1 มิ.ย. 2021 เวลา 16:16 • ข่าว
“ฉันเป็นผู้โดยสาร
ตอนนี้นักบินของฉันดูเหมือนจะหมดสติไป
และฉันก็ไม่ใช่นักบิน”
1
จอห์น ไวลดีย์ กดวิทยุบอกหอบังคับการบิน
เขากำลังบินอยู่ที่ 1,500 ฟุตเหนือพื้นดิน ท่ามกลางอุปกรณ์และหน้าปัดบนเครื่องบินที่เขาแทบไม่รู้เลยว่ามันคืออะไรกันแน่
3
เมื่อนักบินของเขากลับเสียชีวิตบนอากาศ ความหวังเดียวที่จอห์น ไวลดีย์ จะรอดชีวิตกลับไป คือทำอย่างไรก็ได้ให้ตนเองที่บินเครื่องบินไม่เป็นนำเครื่องบินลงสนามได้อย่างปลอดภัย
เพราะการผิดพลาดเพียงเสี้ยววินาที
นั่นอาจหมายถึงหายนะ
8 ตุลาคม ค.ศ.2013
แสงของดวงอาทิตย์ที่ใกล้จะอัสดงในฤดูใบไม้ร่วงเหนือมณฑลลิงคอล์นเชียร์ ทางตะวันออกของประเทศอังกฤษ
1
จอห์น ไวลดีย์ วัย 77 ปี กำลังนั่งชมวิวอยู่บนเครื่องบินเซสนา 172 สกายฮอว์ก เครื่องบินเล็กขนาด 1 เครื่องยนต์ 4 ที่นั่งอันยอดฮิตพร้อมนักบินซึ่งเป็นเพื่อนของจอห์นที่รู้จักกันมานาน
1
แม้ว่าจอห์นจะขับเครื่องบินไม่เป็น แต่เขาก็มักร่วมกิจกรรมการบินกับเพื่อนๆ ที่มีเครื่องบินเป็นประจำ เพื่อนของจอห์นชอบที่จะบินไปจอดตามสนามบินในเมืองต่างๆ เพื่อแวะรับประทานอาหาร หรือบินดูวิวทิวทัศน์ทั่วเกาะอังกฤษ
วันนี้ก็เป็นดังเช่นวันปกติวันหนึ่ง หลังจากจอห์นและเพื่อนนักบินของเขาชมทัศนียภาพเหนือลิงคอล์นเชียร์เรียบร้อยแล้ว ก็ได้เวลากลับบ้าน
1
นักบินหันหัวเครื่องไปยังจุดหมายปลายทางของพวกเขา นั่นคือสนามบินแซนด์ทอฟต์ เวลาคาดการณ์ที่จะพวกเขาจะลงจอดคือ 19.00 น.
เวลาผ่านไปซักพัก ณ ระดับความสูง 1,500 ฟุต
นักบินเริ่มมีอาการเวียนหัวและอาเจียน ในทีแรกพวกเขาคิดว่าเป็นแค่อาการเมาเครื่องบินหรือแค่อาหารเป็นพิษ นักบินยังพูดติดตลกกับจอห์น ว่าดีนะที่เปิดหน้าต่างได้ ไม่งั้นเขาคงอ้วกใส่ขากางเกงของจอห์น
แต่ไม่กี่นาทีต่อจากนั้น
เรื่องที่เกิดขึ้นไม่ใช่เรื่องตลกอีกต่อไป
2
“จอห์น คุณควบคุมเครื่องแทน”
จู่ๆ นักบินก็พูดขึ้นมา
ก่อนที่จะปล่อยคันบังคับและหมดสติไป
จอห์นเอามือคว้าคันบังคับทันที เขาพยายามบินเครื่องบินให้ตรงและรักษาระดับความสูงเท่าที่เขาพอจะทำได้ให้ดีที่สุด จอห์นเริ่มวิตกกังวลมากขึ้น เขาพยายามสะกิดเพื่อนนักบินของเขาอยู่หลายครั้ง หวังว่าผู้ที่บินเครื่องบินนี้เป็นจะตื่นขึ้นมา
1
“เฮ้ เพื่อน เป็นอะไรมากไหม”
จอห์นถามนักบินพร้อมกับพยายามสะกิดปลุกเขาขึ้นมา
แต่ไม่มีอะไรเกิดขึ้น
จอห์นพยายามจับดูชีพจรของนักบิน แม้เขาจะยังไม่ตาย แต่เขาไม่ตอบสนองอะไรเลย และตัวของเขาก็เย็นขึ้นเรื่อยๆ
ในวินาทีนี้
จอห์นก็รู้ตัวทันทีว่าเขาต้องเป็นคนเอาเครื่องบินลงสนาม
“ฉันควรทำอย่างไรก่อนดีตอนนี้”
จอห์นคิดในใจ เขาพยายามดึงสติของตนเองกลับมาเสียก่อน ใช่แล้ว ต้องวิทยุขอความช่วยเหลือเป็นอันดับแรก
2
“เมย์เดย์ เมย์เดย์ เมย์เดย์”
จอห์นกดปุ่มวิทยุไปยังหอบังคับการบินด้านล่าง
“ฉันเป็นผู้โดยสาร ตอนนี้นักบินของฉันดูเหมือนจะหมดสติไป และฉันก็ไม่ใช่นักบิน”
จอห์นบอกกับหอบังคับการบิน
เสียงของเขาดูมีสติและสงบอย่างไม่น่าเชื่อ
จอห์น คาเมรอน เป็นผู้ควบคุมการจราจรทางอากาศที่ได้ยินเสียงขอความช่วยเหลือนี้เป็นคนแรก
“คุณเคยบินเครื่องบินมาก่อนหรือไม่”
คาเมรอนถามกลับไป
“ไม่เคย”
จอห์นตอบกลับมาทันที
1
จอห์นพยายามทำความเข้าใจกับเครื่องวัดประกอบการบินบนหน้าปัดของเครื่องบินโดยใช้ประสบการณ์ที่เขาเคยนั่งเครื่องบินกับเพื่อน จอห์นดูความสูงเป็น แต่สิ่งที่เขาดูไม่เป็นคือความเร็วของเครื่องบิน
1
ภาพภายในเครื่องบินเซสนา 172 ลำที่เกิดเหตุ
คาเมรอนพยายามพูดคุยเพื่อให้จอห์นไม่ตื่นตระหนกเกินไป เขาพยายามทำให้จอห์นบินได้ง่ายที่สุดเท่าที่จะทำได้โดยไม่มีเครื่องบินลำไหนมาขวางทาง
เครื่องบินเซสนา 172 สกายฮอว์ก ลำที่เกิดเหตุ
แสงอาทิตย์ค่อยๆ ลับไปจากท้องฟ้า ความมืดเริ่มเข้ามาเยือน มันจะยิ่งทำให้การลงสนามยากขึ้นกว่าเดิมหลายเท่าตัว คาเมรอนต้องรีบทำอะไรบางอย่างแล้ว
หลังจากคาเมรอนพิจารณาอยู่ไม่นาน เขาก็ตัดสินใจที่จะให้จอห์นเปลี่ยนสนามบินไปลงที่สนามบินฮัมเบอร์ไซด์ ซึ่งห่างออกไป 20 ไมล์
สนามบินฮัมเบอร์ไซด์มีรันเวย์ที่ยาวและกว้างกว่าสนามบินแซนด์ทอฟต์ อีกทั้งยังมีหน่วยดับเพลิงเพื่อค่อยช่วยเหลือและกู้ภัย
แม้ว่าแสงจะเริ่มหมดไปอย่างรวดเร็ว แต่ทัศนวิสัยที่ดีในวันนั้นมันทำให้จอห์นสามารถมองเห็นสะพานฮัมเบอร์ สะพานขนาดใหญ่ซึ่งพาดผ่านปากแม่น้ำฮัมเบอร์ จอห์นพยายามหันหัวเครื่องบินไปยังสะพานนี้อย่างระมัดระวัง
จอห์นทราบดีว่าหากเขาบินตามสะพานนี้ไป มันจะนำเขาไปยังถนนสายหลัก ซึ่งนำทางไปยังสนามบินฮัมเบอร์ไซด์ได้อย่างง่ายดาย
สะพานฮัมเบอร์ซึ่งพาดผ่านปากแม่น้ำฮัมเบอร์ซึ่งนำทางไปยังสนามบินฮัมเบอร์ไซด์ได้อย่างง่ายดาย
ทุกเที่ยวบินถูกสั่งให้เบี่ยงออกไปจากเครื่องบินลำนี้ทันที และเฮลิคอปเตอร์แบบ WS-61 Sea King ของกองทัพอากาศสหราชอาณาจักรก็ถูกสั่งให้วิ่งขึ้นโดยด่วน เพื่อไปประกบอยู่ห่างๆ ช่วยดูทิศทางที่จอห์นบินและช่วยเหลือตอนที่เขาจะทำการลงสนามบิน
รอย เมอร์เรย์ ครูการบินผู้เชี่ยวชาญเครื่องบินแบบเซสนา 172 ถูกเรียกตัวให้รีบเดินทางไปยังสนามบินฮัมเบอร์ไซด์เพื่อพูดคุยกับจอห์นทันทีเช่นกัน
รอย เมอร์เรย์ ครูการบินผู้เชี่ยวชาญเครื่องบินแบบเซสนา 172
ในที่สุดจอห์นก็บินมาถึงเขตสนามบินฮัมเบอร์ไซด์
รอย เมอร์เรย์พยายามสอนพื้นฐานการบินแก่เขาผ่านวิทยุที่หอบังคับการบินฮัมเบอร์ไซด์ รวมถึงเฮลิคอปเตอร์ของกองทัพอากาศสหราชอาณาจักรก็ใช้กล้องอินฟราเรดเพื่อช่วยดูทิศทางที่จอห์นควรจะบิน
2
นักบินเฮลิคอปเตอร์จะช่วยบอกจอห์นอีกทีว่าเขาอยู่สูงไปหรือต่ำไปจากรันเวย์เวลาลงสนาม รวมถึงช่วยดูความเร็วของเครื่องบินได้อีกด้วย
บัดนี้ความมืดเริ่มเข้าครอบงำไปทั่วท้องฟ้า ปัญหาที่ตามมาเพิ่มเติมคือจอห์นเปิดไฟในเครื่องบินไม่เป็น เขามองไม่เห็นเครื่องวัดประกอบการบินและหน้าปัดเครื่องวัดใดๆ อีกต่อไป
6
รอย เมอร์เรย์ พยายามบอกตำแหน่งของไฟในห้องนักบิน แต่จอห์นหาไม่เจอ
“ฉันนั่งอยู่ที่นั่งP2”
จอห์นบอกกับรอย
“คุณนั่งอยู่ที่นั่งขวาใช่ไหม?”
รอยถามเขา
“ใช่แล้ว ฉันไม่ใช่นักบิน และตอนนี้นักบินก็ตายแล้ว”
จอห์นบอกกับรอย เขาจับชีพจรที่เพื่อนเขาอีกรอบ ตอนนี้คนที่นั่งอยู่ข้างเขาไม่มีชีวิตอีกต่อไปแล้ว
“โอ้พระเจ้าช่วย”
นักบินเฮลิคอปเตอร์เผลออุทานออกมา
1
แม้ว่ามันจะดูวิกฤติขนาดไหน แต่จอห์นรู้ว่าเขาจะต้องสงบสติอารมณ์ให้มากที่สุด มิเช่นนั้นเขาจะสูญเสียทุกอย่าง ถ้าเขาตื่นตระหนกเขาจะต้องโหม่งเข้ากับพื้นโลกอย่างแน่นอน
1
“ฉันยังอยากจะมีชีวิตอยู่”
ในที่สุดเวลา 18.56 น.
40 นาทีหลังจากจอห์นบินด้วยตัวคนเดียว ก็ได้เวลาลดระดับความสูงเพื่อทำการลงสนาม จอห์นผ่อนคันเร่งพร้อมกับโน้มหัวเครื่องบินลงมาอย่างช้าๆ ตามคำบอกของรอย เมอร์เรย์ ครูการบิน และเฮลิคอปเตอร์ที่ส่องดูด้วยกล้องอินฟราเรดอย่างใกล้ชิด
สนามบินฮัมเบอร์ไซด์มี 2 รันเวย์ คือรันเวย์สั้นและรันเวย์ยาว ทิศทางลมในตอนนั้นรันเวย์สั้นจะอยู่ในทิศต้านลม ทำให้การลงสนามทำได้ง่ายกว่ารันเวย์ยาวที่มีลมขวางสนาม จอห์นจึงถูกสั่งให้บินตามคำบอกเพื่อไปลงยังรันเวย์สั้นในทีแรก
สนามบินฮัมเบอร์ไซด์ที่มี 2 รันเวย์ คือรันเวย์สั้นและรันเวย์ยาว
แต่ด้วยความมืดประกอบกับรันเวย์สั้นที่ไม่มีไฟส่องสว่าง มันทำให้จอห์นมองรันเวย์ไม่ออก หลังจากร่อนลงมาได้สักพัก เขาก็เร่งเครื่องยนต์และไต่ขึ้นไปอีกรอบทันที ความพยายามลงสนามครั้งแรกเป็นไปด้วยความล้มเหลว
การบังคับเครื่องบินให้บินในอากาศก็เป็นสิ่งหนึ่งที่ต้องใช้ทักษะและชั่วโมงบิน แต่การนำเครื่องบินลงสนามตอนกลางคืนนั้น มันเป็นเรื่องที่แตกต่างกันโดยสิ้นเชิง มันยิ่งต้องใช้ประสบการณ์และชั่วโมงบินที่มากกว่านั้นหลายเท่าตัว
ยิ่งไปกว่านั้นในเชิงของการบิน มันแทบเป็นไปไม่ได้เลยที่จะบินเครื่องบินตอนกลางคืนโดยที่มองไม่เห็นเครื่องวัดประกอบการบินข้างในเลย มันเป็นเรื่องที่อันตรายอย่างมาก
และการที่มองไม่เห็นอะไรข้างในมันก็เริ่มส่งผลร้ายตามมา ทันทีที่จอห์นพยายามดึงคันบังคับเพื่อเลี้ยวซ้าย เครื่องบินก็เกิดอาการร่วงหล่นทันที มันคืออาการที่เครื่องบินสูญเสียแรงยก จากการที่มีความเร็วต่ำเกินไป ประกอบกับการหลงทิศทางการบินเนื่องจากมองไม่เห็นเครื่องวัดท่าทางการบิน
1
เครื่องบินร่วงหล่นจากระดับ 1,500 ฟุต
สู่ 800 ฟุตอย่างรวดเร็ว
เฮลิคอปเตอร์พยายามเตือนจอห์น
จอห์นมองเห็นไฟด้านล่างหมุนติ้วอยู่ด้านหน้า
เขารวบรวมสติ เร่งเครื่องยนต์เครื่องบิน จนในที่สุดเครื่องบินก็กลับมาสู่สภาวะปกติ
จอห์นรู้สึกหลงทิศทาง เขามองดูรันเวย์ไม่ออก ไม่รู้ความเร็วของมัน จอห์นคิดว่าเขาทำมันไม่ได้อีกต่อไปแล้ว เขาสบถและสาปแช่งตัวเอง
หลังจากรอย เมอร์เรย์และนักบินเฮลิคอปเตอร์พยายามให้กำลังใจและคุยปรับความเข้าใจกันอีกรอบ จอห์นก็ถูกสั่งให้เปลี่ยนไปลงสนามบนรันเวย์ยาวแทน เนื่องจากรันเวย์ยาวมีไฟสนามบินที่ช่วยในการลงสนามตอนกลางคืนแม้ว่าจะมีลมขวางสนามก็ตาม
1
ตอนนี้แม้ความมืดจะครอบงำท้องฟ้าจนมืดสนิทเรียบร้อย แต่จอห์นเห็นรันเวย์ยาวที่มีไฟส่องสว่างอย่างชัดเจน รอย เมอร์เรย์พยายามสอนจอห์นให้ดูไฟ PAPI ที่รันเวย์
ถ้าจอห์นเห็นไฟ PAPI ทั้ง4ดวงเป็นสีขาว
นั่นหมายความว่าเขาอยู่สูงเกินไป
ถ้าเขาเห็นไฟ PAPI ทั้ง4ดวงเป็นสีแดง
นั่นหมายความว่าเขาอยู่ต่ำเกินไป
แต่ถ้าเขาเห็นไฟ PAPI เป็นสีแดง 2 ดวงและสีขาว 2 ดวง นั่นหมายความว่าเขาอยู่ในตำแหน่งที่พอดีแล้ว
1
ภาพของไฟ PAPI ถ้าจอห์นเห็นไฟ PAPI ทั้ง4ดวงเป็นสีขาว นั่นหมายถึงว่าเขาอยู่สูงเกินไป ถ้าเขาเห็นไฟ PAPI ทั้ง4ดวงเป็นสีแดง นั่นหมายถึงว่าเขาอยู่ต่ำเกินไป แต่ถ้าเขาเห็นไฟ PAPI เป็นสีแดง 2 ดวงและสีขาว 2 ดวง นั่นหมายถึงว่าเขาอยู่ในตำแหน่งที่พอดีแล้ว
จอห์นพร้อมแล้วที่จะพยายามลงสนามเป็นครั้งที่สอง เขานำเครื่องบินหันไปทางรันเวย์ รอยถามจอห์นว่าเห็นไฟสีอะไร จอห์นบอกเห็นไฟ PAPI ทั้ง4ดวงเป็นสีขาว
เขามาสูงมากเกินไป
รอยบอกให้จอห์นลดกำลังเครื่องยนต์ แต่ตอนนี้มันสูงเกินไปที่จะลงสนามได้แล้ว จอห์นคิดว่าเขาลงได้ เขาพยายามเอาหัวเครื่องบินชี้ไปที่รันเวย์ แม้เฮลิคอปเตอร์จะเตือนจอห์นว่าเขามาสูงเกินไปก็ตาม
ถ้าปล่อยไว้แบบนี้เครื่องบินจะมาด้วยความเร็วสูง และพุ่งชนเข้ากับรันเวย์อย่างรุนแรงแน่นอน
ในที่สุดหอบังคับการบินก็บอกให้จอห์นเร่งเครื่องยนต์และไต่ขึ้นไปอีกครั้ง
ความพยายามลงสนามครั้งที่สองล้มเหลว
ภาพจริงจากกล้องอินฟราเรดบนเฮลิคอปเตอร์ ขณะช่วยเหลือจอห์น
เป็นเวลา 60 นาทีแล้วที่จอห์นบินเครื่องบิน
แม้เขาจะเริ่มเหนื่อยและล้ามากขึ้นเรื่อยๆ แต่เขาก็ยังสามารถเล่นมุกตลกกับคนอื่นเพื่อลดความตึงเครียดของตนเองได้อยู่เสมอ จนหนึ่งในนักบินเฮลิคอปเตอร์ถึงกลับแปลกว่าทำไมจอห์นถึงควบคุมสติของตนเองได้ดีแบบนี้ ถ้าเป็นคนอื่นอาจสติแตกไปแล้ว
1
จอห์นพยายามลงสนามครั้งที่สาม
ครั้งนี้รอยละนักบินเฮลิคอปเตอร์พยายามให้จอห์นมาต่ำและช้ากว่าในครั้งก่อนหน้า แต่ในครั้งนี้จอห์นกลับกดเครื่องบินให้ต่ำกว่าเดิมเยอะมาก จนมุมของเครื่องบินแทบจะพุ่งเข้าไปที่ถนนก่อนถึงรันเวย์
เครื่องบินสูญเสียความสูงอย่างรวดเร็ว
“เร่งเครื่องๆ”
รอยบอกกับจอห์นทันที
กว่าจอห์นจะรู้ตัว เขาก็เห็นเครื่องบินอยู่ใกล้กับพื้นดินก่อนถึงรันเวย์ในระยะที่ใกล้มาก จอห์นตกใจและเร่งเครื่องยนต์ไต่ขึ้นด้านบนทันที
ความพยายามลงสนามครั้งที่สามไม่สำเร็จ
เวลาเริ่มหมดลงไปเรื่อยๆ
น้ำมันบนเครื่องบินที่ไม่รู้ว่าจะหมดเมื่อไหร่
สภาพร่างกายและความล้าที่หมดลงเรื่อยๆ
ยิ่งปล่อยไว้นานเท่าใด ความอันตรายจะยิ่งทวีคูณมากขึ้น
ขอให้ความพยายามครั้งที่ 4 นี้ เป็นครั้งสุดท้ายเสียที
ในที่สุดจอห์นก็ทำมันได้แล้ว เขาบินมาแนวร่อนที่รันเวย์ เห็นไฟ PAPI เป็นสีแดง 2 ดวงและสีขาว 2 ดวง
ด้วยความเร็วที่พอดี และมุมร่อนที่ดี
ไม่มีโอกาสครั้งไหนดีไปกว่าครั้งนี้แล้ว
จอห์นบินมาถึงจุดสุดท้ายก่อนถึงรันเวย์
“คุณดูดีมาก เอาเลยลูก”
รอยให้กำลังใจกับจอห์นเป็นครั้งสุดท้าย
ภาพจากเฮลิคอปเตอร์ ขณะจอห์นกำลังลงสนามบิน
ล้อของเครื่องบินกระทบกับรันเวย์อย่างรุนแรง
มันกระเด้งอยู่หลายครั้งพร้อมกับประกายไฟที่แลบออกมา เครื่องบินไถลออกไปยังสนามหญ้าด้านข้างรันเวย์
จอห์นพยายามเบรกมันจนสุดท้ายเครื่องบินก็หยุดนิ่ง
รถพยาบาลและรถดับเพลิงที่รออยู่แล้ววิ่งเข้าไปหาเครื่องบินทันที จอห์นก้าวออกมาจากเครื่องบินโดยที่ไม่ได้รับบาดเจ็บอะไร มีเพียงขาของเขาที่สั่นเทาอยู่ตลอดเวลา
เสียงโห่ร้องดีใจดังไปทั่วอาคารหอบังคับการบิน ผู้คนต่างปรบมือและจับมือกันถึงความสำเร็จในการนำจอห์นลงมาอย่างปลอดภัย
1
จอห์น ไวลดีย์
ทีมแพทย์พบว่านักบินเพื่อนของจอห์นเสียชีวิตตั้งแต่อยู่บนเครื่องบินจากสาเหตุทางธรรมชาติซึ่งขอปกปิดไว้จากเหตุผลส่วนตัวของครอบครัวผู้เสียชีวิต ถ้าไม่ได้เพื่อนคนนี้ที่คอยอธิบายเรื่องการบินมาตลอดทุกครั้งที่จอห์นนั่งเครื่องบินมาด้วย จอห์นก็คงไม่อาจรอดชีวิตกลับมาด้วยเช่นกัน
สองสัปดาห์หลังจากเกิดเหตุ
จอห์นตัดสินใจไปเรียนขับเครื่องบินครั้งแรก
ทั้งจอห์น รอย เมอร์เรย์ และนักบินเฮลิคอปเตอร์ ได้กลับมาพบกันอีกครั้ง จอห์นรู้สึกขอบคุณพวกเขาและทีมงานช่วยเหลือทุกคนเป็นอย่างมาก มันคือการช่วยเหลือในสถานการณ์ที่แทบไม่เคยเกิดขึ้นมาก่อนในประวัติศาสตร์ เรื่องราวของจอห์นถูกถ่ายทอดลงในสารคดี MAYDAY: THE PASSENGER WHO LANDED A PLANE
2
จอห์น ไวลดีย์ ถ่ายกับทีมนักบินเฮลิคอปเตอร์แบบ WS-61 Sea King ของกองทัพอากาศสหราชอาณาจักรที่ช่วยเหลือเขาไว้ในวันนั้น
บทความโดย : I’m from Andromeda
ขอสงวนสิทธิ์การนำบทความไปใช้โดยไม่ได้รับอนุญาต
แหล่งข้อมูล :
สารคดี MAYDAY: THE PASSENGER WHO LANDED A PLANE โดย ARROW PICTURES
โฆษณา