1 มิ.ย. 2021 เวลา 05:29 • ปรัชญา
มายาการของหลอดด้าย
กุลฉัตร ฉัตรกุล ณ อยุธยา
=========================
“บางครั้งคนเราก็คิดไปเองว่า เวลาของชีวิตเรานั้นยังหลงเหลืออยู่อีกมาก จึงใช้ชีวิตไปเรื่อยๆในวันๆ”
เปรียบเปรยดั่ง เวลาเราปั่นด้ายเย็บผ้า หากเราเผลอไปมองหลอดด้าย ใจเราก็จะเผลอคิดไปว่า ยังคงเหลือด้ายอยู่ในหลอดอีกมากมายซึ่งเพียงพอต่อการเย็บอย่างไม่ได้ฉุกคิดหรือสังเกตสังกาอะไรมากมาย
แต่เผลอแป็บเดียวด้ายนั้นก็อาจถูกใช้ไปจนหมดในช่วงเวลาอันสั้น หากเป็นด้ายก็คงเปลี่ยนใหม่ได้ แต่ทว่าเป็นชีวิตของเราแล้วหล่ะก็ มันจะเปลี่ยนไปได้อย่างไร
 
พระพุทธองค์ได้เพียรถามเสมอๆว่า “วันเวลาของคนเราล่วงเลยไป วันวันนึงเจ้าสิ มัวทำอะไรอยู่”
ฉะนั้น "ชีวิตคนเรา ก็เหมือนกับเส้นด้ายที่ถูกดึงออกมาจากหลอดด้ายทีละนิดๆ
ขณะที่ดึงด้ายออกมาจากหลอดด้ายนั้น บางทีเราก็รู้สึกกระหยิ่มว่า ยังมีด้ายเหลือ
อยู่อีกมากมาย จึงชะล่าใจที่จะดึงด้ายออกมาใช้อย่างฟุ่มเฟือย
แต่พบว่าแท้จริงแล้ว
มีด้ายอยู่เพียงนิดเดียว เย็บผ้าได้เพียงนิดหน่อยก็หมด หากแต่ที่เราเห็นว่า
ยังคงมีด้ายเหลืออยู่เยอะแยะนั่นเป็นเพราะว่า
แกนด้ายมันใหญ่ต่างหาก...มันหลอกตาให้เราพลอยชะล่าใจ...
ผู้หญิงคนหนึ่งป่วยกระเสาะกระแสะ กำลังบ่นเรื่อง "ความสำคัญของเวลา" และ " คุณค่าของชีวิต"
เคยได้ยินคำพูดในทำนองนี้บ่อยๆ ว่า เรามีเวลา ๒๔ ชั่วโมงต่อหนึ่งวันเท่ากัน
ทว่าเราได้ประโยชน์จากเวลาไม่เท่ากัน
สำหรับบางคนเวลา ๒๔ ชั่วโมงช่างแสนสั้น แต่สำหรับบางคน ๒๔ ชั่วโมง
ช่างเป็นเวลายาวนานเหลือแสน
ผู้หญิงคนนี้เธอบอกว่า เธอเสียดายที่มีเวลาเหลืออีกไม่มาก
อยากจะปฏิบัติธรรมให้ถึงที่สุดก็เกรงว่าเวลาจะมีไม่พอ
อาตมาจึงบอกว่า การปฏิบัติธรรมนั้นไม่สำคัญที่เวลา แต่สำคัญที่ "ปัญญา"
สำหรับคนมีปัญญากล้าแข็ง อย่าว่าเป็นวันเลย บางทีนาทีเดียวก็บรรลุธรรมได้
สำหรับคนเขลา ต่อให้ภาวนาทั้งชีวิต บางทีก็ยังไม่เห็นผล
คนที่อยู่ในวัยสนธยา จึงไม่ควรน้อยใจว่า เรามีเวลาไม่พอ
แต่ควรจะบอกตัวเองว่า “เรายังพอมีเวลา" ต่างหาก
แต่คนที่คิดว่าเรายัง "พอมีเวลา" ก็ต้องระวังด้วยเหมือนกัน
เพราะบางทีการคิดด้วยท่าทีที่เป็นบวกอย่างนี้
ก็ทำให้ประมาท และเป็นเหตุให้พลาดโอกาสที่จะเร่งรัดทำสิ่งดีๆ
ดังนั้น นอกจากจะคิดว่ายังพอมีเวลาแล้ว ก็ควรจะคิดเพิ่มอีกอย่างหนึ่งว่า
"วันนี้เป็น วันสุดท้ายของชีวิต" ด้วย
เพราะหากเราคิดว่า วันนี้เป็นวันสุดท้ายของชีวิต
เราจะเริ่มคิดถึงสิ่งที่ต้องทำแข่งกับเวลา
และนั่นจะทำให้ เวลากลายเป็นสิ่งที่มีค่าสูงสุดของชีวิตได้ในทุกๆ วัน
เราเคยได้ยินพระท่านสอนบ่อยๆว่า การฆ่าสัตว์เป็นบาป แต่ผู้เขียนอยากบอกว่า
การฆ่าเวลาต่างหากที่เป็นบาปมหันต์ยิ่งกว่า เพราะเมื่อคุณฆ่าสัตว์ หากสำนึกได้
คุณอาจจะไปหาสัตว์มาปล่อยเอาบุญ แต่หากคุณฆ่าเวลาด้วยวิธีใดก็ตาม
ถึงแม้คุณจะสำนึกผิด กลับมาเห็นคุณค่าของเวลา
ทว่าก็ไม่สามารถย้อนเวลาที่ผ่านไปแล้วให้หวนคืนกลับมาได้อีก
เราทุกคนต่างก็มีเวลาที่ไม่อาจรีไซเคิล ไม่ว่าคุณจะมีเงินมหาศาล
สักกี่ล้านล้านดอลล่าร์ก็ตามที สำหรับเวลานั้น ผ่านแล้วผ่านเลยนิรันดร์
ว. เมธีวชิโรดม
หลอดด้ายทั่วๆไป
โฆษณา