่นข้อเสนอขอเป็นไหล่ให้เธอพักพิง นอกจากนั้น ยังซื้อดีวีดีการ์ตูนมาให้ลูกชายของเธออีกด้วย จากนั้น ทั้งคู่เริ่มลึกซึ้งขึ้นเรื่อยๆ อาจจะด้วยความเหงา ทำให้ทุกอย่างมันเลยเถิดไป เทอร์รี่ กับวาเนสซ่า จะคุยและดื่มชา ปรึกษากันเป็นชั่วโมงในห้องครัว ก่อนที่เวลาต่อมาจะขยับขึ้นไปที่ห้องนอน"
3
เดลี่ มิร์เรอร์ รายงานว่า วาเนสซ่า กับ เทอร์รี่ มีความสัมพันธ์กันตั้งแต่เดือนกรกฎาคม 2009 จนถึงเดือนตุลาคม 2009 รวมแล้วเป็นช่วงประมาณสี่เดือน ที่ทั้งคู่มีบางอย่างต่อกันจริง แต่เรื่องทั้งหมดก็จบลงก่อนถึงคริสต์มาส
1
แต่ปัญหาคือ แม้จะจบไปแล้ว แต่หน้าต่างมีหู ประตูมีช่อง เวย์น บริดจ์ รู้เรื่องที่เกิดขึ้น และแน่นอนมันไม่จบง่ายๆแน่
1
แม้จะแยกกันอยู่ แต่บริดจ์กับ วาเนสซ่า ถือเป็นคู่ที่รักกันมานาน ทั้งคู่คบกันมา 5 ปี แถมยังมีลูกด้วยกันอีก บริดจ์จึงไม่เข้าใจว่า ทำไมวาเนสซ่าถึงทำแบบนั้นกับเขาได้ แล้วยิ่งทำกับจอห์น เทอร์รี่เนี่ยนะ?
จริงๆมันเหมือนกับคู่รักหลายๆคู่ ที่ทะเลาะกัน แล้วแยกกัน เพื่อให้เวลาทบทวนหัวใจดีๆ แต่ระหว่างที่บริดจ์กำลังทบทวน วาเนสซ่า กับเพื่อนสนิทของเขา กลับล้ำเส้นไปลึกซึ้งกัน สื่ออังกฤษรายงานว่า บริดจ์ เดือดดาลจัด แล้วไปเผชิญหน้ากับเทอร์รี่ เพื่อเคลียร์ปัญหานี้ตัวต่อตัว แต่สุดท้ายไม่ได้ข้อสรุป ความขัดแย้งยังรุนแรงต่อไป
4
22 มกราคม 2010 หนังสือพิมพ์นิวส์ ออฟ เดอะ เวิลด์ รู้ข่าวจนได้ และเตรียมจะตีพิมพ์เรื่องเทอร์รี่แอบแทงหลังเพื่อน แต่เทอร์รี่รู้ตัวว่ากำลังจะโดนเล่นข่าว จึงไปยื่นเรื่องกับศาลสูงที่อังกฤษ เพื่อระงับการตีพิมพ์ โดยระบุว่าเรื่องนี้ละเมิดสิทธิส่วนบุคคล และก้าวก่ายชีวิตครอบครัว อย่างไรก็ตาม 1 สัปดาห์ต่อจากนั้น ศาลระบุว่า สื่อมวลชนสามารถตีพิมพ์เรื่องได้ถ้ามีข้อมูลจากแหล่งข่าว นั่นทำให้เรื่องราวทั้งหมด ระเบิดออกมาในวันที่ 29 มกราคม
เดอะ ซันพาดหัวอย่างแรงว่า "จอห์น เทอร์รี่ นอกใจเมีย" ด้านในเล่าเรื่องอินไซด์สตอรี่ พร้อมทั้งลงภาพวาเนสซ่าในชุดชั้นในแบบเต็มๆหน้าคู่ ขณะที่เดลี่ มิเรอร์ก็แรงไม่แพ้กัน เขียนว่า "บริดจ์ โดนทรยศโดยกัปตันและเพื่อนสนิท"
นี่คือทอล์ก ออฟ เดอะ ทาวน์ อันดับหนึ่งของประเทศ คนคุยกันแต่เรื่องนี้ เพราะเหตุการณ์เพื่อนรักหักเหลี่ยมโหด ไม่น่าจะเกิดขึ้นได้ ยิ่งกับนักฟุตบอลอาชีพด้วยแล้ว และนำมาซึ่งดราม่าหลายเรื่องติดๆกัน
1
ดราม่าที่ 1 คือ เทอร์รี่โดนวิจารณ์อย่างหนัก เรื่องของจรรยาบรรณ สื่อรุมโจมตีเขาว่าเหมาะสมแค่ไหน ในการเป็นกัปตันทีมชาติอังกฤษอันทรงเกียรติ และนั่นทำให้ ฟาบิโอ คาเปลโล่ กุนซือสิงโตคำราม ไม่มีทางเลือก ต้องปลดเทอร์รี่ออกจากตำแหน่งกัปตัน และให้ริโอ เฟอร์ดินานด์ เป็นกัปตันทีมคนใหม่แทน
1
ดราม่าที่ 2 คือ วันที่ 25 ก.พ. 2010 เวย์น บริดจ์ ขอถอนตัวจากทีมชาติ ในเกมอุ่นเครื่องกับอียิปต์ และยืนยันว่า จะไม่ไปเล่นฟุตบอลโลกรอบสุดท้ายด้วย เพราะไม่อยากให้แคมป์ทีมชาติมีความแตกแยก
1
สำหรับนักเตะทุกคนในโลก มีใครไม่อยากไปเล่นเวิลด์คัพรอบสุดท้าย แต่การที่บริดจ์ขอถอนตัวแบบนี้ ใครๆก็เดาได้ว่า เขาคงจะทนมองหน้าเทอร์รี่ไม่ได้ และคงไม่ต้องการเป็นต้นเหตุให้บรรยากาศในแคมป์ทีมชาติมันตึงเครียด ลองคิดดูว่า ถ้าเทอร์รี่ ยิงประตูชัยให้อังกฤษในฟุตบอลโลก เขาควรทำตัวยังไง เดินเข้าไปกอดกันอย่างนั้นหรอ?
ดราม่าที่ 3 คือ วันที่ 27 ก.พ. 2010 โดยโปรแกรมพรีเมียร์ลีกช่างเป็นใจ เมื่อแมนฯซิตี้ ต้องออกไปเยือน เชลซี ที่สแตมฟอร์ดบริดจ์ ทั้งคู่จะได้ปะทะกันในสนาม ก่อนเกม จอห์น โอบี มิเกล มิดฟิลด์เชลซี ที่เป็นเพื่อนของทั้งสองคน ให้สัมภาษณ์ว่า "เทอร์รี่ กับ บริดจี้ เป็นผู้ใหญ่กันแล้ว และพวกเขาจะหาทางจัดการปัญหาเอง พวกเขาเป็นเพื่อนสนิทกันมายาวนานมาก มันน่าเศร้าที่เรื่องแบบนี้เกิดขึ้น แต่พวกเขาก็ต้องทำหน้าที่ของตัวเองต่อไป อะไรจะเกิด มันก็ต้องเกิด"
อย่างไรก็ตาม เรื่องมันไม่ได้ง่ายแบบที่มิเกลคิด
คาร์ลอส เตเวซ กองหน้าของแมนฯซิตี้ แค้นแทนเพื่อน เขาให้สัมภาษณ์ก่อนเกมว่า "ถ้าคุณไปทำแบบนั้นในอาร์เจนติน่า คุณตายไปแล้ว มันพูดยากนะ กับสิ่งที่เทอร์รี่ทำกับบริดจ์ คือผมคิดว่าคุณจะทำแบบนั้นกับผู้หญิงของนักเตะคนอื่นไม่ได้ มันผิดมหันต์ ในมุมของผม เทอร์รี่ ไม่มีศีลธรรมในใจ กับสิ่งที่เขาทำกับบริดจ์ ถ้าเป็นที่บ้านเกิดผม แล้วทำแบบนี้ อย่างน้อยๆ คุณต้องเสียขาไปข้างนึง หรืออาจจะมากกว่า คุณอาจโดนฆ่าทิ้งไปเลย"
1
และไม่ใช่แค่เตเวซ แต่ฝั่งแมนฯ ซิตี้ ก็เดือดดาลแทนหมด เครก เบลลามี่ ให้สัมภาษณ์ว่า "ผมรู้ว่าคนอย่างเจทีเป็นยังไง ว่ากันตรงๆนะ ไม่มีอะไรเซอร์ไพรส์ผมเกี่ยวกับเขาหรอก"
1
การแข่งขันที่สแตมฟอร์ด บริดจ์ ใกล้จะเริ่มต้นขึ้น แฟนบอลเชลซี ใส่เสื้อ Team Terry สนับสนุนกัปตันของตัวเอง ส่วนนักเตะแมนฯ ซิตี้ ใส่เสื้อ Team Bridge เพื่อให้กำลังใจเวย์น บริดจ์ บรรยากาศแตกแยกก่อนเกมจะเริ่มด้วยซ้ำ
1
และไฮไลท์สำคัญก็มาถึงในช่วงก่อนเริ่มเกม ตามธรรมเนียมของฟุตบอล ต้องจับมือกันก่อนเกมจะเริ่ม ทุกคนอยากรู้ว่า สองคนนี้จะจับมือกันหรือไม่ จริงๆพวกเขาอาจจะไม่มีอะไรแล้ว สื่อประโคมไปเองก็เป็นได้
สายตาแฟนบอลทั้งโลก จับจ้องกันมาที่จุดเดียว เอาจริงๆ มีคนรอดูจังหวะนี้มากกว่าเกมการแข่งขันด้วยซ้ำ โดยฝั่งเชลซีจะยืนอยู่กับทีม แล้วฝั่งแมนฯซิตี้ จะเดินมาผ่านมาจับมือทีละคน
3
ปาโบล ซาลาเลต้า, แกเร็ธ แบร์รี่, เครก เบลลามี่ แต่ละคนจับมือกับเทอร์รี่ตามปกติ และแล้วก็มาถึงเวย์น บริดจ์ คนรองสุดท้าย
เขาเดินจับมือกรรมการทุกคน จากนั้นก็เหลือบสายตามองเทอร์รี่แว้บนึง ก่อนจะเดินผ่านไปเลย แล้วไปจับมือกับปีเตอร์ เช็กแทน แค่นี้คนทั้งโลกก็พอรู้แล้วว่า เทอร์รี่กับวาเนสซ่าต้องมี something กันนั่นแหละ ไม่งั้นบริดจ์คงไม่กล้าเปิดเผยความแค้นขนาดนี้ในสนามฟุตบอล
บริดจ์โดนแฟนบอลเชลซีโห่ใส่ตลอดเกม ที่ไม่มีสปิริตไม่ยอมจับมือ แต่ในมุมนั้น ถ้าคิดถึงความรู้สึกของบริดจ์ เขาอาจมองว่า เมื่อใจยังแค้น ไม่ต้องเสแสร้งจับมือกัน อาจจะดีกว่า
1
นี่คือหนึ่งในช็อตที่คลาสสิคที่สุด ที่เกี่ยวข้องกับการจับมือก่อนเกม มันสื่อความหมายถึงอะไรหลายอย่างได้ชัดเจนมาก
1
ในเกมนั้นเต็มไปด้วยความเดือด และรุนแรงกว่าที่ควรจะเป็น เทอร์รี่เองเห็นชัดเจนว่าเสียสมาธิสุดๆ เล่นพลาดหลายหน และเป็นที่มาของการเสียประตู สุดท้ายแมนฯซิตี้ บุกมาชนะเชลซี 4-2 และเป็นชัยชนะครั้งแรกของแมนฯซิตี้ ที่สแตมฟอร์ด บริดจ์ ในรอบ 17 ปีด้วย
1
คาร์ลอส เตเวซ เล่นดีมากๆในเกมนี้ เขามีจังหวะปะทะเดือดกับเทอร์รี่หลายหน หลายคนบอกว่า นักเตะแมนฯซิตี้ มีแพสชั่นกับเกมนี้มากเป็นพิเศษเพราะเรื่องเวย์น บริดจ์นี่แหละ
อีก 8 เดือนต่อมา วาเนสซ่า ออกมาปฏิเสธข่าวลือทั้งหมด โดยให้สัมภาษณ์กับเดอะ การ์เดี้ยน ว่าเธอกับเทอร์รี่ อาจจะมีช่วงเวลาสนิทกันมากๆ แต่ก็ไม่เคยมีความสัมพันธ์ทางกายต่อกัน เป็นสิ่งที่คนมโนไปเอง
แต่คำอธิบายของวาเนสซ่า ก็ยากที่จะทำให้คนเชื่อ เพราะเธอรออะไรตั้ง 7-8 เดือน กว่าจะมาอธิบายตัวเอง ชาวบ้านก็คิดกันได้สิ ว่าหาข้อแก้ต่างให้ตัวเองหรือเปล่า ยิ่งถ้าดูจากปฏิกริยาจากคนรอบข้างนั้นจะเห็นเลยว่า รุนแรงมากๆ เวย์น บริดจ์ไม่ยอมจับมือ ส่วนโทนี่ ภรรยาของเทอร์รี่ บินไปอยู่ดูไบพักใหญ่ๆ เพื่อหนีปัญหาทั้งหมด เช่นเดียวกับฟาบิโอ คาเปลโล่ ก็คงไม่ปลดจากตำแหน่งกัปตันถ้ามันเป็นแค่ข่าวลือไร้สาระเฉยๆ แม้แต่ตอนที่แอนทอน เฟอร์ดินานด์ทะเลาะกับเทอร์รี่ ก็ยังหยิบเอาประเด็นนี้มาแขวะเลย รวมๆแล้ว มันมีแนวโน้มสูงมากๆ ที่จะเป็นเรื่องจริง
2
สำหรับเหตุการณ์จากนั้นมา เทอร์รี่และบริดจ์ ที่เคยเป็นเพื่อนกัน ก็ไม่ได้เป็นเพื่อนกันอีกต่อไป ทั้งคู่เคยเจอในสนามกันอีกก็จริง แต่ก็แน่นอนว่าไม่จับมือกันเช่นเคย
ทุกคนที่เกี่ยวข้องกับเรื่องนี้กลายเป็นมีชนักติดหลังมาตลอด เทอร์รี่โดนด่าทอจากสังคมว่าเล่นชู้กับเมียเพื่อน นอกจากนั้นยังโดนผู้หญิงคนอื่นมาแฉอีก ว่าเทอร์รี่แอบนอกใจเมียมาแล้วครั้งหนึ่งตอนที่ภรรยากำลังท้องอยู่
2
ทุกสื่อเล่นงานเทอร์รี่ยับ แม้แต่ Opta Joe สำนักบันทึกสถิติชื่อดังยังลงสถิติขำๆว่า "จอห์น เทอร์รี่ ยิงประตูนอกบ้านได้มากกว่าในบ้าน ขี้เล่นน่ะเราอ่ะ" ตามเว็บบอร์ดต่างๆ เต็มไปด้วย Dirty Jokes เต็มไปหมด ตัวอย่างเช่น "คุณรู้ไหมว่าเมียเก่าเวย์น บริดจ์ กับ เสาประตูในแชมเปี้ยนส์ลีกนัดชิงปี 2008 เหมือนกันตรงไหน? เฉลย ทั้งคู่โดนเทอร์รี่อัดใส่เต็มดอกไงล่ะ!"
6
ส่วนเวย์น บริดจ์ หลังจากเหตุการณ์ไม่จับมือเทอร์รี่ เขาก็ไม่กลับไปหาวาเนสซ่าอีกแล้ว พอรู้เรื่องนี้ทั้งคู่เลิกกันอย่างเป็นทางการ และเป็นแค่พ่อแม่ของลูกเท่านั้น เวย์น บริดจ์พบรักใหม่กับแฟรงกี้ แซนฟอร์ด นักร้องสาวจากวงเดอะ แซทเทอร์เดย์ ก่อนแต่งงานกัน ปัจจุบันทั้งคู่มีลูกด้วยกันสองคน คือปาร์กเกอร์ กับ คาร์เตอร์ แต่เวย์น บริดจ์เล่าในภายหลังว่า เวลาผ่านไป 10 กว่าปี เขายังโดนคนแซวเรื่องเทอร์รี่อยู่เลย
2
อีกคนที่เจ็บปวดกับเรื่องนี้ คือโทนี่ ภรรยาของเทอร์รี่ เธอโทรศัพท์หาเพื่อนสนิท แอ็บบี้ แคลนซี่ ภรรยาของปีเตอร์ เคราช์ แล้วบอกว่า "ฉันไม่ไหวแล้ว"
2
เพื่อนสนิทของโทนี่ให้ข่าวกับเดอะ พีเพิลว่า "โทนี่ไม่ว่าอะไรที่จอห์นเคยนอกใจเมื่อก่อน แต่ครั้งนี้มันต่างกัน เธอไม่เชื่อกับสถานการณ์ที่เกิดขึ้น เธอคิดว่าการนอกใจจะไม่เกิดขึ้นอีกแล้ว เธอคือภรรยาที่ซื่อสัตย์และคุณแม่ที่แสนดี แต่ตอนนี้เธอกลับกลายเป็นตัวตลก" อย่างไรก็ตามสุดท้าย โทนี่ ประกาศแถลงการณ์ว่าเธอจะอยู่เคียงข้างสามีจนหยดสุดท้าย สุดท้ายทั้งสองคนก็ไม่หย่าขาดกัน แต่สื่ออังกฤษก็เชื่อว่า นี่คงเป็นโอกาสสุดท้ายของเทอร์รี่แล้วจริงๆ
2
ขณะที่วาเนสซ่าเองก็โดนสังคมเล่นงานหนักทีเดียว โดยแฟนเก่าของวาเนสซ่าก่อนที่จะคบกับบริดจ์ คือ ลี แลตช์ฟอร์ด ศิลปินจากวง Steps ซึ่งออกมาแฉยับว่า "วาเนสซ่าเป็นผู้หญิงที่ชอบเงิน นั่นคือเป้าหมายหลักของชีวิตเธอ เธอมุ่งหน้าหาปลาตัวใหญ่กว่าเสมอ ตอนผมกับเธอ ทำให้เธอเอ็นจอยความรู้สึกที่ได้คบกับเซเลบริตี้ แต่เธอต้องการมากกว่านั้น และนักฟุตบอลเป็นอาชีพที่หาเงินได้เป็นแสนๆต่อวีก เธอรู้ดีว่าจะไต่ลำดับหาคนที่รวยกว่าเรื่อยๆได้อย่างไร"
2
วาเนสซ่าเองหลังจากเลิกกับบริดจ์ ก็มีข่าวกับเซเล็บอยู่เรื่อยๆ เช่น อเล็กซ์ รี้ด แฟนเก่าของเคที่ ไพรซ์ ดาราอังกฤษอีกคน แต่เธอพยายามทำตัวโลว์โพรไฟล์มากที่สุด ไม่ให้สื่อจับจ้องได้ง่ายๆอีกแล้ว
ช่วงที่ประเด็นนี้พีกๆ ราวปีแรก มีข่าวจริง ข่าวปลอมผสมกันเยอะแยะไปหมด มีข่าวเช่น เทอร์รี่จ่ายเงินปิดปากวาเนสซ่า 8 แสนปอนด์ ให้เก็บเรื่องนี้เป็นความลับอะไรทำนองนี้ แต่ข่าวอันไหนที่มั่ว วาเนสซ่าก็ไล่ฟ้องรัว จนบางสำนักข่าวเช่น นิวส์ ออฟ เดอะ เวิลด์ และ เดลี่ เมล์ก็ต้องเขียนแถลงคำขอโทษก็มี
สุดท้ายเรื่องก็ค่อยๆซาไปในที่สุด เมื่อเวลาผ่านไป แต่ทุกคนที่เกี่ยวข้อง กว่าดราม่าจะผ่านไปได้ก็ถือว่าเจ็บตัวกันหนักเลยทีเดียว
1
สำหรับคำถามว่า เหตุการณ์เกิดจริงหรือไม่ สื่ออังกฤษมั่นใจว่าความสัมพันธ์ของเทอร์รี่ กับวาเนสซ่า เกิดขึ้นจริงอยู่แล้ว แต่ประเด็นคือ สังคมก็ตั้งคำถามเหมือนกันว่า เอาจริงๆเรื่องส่วนตัวของเรา สื่อมีสิทธิ์จะเล่นได้ขนาดนั้นไหม สมมุตินักฟุตบอลชาวไทยสักคน แอบมีชู้กับแฟนเพื่อนร่วมทีม แบบนี้เรามีสิทธิ์นำเสนอได้หรือ และมันไม่เป็นการละเมิดสิทธิส่วนบุคคลกันหรอกหรืออย่างไร แต่สุดท้ายก็ไม่ได้คำตอบ เพราะสื่ออังกฤษเหมือนฉลามได้กลิ่นคาวเลือด ถ้าได้ข้อมูลประเด็นไหนมา ไม่มีการสนใจหรอกว่าคนในข่าวจะเดือดร้อนหรือไม่ พวกเขาใส่ยับแน่นอน
สำหรับดราม่าเรื่องนี้ มีข้อเตือนใจคือ ถ้าอะไรที่มันไม่จริงกับตัวคุณ ออกมาอธิบายตัวเองให้เร็วที่สุด การที่เราอยู่นิ่งๆ ไม่ต่างอะไรกับการยอมรับกลายๆ อย่าปล่อยให้เวลามันผ่านไปเนิ่นนานเกิน เพราะสังคมยุคนี้มันโหดร้ายมาก เมื่อมีข่าวที่ทุกสำนักเสนอพร้อมกัน คนจะเชื่อทุกอย่างทันที และถ้าเราไม่ต่อสู้เพื่อความจริงอย่างรวดเร็ว มีโอกาสมากที่จะกลายเป็นจำเลยสังคมตลอดกาล
การพูดให้เคลียร์แต่แรก เป็นการป้องกันความคลุมเครือ ความคิดไปเอง และถ้าปล่อยให้เวลาผ่านไป กว่าจะมาอธิบายตัวเองตอนนั้น ก็อาจสายเกินไปแล้ว
และอีกข้อคือ ความรักอาจสวยงามก็จริง แต่ก็อย่างที่คนเขาก็เตือนกันบ่อยๆนั่นแหละ ว่า "เพื่อนของแฟน" กับ "แฟนของเพื่อน" อย่าไปยุ่ง และอย่าไปเสี่ยงเลยจะดีกว่า
โอเค มันก็มีบางคนแฮปปี้เอ็นดิ้งน่ะแหละ แต่ในชีวิตจริง ยากนะ ที่จะจบแบบสวยๆ บางคนพังพินาศ เสียทั้งเพื่อน เสียทั้งแฟน เสียทั้งความเชื่อใจจากคนรอบข้าง มันเป็นการเดิมพันที่สูงจริงๆ
ความรัก ความเสน่หา ไม่เข้าใครออกใครก็จริง แต่มันก็เหมือนเล่นกับไฟนั่นแหละ ถ้าพลาดพลั้งไปนิดเดียว ไฟก็เผาเราจนตายได้เหมือนกัน
#Terry #Bridge
14 บันทึก
54
9
14
54
9
โฆษณา
ดาวน์โหลดแอปพลิเคชัน
© 2025 Blockdit
เกี่ยวกับ
ช่วยเหลือ
คำถามที่พบบ่อย
นโยบายการโฆษณาและบูสต์โพสต์
นโยบายความเป็นส่วนตัว
แนวทางการใช้แบรนด์ Blockdit
Blockdit เพื่อธุรกิจ
ไทย