1 มิ.ย. 2021 เวลา 05:47 • กีฬา
🏆 บอลยาว, เน้นโจมตีฝั่งซ้าย และหลังห้า เบื้องหลังแท็กติกส่ง เชลซี ครองจ้าวยุโรป
สุดท้ายแล้วความเป็นไปของเกมก็เป็นไปตามที่ โธมัส ทูเคิล หวังไว้
นับตั้งแต่ที่เขาเข้ามารับตำแหน่งกับ เชลซี เมื่อเดือนมกราคม นี่ก็เป็นแผนการเล่นขั้นต้นในเกมใหญ่ของ ทูเคิล มาโดยตลอด พวกเขาพยายามคุมเกมด้วยการครองบอล แต่จังหวะได้ประตูจำนวนไม่น้อยของพวกเขาก็มาจากการโจมตีด้วยความเร็วตัดแผงหลังคู่แข่ง ส่วนในเกมรับก็อาศัยการตั้งรับลึก เน้นยืนกันเยอะ ๆ ในกรอบเขตโทษ
ที่น่าประหลาดใจก็คือ เชลซี ทำได้ราวกับเป็นเรื่องง่าย จนกระทั่งคู่แข่งอย่าง แมนเชสเตอร์ ซิตี้ มีค่าประตูที่คาด (xG) ในเกมนี้น้อยที่สุดเมื่อเทียบกับตลอดฤดูกาลของพวกเขา
ขณะที่ ทูเคิล เลือกผู้เล่น 11 ตัวจริงของเขาเป็นไปตามคาด ทางฝั่ง เป๊ป กวาร์ดิโอล่า ก็จัดทัพแบบน่าประหลาดใจไม่น้อย
ราฮีม สเตอร์ลิง ถูกใส่ชื่อลงสนามทางฝั่งซ้าย ฟิล โฟเดน ถูกหุบเข้าด้านใน และ อิลคาย กุนโดกัน ก็รับบทบาทตัวโฮลดิ้ง นี่เป็นเพียงครั้งที่ 2 เท่านั้นของฤดูกาลที่ กวาร์ดิโอล่า เริ่มต้นเกมโดยที่ไม่มีมิดฟิลด์ตัวโฮลดิ้งคนใดคนหนึ่งระหว่าง แฟร์นันดินโญ่ และ โรดรี้
ครั้งนี้ถือว่าเขาคิดวางแผนอะไรซับซ้อนเกินหรือเปล่า บางทีก็เป็นไปได้ แต่คนระดับ กวาร์ดิโอล่า ก็เป็นไปได้ว่าเขามีเหตุผลบางอย่าง
แฟร์นันดินโญ่ ตอนนี้อายุ 36 ปีแล้ว ในเกมรอบรองชนะเลิศ เอฟเอคัพ เมื่อเดือนก่อนหน้า เขาก็ถูกการเคลื่อนที่ของ เมสัน เมาต์ แข้ง เชลซี เล่นงานเสียจนปั่นป่วน ขณะที่ โรดรี้ ก็มีเกมที่ไม่ดีนักในการเจอกับคู่แข่งรายนี้เมื่อฤดูกาลที่แล้ว บางทีอาจเป็นแมตช์ที่เขาเล่นได้แย่ที่สุดในชุดเรือใบสีฟ้าเลยก็ได้ เขาถูกดึงหลุดออกจากตำแหน่งบ่อยครั้ง และก็ไม่สามารถหยุดเกมสวนกลับเร็วของ เชลซี ได้เลย
ทั้งคู่เสียเปรียบเรื่องการเคลื่อนที่ แต่ กวาร์ดิโอล่า ก็รู้ดีเหมือนกับทุกคนว่าการเคลื่อนที่นั้นไม่ใช่บทบาทหน้าที่หลักของมิดฟิลด์ตัวโฮลดิ้งอยู่แล้ว
เชลซี เองก็ไม่ได้เน้นโจมตี ซิตี้ ในพื้นที่ตรงนั้น พวกเขาเลือกที่จะทำในแบบเดียวกับที่เคยประสบความสำเร็จในรอบตัดเชือก เอฟเอคัพ เมื่อ 6 สัปดาห์ก่อน พวกเขาโจมตีได้ดีด้วยการเปลี่ยนแกนไปเล่นทางกราบซ้าย โดยใช้ เบน ชิลเวลล์ เป็นตัวขับเคลื่อน
ในเกมล่าสุดทั้งเขาและ รีซ เจมส์ ต่างก็เล่นเกมรับได้อย่างสุดยอด โดยทาง ชิลเวลล์ นั้นคอยตามประกบ ริยาด มาห์เรซ อย่างเหนียวแน่น และความเร็วของ เจมส์ ก็ช่วยให้เขาสามารถหยุด สเตอร์ลิง ไม่ให้สร้างความอันตรายหน้าปากประตู นอกจากนี้ในแง่ของการเติมเกมรุก ชิลเวลล์ ก็ทำได้อย่างมีประสิทธิภาพ
ในแง่ของระบบการเล่น ยามที่กำลังครองบอล กวาร์ดิโอล่า ใช้แผงหลัง 3 คน, มิดฟิลด์ยืนกันเป็นทรงไดมอนด์ และตัวรุก 3 คน โดยที่ โอเล็กซานเดอร์ ซินเชนโก้ ดันจากตำแหน่งแบ็คซ้ายขึ้นไปยืนมุมซ้ายของทรงเพชร
เขามักจะใช้รูปทรงการยืนตำแหน่งแบบนี้มาตลอดหลายปีเพื่อให้สามารถคุมเกมในพื้นที่กลางสนามได้ อย่างไรก็ตาม นั่นก็หมายความว่ากองหลังของพวกเขาจำเป็นจะต้องรับผิดชอบพื้นที่ว่างที่กว้างขึ้น หากว่าคู่ต่อสู้ได้จังหวะสวนกลับเร็ว
เชลซี ยืนกันในระบบที่พวกเขายึดมาโดยตลอด โดยที่ ทูเคิล สั่งให้ เมาต์ และ ไค ฮาแวร์ตซ เล่นแบบชวนทะเลาะ พยายามปกป้องพื้นที่ตรงกลางไม่ให้ ซิตี้ สามารถผ่านบอลทะลุไปได้ง่าย ๆ แทนที่จะไปยืนเป็นแผงมิดฟิลด์ 4 คน ภาพที่ออกมาจึงเป็นการยืนแบบ 5-2-3
ที่จริงแล้วการยืนของ เชลซี ในบางครั้งก็ดูเหมือนว่าจะเป็น 5-1-4 มากกว่าด้วยซ้ำ โดยใช้มิดฟิลด์ตัวโฮลดิ้ง 1 คนคอยวิ่งเข้าไปกดดันผู้เล่นที่กำลังครองบอลอยู่...
... และแม้ว่ามันจะเป็นเรื่องเสี่ยงที่ปล่อยพื้นที่ว่างเอาไว้ขนาดนั้น อันโตนิโอ รูดิเกอร์ และ เซซาร์ อัซปิลิกูเอต้า ก็เล่นได้อย่างดุดันมาก ทั้งคู่พร้อมตลอดเวลาที่จะวิ่งขึ้นไปหยุดเกมทางพื้นที่ริมทรงเพชรของ ซิตี้ ในตอนที่ได้บอล
เรื่องจริงของเกมนี้ก็คือ เชลซี จะอาศัยการวางบอลโดยตรงเปลี่ยนเกมเข้าสู่โหมดรุก โดยเฉพาะอย่างยิ่งทางฝั่งซ้าย
ดูเหมือนว่าการวางบอลยาวจะกลายเป็นแผนการเล่นที่ทีมระดับท็อปในวงการฟุตบอลยุโรปเน้นกันในฤดูกาลนี้ ยกตัวอย่างเช่นเกมที่ เรอัล มาดริด เอาชนะ ลิเวอร์พูล 3-1 ในรอบก่อนรองชนะเลิศ เลกแรก อาจเป็นไปได้ว่าแต่ละทีมพยายามดันแผงหลังกันขึ้นมาสูง อีกทั้งยังไม่ค่อยถูกบีบเกมกดดันมากนัก เลยทำให้กองหลังหลายคนสามารถวางบอลขึ้นหน้าได้ง่ายขึ้น
เชลซี ก็เริ่มต้นเกมด้วยการเล่นงาน จอห์น สโตนส์ จากการวางบอลยาว
ในภาพนี้จะเห็นว่า รูดิเกอร์ จ่ายบอลให้กับ ติโม แวร์เนอร์ ด้วยการตักบอลโด่งจังหวะเดียว โดยที่ สโตนส์ พยายามจะเตะสกัดบอล...
... ซึ่งสุดท้ายก็ทำให้ ฮาแวร์ตซ ได้จ่ายบอลตัดเข้าในสุดอันตรายมาให้ แวร์เนอร์ ยิงพลาดเป้าไป
สถานการณ์คล้ายกันนี้มาเกิดขึ้นอีกใน 3 นาทีถัดมา
ติอาโก้ ซิลวา วางบอลยาวขึ้นหน้าให้ เจมส์ การเล่นจังหวะนี้ได้ลาก ซินเชนโก้ ออกมาจากตำแหน่งแบ็คซ้าย รวมถึง รูเบน ดิอาส จากพื้นที่เซ็นเตอร์แบ็คด้วย
จากนั้น เจมส์ ก็จ่ายบอลตัดหลังพวกเขาทันที...
... เป็นอีกครั้งที่ทำให้ สโตนส์ พบกับความยากลำบากในการสกัดบอล ส่งผลให้ แวร์เนอร์ ได้จังหวะลากบอลไปจ่ายตัดเข้าใน คราวนี้เป็น เอ็นโกโล่ ก็องเต้ ที่ไม่สามารถจับบอลได้นิ่งพอที่จะเล่นต่อได้
แต่กุญแจสำคัญของเกมนี้ก็คือ ชิลเวลล์ เขามักจะหาโอกาสวิ่งสอดขึ้นมาในตอนที่ ไคล์ วอล์คเกอร์ กำลังพะวงอยู่กับการเคลื่อนที่ของตัวรุกสักคนของ เชลซี ซึ่งส่วนใหญ่จะเป็น เมาต์
นี่คือ 2 ตัวอย่างที่เห็นได้ชัดเจน ฮาแวร์ตซ จ่ายบอลไปที่ ชิลเวลล์ ที่ไม่มีตัวประกบในตอนที่วิ่งสอดขึ้นมา โดยที่ในภาพจะมองไม่เห็น มาห์เรซ เลยด้วยซ้ำ
มันเป็นการเล่นที่ทรงประสิทธิภาพ เมื่อทาง เชลซี สามารถจ่ายบอลให้กับเขาได้เร็วจากแนวรับ
ในภาพจะเห็นว่า ซิลวา กำลังวางบอลยาว แม้ว่า ชิลเวลล์ จะทำอะไรต่อไม่ได้เพราะถูกยกธงล้ำหน้าไปแล้วก็ตาม
แต่อย่างน้อยประตูของ เชลซี ที่เกิดขึ้นก่อนหมดเวลาไม่นานก็เป็นผลตอบแทนจากความพยายามแบบนี้ถึง 3 ครั้งของพวกเขาในครึ่งแรก และมันก็ดูคล้ายกับที่เคยใช้เล่นงาน ซิตี้ มาแล้วเมื่อเดือนก่อนหน้า
ความพยายามครั้งแรกเป็นการวางบอลยาวแนวแทยงจากแผงหลัง
เป็น ซิลวา ที่โยนข้ามศีรษะ มาห์เรซ ไปให้กับ ชิลเวลล์ จังหวะนี้ดึงให้ วอล์คเกอร์ วิ่งเข้าไปยังตำแหน่งวิงแบ็คฝั่งซ้ายของ เชลซี ทำให้ เมาต์ ยืนโล่งที่ด้านใน...
... ชิลเวลล์ จ่ายต่อทันทีให้กับ เมาต์ แต่เป็นการให้มาแบบขนานเส้น ทำให้เขาไม่สามารถหมุนบอลเพื่อหาจังหวะแทงทะลุช่องได้ ขณะที่ในแนวรับของ ซิตี้ ก็ดูเปิดพอสมควร เนื่องจาก ซินเชนโก้ ไม่ได้อยู่ในตำแหน่งที่ถูกต้องสำหรับการปิดทางวิ่งตัดหลังของ แวร์เนอร์
2 นาทีก่อนได้ประตู เชลซี ก็ทำในแบบเดียวกันอีก
คราวนี้ผู้รักษาประตู เอดูอาร์ เมนดี้ เป็นคนที่วางบอลข้ามศีรษะ มาห์เรซ มาให้กับ ชิลเวลล์ ซึ่งก็ดึงตัว วอล์คเกอร์ เข้ามาอีกตามเคย จากนั้นบอลก็ถูกจ่ายต่อให้กับ เมาต์ ทันที
คราวนี้เป็น สโตนส์ ที่ตามเข้ามาประชิดตัว ทำให้ เมาต์ ไม่สามารถที่จะพลิกตัวไปข้างหน้าได้ ซิตี้ วางตำแหน่งในเกมรับตรงกลางกันได้ดีขึ้น จะเห็นได้ว่ามีผู้เล่น 2 คนที่ยืนขวางตัวรุกของ เชลซี อยู่ทั้งหมด
จังหวะรุกครั้งนี้ของ เชลซี จึงไม่มีอะไรเกิดขึ้น แต่อย่างน้อย ซิตี้ ก็ได้รับสัญญาณเตือนเป็นครั้งที่ 2 แล้ว
และนี่ก็คือจังหวะได้ประตู
เป็นอีกครั้งที่ เมนดี้ โยนบอลข้ามศีรษะ มาห์เรซ มาให้กับ ชิลเวลล์ ถึงตรงนี้คุณคงรู้แล้วว่าพวกเขาจะเคลื่อนบอลไปข้างหน้าอย่างไร
ชิลเวลล์ จ่ายต่อจังหวะเดียวผ่าน วอล์คเกอร์ ไปให้กับ เมาต์...
... คราวนี้มีพื้นที่ให้กับ เมาต์ ส่วน ซินเชนโก้ ก็ไม่ได้อยู่ในตำแหน่งที่พร้อมรับมือกับ ฮาแวร์ตซ แบบเต็มที่ แวร์เนอร์ วิ่งขึ้นมาทางฝั่งซ้ายเพื่อดึงตัว ดิอาส ให้หลุดจากตำแหน่ง ช่วยเปิดทางให้ เมาต์ สามารถจ่ายบอลทะลุช่องได้
ที่จริงแล้วมันก็ไม่ได้เป็นช่องที่เปิดโล่งขนาดนั้น แต่สำหรับนักเตะมากความสามารถอย่าง เมาต์ มันก็ไม่ใช่เรื่องยากเกินไปนักในการจ่ายบอล เขาหยุดจังหวะสั้น ๆ ก่อนที่จะแทงบอลขึ้นไป เพื่อให้ ฮาแวร์ตซ อยู่ในตำแหน่งที่ได้เปรียบที่สุด
สุดความสามารถของผู้รักษาประตู เอแดร์ซอน ในการหยุด ฮาแวร์ตซ ให้ส่งบอลเข้าสู่ตาข่าย ที่จริงเขาเข้าถึงบอลได้ก่อนแล้วด้วยที่หน้ากรอบเขตโทษ แต่สุดท้ายจังหวะก็กลับมาเข้าทางแข้งเยอรมันในการยิงใส่ปากประตูโล่ง ๆ
2
หากมีผู้เล่นมิดฟิลด์ตัวโฮลดิ้งอยู่สักคนจะสามารถหยุดจังหวะได้ประตูครั้งนี้ไหม? ที่จริงด้วยตำแหน่งแล้วเขาก็คงไม่สามารถหยุด เมาต์ ได้โดยตรง แต่ก็อาจจะมีโอกาสบล็อคจังหวะจ่ายทะลุช่องขึ้นมาให้กับ ฮาแวร์ตซ
ปัญหาที่แท้จริงของ ซิตี้ ก็คือการหาวิธีรับมือจังหวะโยนบอลมาให้ ชิลเวลล์ ซึ่งเรื่องนี้ก็เป็นสิ่งที่เกิดขึ้นเช่นกันในเกมรอบตัดเชือก เอฟเอคัพ ที่ทั้งคู่เจอกันเมื่อเดือนก่อนหน้า นี่คือความผิดพลาดที่ใหญ่ยิ่งกว่าการทำอะไรก็ตามด้วยผู้เล่นตำแหน่งมิดฟิลด์ตัวโฮลดิ้ง
เกมในครึ่งหลังนั้นเต็มไปด้วยความไม่แน่นอน แต่ก็ไม่ได้เป็นการดวลกันด้วยแท็กติกหนัก ๆ อะไรขนาดนั้น
กวาร์ดิโอล่า พยายามปรับเกมรุกด้วยการส่งทั้ง กาเบรียล เชซุส ลงมาในนาทีที่ 60 ตามด้วย เซร์คิโอ อเกวโร่ นาทีที่ 77 แต่ว่า ซิตี้ ก็ขาดการเชื่อมเกมที่ดีระหว่างมิดฟิลด์กับตัวรุก จะมีก็แค่จังหวะที่ โฟเดน จ่าบบอลทะลุขึ้นไปให้ มาห์เรซ ในตำแหน่งที่ดีเท่านั้น การขาดหายไปของ เควิน เดอ บรอยน์ หลังเกมผ่านไปครบชั่วโมง หลังปะทะเข้ากับ รูดิเกอร์ ส่งผลให้ ซิตี้ ขาดไอเดียในการเจาะเกมรับของ เชลซี ซึ่งปรับระบบมายืนแบบ 5-3-2 จนจบเกม
ตลอดหลายปีหลังมานี้ มีทีมรองแค่ไม่กี่ทีมที่คว้าชัยชนะได้ในนัดชิงชนะเลิศ แชมเปี้ยนส์ลีก แถมส่วนใหญ่ก็ได้มาแบบดราม่าและลุ้นเหนื่อย อย่างเช่น ลิเวอร์พูล เมื่อปี 2005 และ เชลซี เองเมื่อปี 2012 มันไม่ใช่ชัยชนะที่พูดได้เต็มปากว่าได้มาแบบคู่ควร ครั้งนี้อาจเป็นครั้งแรกเลยก็ว่าได้นับตั้งแต่ที่ โบรุสเซีย ดอร์ทมุนด์ เอาชนะ ยูเวนตุส เมื่อปี 1997 ซึ่งทีมรองทำผลงานในนัดชิงได้เหนือกว่าชัดเจน
ว่ากันตามตรง เชลซี ก็ไม่ได้มีผลงานที่ดีสักเท่าไหร่นักตลอดรอบน็อคเอาต์
ความสำเร็จครั้งนี้เป็นภาพที่มองแทบไม่เห็นเลยด้วยซ้ำในช่วงเข้าสู่ปีใหม่ เมื่อพวกเขายังประสบปัญหาเรื่องฟอร์มการเล่นภายใต้การคุมทีมของ แฟร้งค์ แลมพาร์ด แต่เมื่อ ทูเคิล เข้ามา ทีมสิงโตน้ำเงินครามก็เปลี่ยนตัวเองกลายเป็นทีมที่แท็กติกแน่นไม่แพ้ใครเลยในยุโรป
(เรียบเรียงจากบทความ Long balls, targeting the left and a back five – how Chelsea won the Champions League final
เขียนโดย ไมเคิล ค็อกซ์ ลงในเว็บไซต์ theathletic.com เมื่อ 30 พฤษภาคม 2021
เรียบเรียงโดย ณัฐดนัย เลิศชัยฤทธิ์)
โฆษณา