ส่อง Unicorn ตัวล่าสุด และ 4 ตัวเต็ง Unicorn ถัดไปของไทย
Pic : Freepik
Unicorn หรือ ธุรกิจ Startup ที่มีมูลค่าบริษัทมากกว่า 1 พันล้านเหรียญดอลลาร์สหรัฐ ถือเป็นความฝันของ Startup ทุกราย เพราะคือนิยามความสำเร็จแรกของผู้ทำธุรกิจ Startup และในประเทศไทยเอง ที่อุตสาหกรรมและระบบนิเวศธุรกิจ Startup เติบโตขึ้นมากในช่วงหลายปีที่ผ่านมา เรามีว่าที่ Unicorn มากมาย แต่ก็ยังไม่มีใครที่สามารถไปถึงฝันได้สำเร็จ
ในที่สุดในช่วงสัปดาห์ที่ผ่านมา Flash Express, Startup ด้าน Logistic ที่เพิ่งประกาศเป็น Unicorn รายแรกอย่างเป็นทางการ ด้วย Valuation จากการระดมทุน Serie E รอบล่าสุด แตก 1 พันล้านเหรียญดอลลาร์สหรัฐ ด้วยอัตราการเติบโตของธุรกิจ E-Commerce อย่างก้าวกระโดด ถือว่าเป็นข่าวที่น่ายินดีมากๆ ในวงการ Startup วันนี้ Trendmizi เลยถือโอกาสมารีวิวให้ทุกท่านฟังว่านอกเหนือจาก Flash Express ยังมี Startup ไทย รายไหนกันบ้างที่เป็นตัวเต็ง Unicorn รายต่อไป เพราะ Unicorn รายแรกเป็นเพียงแค่จุดเริ่มต้น แต่ฝันต่อไปคือเราจะมี Unicorn ตัวที่ 2 3 4 และ Startup ไทยจะไปไกลในระดับโลก ลองไปชมกันเลยครับ
╔═══════════╗
ท่านที่สนใจรับการอัปเดตเทรนด์อย่างต่อเนื่องตลอดทั้งปี ขอเชิญชวนเข้าร่วม Facebook Group: Trends Community เพื่อร่วมแบ่งปันเทรนด์ใหม่ๆ ในแต่ละอุตสาหกรรม ร่วมออกไอเดีย และแสดงความคิดเห็นร่วมกันว่าเทรนด์ใดที่เหมาะกับลูกค้าคนไทย และเทรนด์ใดจะเป็นโอกาสสำหรับประเทศไทยในอนาคต?
╚═══════════╝
Trendmizi คลังเทรนด์ออนไลน์เพื่อการพัฒนาแบรนด์และธุรกิจ โดยศูนย์วิจัยเทรนด์และคอนเซ็ปต์แห่งอนาคต Baramizi Lab
#Trendmizi
#คลังเทรนด์ออนไลน์
#trend
Flash Express
ผู้ก่อตั้ง : คมสันต์ ลี
ปีที่ก่อตั้ง : 2560
ผู้ระดมทุน : ในการระดมทุน Series D ก่อนหน้านี้ บริษัท ปตท. น้ำมันและการค้าปลีก จำกัด (มหาชน) หรือ PTTORม Durbell บริษัทจัดจำหน่ายในกลุ่มกระทิงแดง และ Krungsri Finnovate ระดมทุนกว่า 200 ล้านเหรียญสหรัฐ ซึ่งก่อนหน้านั้นหนึ่งให้ผู้ให้ทุน Flash Express คือ Alibaba
Flash Express คือ Startup ด้าน Logistic และเป็นผู้ให้บริการด้าน E-commerce แบบครบวงจร ปัจจุบันบริษัทฯ มีพนักงานกว่า 10,000 คน พร้อมบริการที่ครอบคลุมครบ 77 จังหวัดทั่วประเทศ และมีจุดรับส่งพัสดุมากกว่า 2,500 แห่ง พร้อมเปิดให้บริการ 365 วัน ไม่มีวันหยุด พร้อมเสนอบริการแบบ Door to door Service รับสินค้าจากหน้าบ้าน ปัจจุบันตัวเลขการส่งพัสดุของบริษัทฯ มีมากกว่า 1 ล้าน ชิ้นต่อวัน Flash Express ไม่ได้มีเพียงให้บริการด้านขนส่งด่วน (Flash Express) แต่ยังมีบริการอื่นๆ ที่ครอบคลุมสู่การเป็นผู้ให้บริการด้าน E-Commerce แบบครบวงจร เช่น บริการด้านโลจิสติกส์ (Flash Logistics) ที่ให้บริการรับส่งสินค้าขนาดใหญ่, บริการการด้านคลังสินค้า (Flash Fulfillment) ดูแลจัดเก็บสินค้า บริการตัวแทนรับส่งพัสดุ (Flash Home) และ บริการด้านการเงิน (Flash Money)และนอกจากบริการด้านขนส่งแบบมืออาชีพยังมีโปรแกรมการคุ้มครองสินค้า เพื่อสร้างความมั่นใจให้แก่ลูกค้าทั้งหมดนี้ทำให้ Flash ก้าวขึ้นมาเป็นธุรกิจขนส่งพัสดุอันดับ 3 ของประเทศ ท่ามกลางการเติบโตของอุตสาหกรรม E-Commerce ที่กำลังเติบโตเป็นอย่างสูง และยังมีโอกาสในการเติบโตอีกมากในอนาคต
.
ปี 2563 รายได้เฉลี่ยต่อเดือน มากกว่า 6,000 ล้านบาท ยอดส่งรวมทั้งปีมากกว่า 300 ล้านชิ้น หรือเติบโตขึ้นกว่า 500% เมื่อเทียบกับปีก่อนหน้า
.
Bitkub
ผู้ก่อตั้ง : จิรายุส ทรัพย์ศรีโสภา
ปีที่ก่อตั้ง : 2561
ผู้ระดมทุน : กองทุน SBI บริษัทลูกของ Softbank, สยามราชธานี, dtac Accelerate, SeaX Ventures
Bitkub เป็น Exchange Platform รุ่นใหม่สำหรับการซื้อขายสินทรัพย์ดิจิทัล โดยให้บริการกับบุคคลทั่วไป ให้สามารถซื้อ ขาย และเก็บสินทรัพย์ดิจิทัล ได้ตามต้องการ ซึ่งได้รับการรับรองจากคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ (ก.ล.ต.)
ล่าสุดในช่วงเดือนที่ผ่านมา Bitkub เปิดตัว Bitkub Coin บน Bitkub Chain เครือข่ายบล็อกเชนฝีมือคนไทย ที่ออกแบบขึ้นมาเพื่อผลักดันให้เกิดการใช้งานบล็อกเชนบนภาคธุรกิจจริง ให้นักพัฒนาสามารถเข้ามาสร้างสรรค์แอปพลิเคชัน เพื่อผลักดันให้เกิดการใช้งานบล็อกเชนในภาคอุตสาหกรรมให้เกิดขึ้นจริง (Real Business Use Case) ไม่ว่าจะเป็น Decentralized Exchange (DEX), Decentralized Finance (DeFi) หรือ Decentralized Application (DApp) เป็นต้นและยังเป็นผู้ให้บริการด้าน Blockchain Full-solution Service และเป็นที่ปรึกษาด้าน ICO (Initial Coin Offering) แก่องค์กรหรือผู้ประกอบการที่ต้องการยกระดับธุรกิจด้วยเทคโนโลยีบล็อกเชน โดยได้รับการรับรองจากกลต.
.
ปี 2563 Bitkub มีรายได้ประมาณ 300 ล้านบาท และในปี 2564 ผ่านไปไตรมาสแรก มีรายได้ประมาณ 800 ล้านบาท มากกว่าปี 2563 ทั้งปีเสียอีก ซึ่งส่วนหนึ่งเกิดจากการเติบโตของตลาด Crypto Curency ที่ขยายตัวขึ้นเป็นอย่างมากในช่วงปีที่ผ่านมา ด้วยมูลค่าการซื้อขายสินทรัพย์ดิจิทัลต่อวันที่ 700 ล้านบาท ทำให้ Bitkub ครองส่วนแบ่งการตลาดกว่า 90 – 95% และมีผู้ใช้งานกว่า 1,300 ล้านคนต่อเดือน
SYNQA
ผู้ก่อตั้ง : อิศราดร หะริณสุต และ จุน ฮาเซกาวา
ปีที่ก่อตั้ง : 2560
ผู้ระดมทุน :
Serie B : SBI Investment, East Ventures, Ascend Group, Golden Gate Ventures, Sinar Mas Digital Ventures (SMDV), Ascend Money (Southeast Asia’s Leading Fintech arm of Ascend Group), Golden Gate Ventures
Serie C :
SCB 10X Co., Ltd. (SCB 10X), SPARX Group Co., Ltd. (through its Mirai Creation Fund II), Toyota Financial Services Corporation (TFS), Sumitomo Mitsui Banking Corporation (SMBC), SMBC Venture Capital (SMBCVC), Aioi Nissay Dowa Insurance Corporation (ADI)
SYNQA คือบริษัทฟินเทคที่รีแบรนด์จาก Omise Holdings คือบริษัทแม่ของ Omise และ OMG Network ซึ่งเป็นหนึ่งใน Startup ที่ในวงการคุ้นเคยกันเป็นอย่างดี Omise คือระบบการชำระเงินออนไลน์ (Payment Gateway) ที่มีลูกค้าใช้ระบบมากกว่า 5,000 ราย ใน 5 ประเทศ ได้แก่ ไทย สิงคโปร์ มาเลเซีย อินโดนีเซีย และญี่ปุ่น และเป็นผู้อยู่เบื้องหลังระบบการชำระเงินของกลุ่มลูกค้าธุรกิจเอสเอ็มอี สตาร์ทอัพ อีคอมเมิร์ซ และบริษัทเอกชนรายใหญ่ มากมาย อย่างเช่น True, Ascend Group และ Minor International Omise มาพร้อมนวัตกรรมด้านการชำระเงินที่หลายอย่างไปล้ำหน้ากว่าระบบธนาคารอย่างเช่น Pay As You Go ในขณะที่ OMG Network หรือชื่อก่อนหน้าคือ OmiseGo คือการใช้เทคโนโลยีบล็อกเชน (Blockchain) มาจัดการระบบการชําระเงินลดความซับซ้อนของวิธีการทำธุรกรรมทำให้การโอนเงินจ่ายบิล และรับเงิน การเปลี่ยนโฉมแบรนด์ใหม่จาก Omise Holdings เป็น SYNQA ในครั้งนี้ ทำให้บทบาทของบริษัทชัดเจนยิ่งขึ้น ซึ่งรวมถึงการมีส่วนร่วมกับผู้ประกอบการ, หุ้นส่วน และนักลงทุน ที่ให้การสนับสนุน Portfolio ของบริษัท และเร่งการเติบโตแบบดิจิทัล และการเปลี่ยนแปลงของฟินเทค
22 มิถุนายน 2563 Synqa ได้รับเงินระดมทุนรอบ Series C มูลค่า 80 ล้านดอลลาร์สหรัฐ หรือประมาณ 2,478 ล้านบาท
Band Protocol
ผู้ก่อตั้ง : สรวิศ ศรีนวกุล
ปีที่ก่อตั้ง : 2560
ผู้ระดมทุน : SEQUOIA Capital, Dunamu & Partners, SeaX Ventures, Dunamu (เจ้าของ Upbit เว็บเทรดที่ใหญ่ที่สุดในเกาหลี)
Band Protocol คือบริษัทพัฒนาบล็อกเชนด้าน Cross-chain Data Oracle อันดับหนึ่งของเมืองไทย ซึ่งทำหน้าที่เป็นสะพานเชื่อมต่อระหว่างข้อมูลจากโลกแห่งความเป็นจริงเข้าไปในระบบบล็อกเชนหรือ Smart contract Band Protocol ทำงานบนระบบบล็อกเชนของตัวเองที่เรียกว่า Bandchain (มีโครสร้างมาจากบล็อกเชน Cosmos) ซึ่งจะทำหน้าที่เป็นตัวกลางรวบรวมและตรวจสอบความถูกต้องของข้อมูลจากโลกแห่งความจริง ก่อนที่จะป้อนข้อมูลเหล่านั้นไปให้แอพลิเคขั่นบนบล็อกเชนหรือ Decentralized Applications (dApps) จุดเด่นที่ Band Protocol เหนือกว่าคู่แข่งคือเรื่องของความเร็วในการประมวลข้อมูล เนื่องจาก Band Protocol ตั้งอยู่บนเครือข่ายบล็อกเชนของตัวเอง จึงสามารถเร่งความเร็วในการส่งข้อมูลอยู่ที่ 3–6 วินาทีเท่านั้น และมีราคาที่ถูกกว่า เพราะไม่ได้ใช้เครือข่าย Ethereum ที่เผชิญปัญหาด้านค่าธรรมเนียมสูงในปัจจุบัน
จึงเรียกได้ว่า Data Oracle อย่าง Band Protocol มีบทบาทสำคัญต่ออุตสาหกรรม Defi (Decentralize Finance) ที่กำลังเติบโตเป็นอย่างสูง ทำให้เหรียญที่ออกโดย Band Protocol หรือ Band มีมูลค่าตลาดรวมถึง $198,781,519.67 (จากราคา Band Token วันที่ 31 พ.ค. 2564 ที่ 9.58$)
LINE MAN Wongnai
ผู้ก่อตั้ง : ยอด ชินสุภัคกุล Line และ Lineman
ปีที่ก่อตั้ง : 2553
ผู้ระดมทุน : BRV Capital Management (BRV), Line Group, Lineman, InVent, Recruit Strategic Partners
LINE MAN Wongnai คือดีลประวัติศาสตร์ของการควบรวมกิจการในช่วงปีที่แล้ว หลังได้เงินลงทุนกว่า 3,300 ล้านบาทจาก BRV นำมาสู่การควบรวมกิจการบริษัท วงใน มีเดีย จำกัด หรือ Wongnai แพลตฟอร์มรีวิวและค้นหาร้านอาหารชั้นนำของเมืองไทย ที่มีผู้ใช้งานกว่า 10 ล้านรายต่อเดือน มีฐานข้อมูลร้านอาหารในประเทศไทยกว่า 400,000 ร้านทั่วประเทศ เช้ากับ LINE MAN ผู้ให้บริการเดลิเวอรีชั้นนำที่มาพร้อมแนวคิดผู้ช่วยเบอร์หนึ่งในแบบ on-demand และบริการอย่างมืออาชีพแก่ผู้ใช้งานตลอด 24 ชั่วโมง ผ่าน 6 บริการ ประกอบด้วย ฟู้ดเดลิเวอรี, บริการซื้อของซูเปอร์มาร์เก็ต, แมสเซนเจอร์, ส่งพัสดุ, เรียกแท็กซี่ และบริการซื้อสินค้าจากร้านสะดวกซื้อ นี่จึงถือเป็นเป็นดีลที่ช่วยส่งเสริมธุรกิจให้สามารถกลายเป็น Big Player ที่สมน้ำสมเนื้อในสมรภูมิ Food Delivery ไทยที่กำลังเติบโตอย่างต่อเนื่องโดยเฉพาะช่วงหลังจาก COVID-19 และมีการแข่งขันอย่างดุเดือด ไม่ว่าจะเป็น Grab หรือ Food Panda ภายหลังการรวมตัวในครั้งนี้นำมาสู่การประกาศเป้าหมายใหม่ เดินหน้าสู่การเป็น Food Platform อันดับหนึ่ง ด้วยการสร้าง End-to-End Ecosystem ที่แข็งแกร่งที่สุดของไทย ที่ผนวกเอาความแข็งแกร่งของแพล็ตฟอร์ม ทั้ง 3 แพล็ตฟอร์ม ได้แก่ LINE, LINE MAN และ Wongnai เข้าด้วยกัน
ถึงแม้หลังการควบรวม ผู้ถือหุ้นใหญ่ LINE MAN Wongnai จะเป็น LINE Southeast Asia 45.6% แต่ต้องถือว่านี่เป็นอีกหนึ่งบริษัทที่มีส่วนสำคัญมาจากน้ำพักน้ำแรงของคนไทย และบริหารโดยผู้บริหารชาวไทยอย่างคุณยอด ชินสุภัคกุล LINE MAN Wongnai จึงเป็นอีกหนึ่งความภูมิใจของคนไทย
- 192
โฆษณา
- ดาวน์โหลดแอปพลิเคชัน
- © 2024 Blockdit
