14 มิ.ย. 2021 เวลา 11:00 • ธุรกิจ
7 Soft Skills ที่ต้องมีในยุคแห่งความไม่แน่นอน
ในโลกของการทำงาน เราจำเป็นต้องพัฒนาทักษะเราอยู่เสมอ ทั้ง Hard Skills หรือ ทักษะทางวิชาชีพ ที่เป็นทักษะความรู้ ความสามารถ เฉพาะเจาะจงที่ต้องมีในแต่ละงาน โดยอาจใช้เวลาหลายปีเพื่อฝึกฝนให้เกิดความชำนาญเฉพาะทางรวมถึงอาจเรียนเพิ่มเติมจากมหาวิทยาลัยในขั้นสูงขึ้นไปเพื่อให้ได้มาซึ่งทักษะนี้ นอกจากนี้สิ่งที่จำเป็นไม่แพ้ Hard Skills ก็คือทักษะทางด้าน Soft Skills ซึ่งเป็นทักษะในการจัดการอารมณ์ การอยู่ร่วมกับผู้อื่น และการพัฒนาตัวเอง นับเป็นทักษะในการทํางานที่จําเป็นในอนาคต ซึ่งส่งผลต่อความก้าวหน้า เป็นส่วนช่วยให้ทำงานร่วมกับผู้อื่นได้ราบรื่น และประสบความสำเร็จ นับว่าสำคัญมากๆ เช่นกัน ลองมาดู 7 Soft Skills ที่ควรต้องมีในการหางานหรือการทำงานยุคที่เต็มไปด้วยความไม่แน่นอนแบบนี้
7 soft skills ที่ต้องมีในยุคแห่งความไม่แน่นอน
1. Emotional Intelligence (ความฉลาดทางอารมณ์) เป็นการเข้าใจว่าตัวเองกำลังรู้สึกอย่างไร คนที่เราทำงานด้วยรู้สึกอย่างไรและเราสามารถควบคุมหรือตอบสนองต่อความรู้สึกนั้นได้อย่างถูกต้องเหมาะสม Emotional Intelligence สิ่งนี้สำคัญกับทั้งการจัดการกับความรู้สึกของตัวเองและความรู้สึกของคนอื่น ไม่ว่าจะเป็นหัวหน้า ลูกน้อง ลูกค้า หรือใครก็ตามที่เราทำงานด้วย เป็นทักษะที่สำคัญมากๆ สำหรับคนที่ต้องทำงานร่วมกับผู้อื่น สำหรับคนที่มี Emotional Intelligence สูง เวลาโกรธก็รู้ว่าตัวเองโกรธ แต่ควบคุมได้ ไม่อาละวาด หรือการที่รู้ว่าเราจะปฏิบัติกับแต่ละคนอย่างไร มองเห็นความแตกต่างของแต่ละคนได้หมด ไม่ใช่ว่าเข้าหาแต่ละคนก็ใช้วิธีเดียวกันหมด
ยิ่งตอนนี้ที่เราต้องทำงานแบบ Virtual มากขึ้น การสื่อสารกันได้แค่ผ่าน “จอ” เราต้อง “จับ” ความรู้สึกของคนที่เราต้องสื่อสารด้วยให้ได้ว่าเขารู้สึกอย่างไร เพื่อรับมือได้อย่างเหมาะสม
2. Resilience (ล้มแล้วลุก) สถานการณ์ที่เราเจออยู่ในตอนนี้ ทำให้เรารู้ว่าเรากำลังใช้ชีวิตอยู่บนความไม่แน่นอนทั้งในชีวิตและการทำงาน โดยหลายๆ อย่างก็เป็นสิ่งที่เราไม่เคยเจอมาก่อนในชีวิต บางทีสิ่งที่เราเคยทำแล้วเวิร์คอาจจะไม่เวิร์คอีกต่อไป ซึ่งทำให้เราอาจจะต้องเจอกับความผิดพลาดอีกหลายครั้ง ดังนั้นต้องหาทางใหม่เพื่อให้ไปต่อได้ Resilience แปลง่ายๆ คือ ล้มแล้วลุก ล้มเหลวแล้วเรียนรู้ ล้มเหลวแล้วไปต่อได้ ไม่ใช่ล้มเหลวทีหนึ่งก็ทำอะไรต่อไม่ได้แล้ว ดังนั้นไม่ว่าเราจะเจอกับสถานการณ์เช่นใด เมื่อเราผิดพลาดล้มลง ก็ขอให้เรียนรู้จากความล้มเหลว เพื่อจะไม่ได้ผิดพลาดแบบนี้อีกครั้ง และรีบหาหนทางลุกขึ้นสู้เพื่อไปต่อให้ได้
3. Empathy (ความใส่ใจ/เห็นอกเห็นใจผู้อื่น) การไม่โฟกัสที่ตัวเราคนเดียวแล้วพยายามไปเข้าใจคนอื่นๆ บ้างว่าเขาคิดอะไร เขารู้สึกอะไร เขาต้องการอะไร ซึ่งจะทำให้เราสามารถปฏิบัติกับเขาได้ดียิ่งขึ้น เช่น เราพยายามทำความเข้าใจว่าลูกค้ามีปัญหาอะไรอยู่ และก็มองกลับมาว่าเราจะช่วยเหลือเขาได้อย่างไรบ้าง หรือเพื่อนร่วมงานเหมือนกัน ทุกคนในตอนนี้น่าจะเจอสถานการณ์ที่ยากลำบากกันหมด ที่ต้องจัดการทั้งชีวิตส่วนตัวและชีวิตการงาน เราได้พยายามทำความเข้าใจทุกคนรอบๆ ตัวว่าเขารู้สึกอย่างไร ถ้ามีโอกาสเราก็ควรให้กำลังใจซึ่งกันและกัน ก็จะเป็นการเติมเต็มให้ทุกอย่างไปต่อได้อย่างราบรื่น
4. Adaptability (ความสามารถในการปรับตัว) หมายถึงเมื่อเจอสถานการณ์ที่ไม่แน่นอนแล้ว เราสามารถปรับตัวได้ไวหรือไม่ บางคนอาจจะต้องไปทำงานที่ตัวเองไม่ถนัดมาก่อน หรือต่อให้เป็นงานเดิมก็อาจจะเจอโจทย์ใหม่ๆ ที่ไม่เคยทำ หรือใช้วิธีเดิมก็ไม่เวิร์คแล้ว เพราะโลกเปลี่ยนไป สถานการณ์เปลี่ยนไป ลูกค้าก็เปลี่ยนไป การทำอะไรแบบเดิมๆ จึงไม่สามารถใช้ได้ดีเหมือนเดิม ดังนั้นถ้าเราสามารถปรับตัวได้ไว เราก็จะเรียนรู้ได้มากขึ้น และอาจจะเจอก็ได้ว่าเรามีความสามารถบางอย่างที่ซ่อนอยู่ และจะได้พัฒนาทักษะด้านนั้นให้เป็นจุดแข็งพร้อมรับกับโลกในยุคนี้ได้
5. Initiative (ความริเริ่มด้วยตัวเอง) ด้วยความที่เราอาจจะต้องทำงานแบบไม่ได้อยู่ออฟฟิศตลอด ต่างคนต่างทำงาน แปลว่าเราต้องมีความรับผิดชอบสูงมากในการจัดการงานให้เรียบร้อยด้วยตัวเอง โดยไม่ต้องรอให้ใครมาบังคับหรือคอยจ้ำจี้จ้ำไชเรา หรืออีกมุมก็คือการที่เราเป็นคนริเริ่มทำอะไรใหม่ๆ ด้วยตัวเอง ตัดสินใจด้วยตัวเอง ไม่ใช่ว่าต้องรอคำสั่งอย่างเดียว แต่รู้ว่าเมื่อเกิดปัญหาตรงหน้าแล้ว เราจะต้องเป็นคนแก้ไข ทักษะด้านนี้เป็นสิ่งสำคัญในการบังคับใจตัวเองให้ทำอะไรให้สำเร็จ โดยเริ่มจากการตั้งเป้าหมาย และสร้างแรงจูงใจให้ตัวเองเดินไปถึงเป้าหมายที่วางไว้ให้ได้ในทุกแง่มุม
6. Tenacity (การยืนหยัดในสิ่งที่ตัวเองเชื่อ) ในมุมของการทำงานมันคือการยืนหยัดในสิ่งที่ตัวเองเชื่อ หรือมีโฟกัสในงานที่ตัวเองทำ ไม่ว่าจะเจออุปสรรคแค่ไหนก็ตาม ถ้ามีเป้าหมายแล้วต้องทำให้สำเร็จให้
7. Relationship Management (ความบริหารจัดการความสัมพันธ์) พอทำงานกันคนละที่ ทำงานผ่านจอ แน่นอนว่ามันอาจส่งผลกระทบต่อความสัมพันธ์ของคนในทีม ทำให้คนสนิทกันน้อยลง หรือเข้าใจกันน้อยลง ความเป็นทีมมันหายไป การมีความสามารถในการบริหารความสัมพันธ์จะมาช่วยเติมช่องว่างของความสัมพันธ์ได้ ทำให้คนรู้สึกใกล้ชิดกันอยู่ รู้สึกเป็นทีมเดียวกัน และไม่รู้สึกว่าถูกทอดทิ้ง
ทั้งหมดนี้เป็น 7 Soft Skills ที่สำคัญมากๆ ไม่ว่าจะกำลังหางานหรือทำงานอยู่แล้ว ก็สามารถมาพัฒนาตัวเองให้ดีขึ้นได้ เพื่อเตรียมความพร้อมและต่อยอดให้มีความก้าวหน้า และมั่นคงในการทำงานต่อไป
นอกเหนือจากความมั่นคงในการทำงานแล้ว ในการดำเนินชีวิตก็ควรมีการลงทุนเพื่อเป็นความมั่นคงและมั่งคั่งยิ่งๆ ขึ้นในอนาคต อย่าลืมว่าสิ่งสำคัญอย่างหนึ่งสำหรับการออมและการลงทุน ก็คือเวลา ยิ่งเริ่มออมเร็วเท่าไร ก็ยิ่งเห็นผลเร็วเท่านั้น สนใจกองทุนในกองทุนรวม SCB มีผลิตภัณฑ์ที่มากมายจากหลากหลายสถาบันการเงินที่คัดเลือกมาแล้วว่าดีที่สุดให้เลือก ศึกษา
 
ขอบคุณข้อมูลจาก เว็บไซต์ Fast Company
โฆษณา