2 มิ.ย. 2021 เวลา 05:33 • ไลฟ์สไตล์
บทที่ 50 เรารู้จักกันหรือยังนะ ? แนะนำตัว เจ้าของเพจ วันนั้นเจอนี่
สวัสดีค่ะคุณผู้อ่านที่รัก
เพจ "วันนั้นเจอนี่" ได้ดำเนินมาถึงบทที่ 50 แล้วกับผู้ติดตามที่รักเกือบ ๆ 1,000 ท่านแล้วนะคะ ที่ใช้คำว่าเกือบ ๆ เพราะยังไม่ถึงดี ใครที่รู้ตัวว่ายังไม่ได้กดติดตามก็ขอความกรุณากดให้ก่อนที่จะกลับมาอ่านใหม่นะคะ 😆😆 พูดเล่นค่ะ กดหรือไม่กดก็อ่านได้ทุกคนค่ะ
7
มาถึงบทที่ 50 แล้ว เพิ่งนึกขึ้นได้ว่า ยังไม่เคยแนะนำตัวกันอย่างเป็นทางการซะที มีผู้อ่านบางท่านก็น่าร้าก-น่ารัก ไปสืบรู้ชื่อได้อีก ขอปรบมือรัวค่ะ
2
เอาเป็นว่าจะขออนุญาตแนะนำตัวเองในฐานะนักเขียน BD อย่างเป็นทางการในบทที่ 50 นี้ก็แล้วกันนะคะ
คำว่า "นักเขียน" ในความหมายของตัวฉันเอง คือ ผู้ที่เขียนบทความหรือเรื่องราวและมีการตีพิมพ์ออกมาเป็นหนังสือเล่ม มีสำนักพิมพ์ บ.ก. พิสูจน์อักษร โรงพิมพ์ สายส่ง จนถึงผู้อ่าน ดูแล้วซับซ้อนวุ่นวายจนเอื้อมไม่ถึง
3
ฉันเกิดมาในยุคที่การเขียนเป็นแบบนั้นจริง ๆ จึงทำให้มีความคิดมาตลอดว่า ตัวเองช่างห่างไกลกับคำว่า "นักเขียน" เสียเหลือเกิน ทั้ง ๆ ที่ ถ้าย้อนอดีตกันจริง ๆ แล้ว ฉันมีความผูกพันกับวงการหนังสือและนักเขียนมาตั้งแต่เด็ก หรืออาจเรียกว่า "บอร์น ทู บี" ก็ไม่ผิดนัก
2
เริ่มจาก คุณแม่ของฉันเป็นครูภาษาไทยค่ะ และแถมยังเป็นนักกลอนสำนวนชั้นครูอีกด้วย ทั้งโคลง ฉันท์ กาพย์ กลอน แม่เขียนได้หมดจดงดงาม จนได้รับรางวัลระดับประเทศ
4
ถึงแม้ว่าจะไม่เคยได้เรียนกับแม่โดยตรง แต่การที่เราอยู่กับคนที่ใช้ภาษาไทยได้ดีแบบไม่มีผิดเพี้ยน นั่นถือเป็นหยดน้ำนำร่องได้เป็นอย่างดี
1
โชคชั้น 2 มีคุณลุงข้างบ้านเป็นกวีรางวัลซีไรซ์ และศิลปินแห่งชาติ สาขาวรรณศิลป์ แม้ไม่เอ่ยชื่อก็คงจะพอจะเดาชื่อกันออกนะคะ คุณลุงอยู่บ้านเรือนไทยที่เปิดห้องหนึ่งเป็นห้องสมุดให้เด็ก ๆ และคนย่านนั้นเข้าไปหาหนังสืออ่านกันได้สบายใจ เลยทำให้ฉันได้รู้จักหนังสือมากมาย และยังได้ฟังสำนวนกลอนสดของคุณลุงบ่อย ๆ
8
ตอนเรียนชั้นมัธยม 5 ได้มีโอกาสเป็นตัวแทนของโรงเรียน ส่งหนังสือนิทานเข้าประกวดในงานสัปดาห์หนังสือแห่งชาติ ได้รับรางวัลที่ 2 มาครอง แต่ไม่ได้ตีพิมพ์ เพราะรางวัลตีพิมพ์เป็นของเล่มที่ได้ที่ 1 เท่านั้น (ที่ 2 โลกไม่จำ 😓)
2
จนมาได้ทำงานเขียนแบบจริงจังได้สตางค์จริง ๆ ก็ตอนเรียนอยู่มหาวิทยาลัยปี 1 ที่ภาควิชาภาษาไทย คณะมนุษยศาสตร์และสังคมศาสตร์ มหาวิทยาลัยขอนแก่น
4
เรื่องเกิดขึ้นเมื่อ มีเพื่อนรุ่นพี่ที่รู้จักกันส่งงานให้ทำ เป็นงานเขียนสารคดีวิทยุเพื่อออกอากาศทางสถานีวิทยุที่มีชื่อเสียงอันดับต้น ๆ ของประเทศไทยในเวลานั้นเลยทีเดียว
การรับงานแบบนี้ มีศัพท์ที่เรียกกันในตอนนั้นว่า "ฝิ่น" คืองานพิเศษที่จะให้เจ้านายรู้ไม่ได้ว่าเรารับงานที่อื่นมาทำด้วย แม้ว่าเราจะทำในวันหยุดก็ตาม ไม่ใช่งานผิดกฏหมายนะ งานสุจริตทั่วไปนี่แหละ แต่ถ้าเป็นงานที่นอกเหนือจากงานประจำ จะเรียกว่า "งานฝิ่น"
1
เพื่อนรุ่นพี่คนนั้นรับงานฝิ่นมาแล้วทำไม่ทัน เลยมาบังคับให้ฉันทำต่ออีกที เป็นสารคดีวิทยุความยาวตอนละ 3 นาที จำได้ว่าตอนนั้น ต้องเอากระดาษขนาด A 4 มาตัดครึ่ง แล้วเขียนด้วยลายมือ เว้นหัวท้ายกระดาษความกว้างประมาณ 1 นิ้ว จะได้ปริมาณของคำที่พอดีกับการอ่านในเวลา 3 นาที
ตอนแรกก็ไม่คิดจะทำหรอก แต่เพราะโดนรุ่นพี่ชักชวนกึ่งบังคับเลยต้องรับมา ได้ค่าจ้างตอนละ 50 บาท กับบทสารคดีความยาวไม่ถึงครึ่งหน้า A 4 โอ้วววว หรูหราไม่น้อยเลยนะ นี่คือเรทราคาเมื่อ 30 ปีที่แล้วนะจ๊ะ และเพราะเงินค่าจ้างนี่แหละที่ทำให้ฉันเริ่มรับฝิ่นเป็นงานหลักไปพร้อม ๆ กับการเรียนเป็นงานรองตั้งแต่นั้นเป็นต้นมา
3
เมื่อเขียนสารคดีให้กับรายการวิทยุในกรุงเทพแล้ว ก็เริ่มขยับไปหางานกับสถานีวิทยุในจังหวัดขอนแก่น ก็ไปได้งานเขียนบทละครและสารคดีให้กับรายการวิทยุชื่อดังแห่งหนึ่งในจังหวัดขอนแก่นอีก
2
บทละครนิทานทางวิทยุของฉันมี FC แม่ค้าในตลาดขอนแก่นติดกันงอมแงม
2
สรุป 4 ปีในชีวิตนักศึกษามหาวิทยาลัย ฉันทำงานเป็นหลัก และเรียนเป็นรองประคองคู่จนจบการศึกษาเลยทีเดียว
3
หลังจากเรียนจบแล้วก็กลับบ้านที่กรุงเทพ เข้าทำงานในวงการทั้งวิทยุและโทรทัศน์ ในตำแหน่งครีเอทีฟ แต่งานหลักของฉันจริง ๆ ก็คือ "งานเขียน" นั่นเอง
1
จนชีวิตผกผันต้องย้ายไปอยู่เมืองนอก เมืองเมลเบิร์น ประเทศออสเตรเลีย เมื่อ 15 ปีมาแล้ว นั่นเป็นครั้งแรกที่ฉันเปลี่ยนแนวการทำงาน หันไปทำธุรกิจส่วนตัว และการเขียนก็เริ่มเลือนลางหายไป แต่ก็ยังไม่วายเขียนบันทึกลงเฟซบุ๊ก มีผู้ตามติดซีรีส์ของฉันอยู่ไม่น้อยเหมือนกัน
จนเมื่อไม่นานมานี้เอง มีเพื่อนหญิง 2 คนที่รู้จักกันทางออนไลน์ มาฉุดกระชากลากถูให้ฉันไปลงเรียนออนไลน์คอร์สการเขียน Food Blogger
1
บอกตรง ๆ ว่าตอนแรกไม่สนใจเลย Food Blogger คืออะไร ? เดาว่าน่าจะเป็นการเขียนเกี่ยวกับอาหาร โอ้ย...ฉันทำอาหารได้อยู่แค่ 4 - 5 อย่าง จะเอาอะไรไปเขียน ไม่เอาดีกว่า
แต่อีกใจนึงก็มีความอยากเผือก เพราะ 2 คนนั่นเขาเรียน แล้วเขาก็มาซุบซิบกันว่าดีอย่างโน้น ดีอย่างนี้ ไอ้เราก็เลยเกิดอาการที่ว่า "คุยกะเขาไม่รู้เรื่อง" ก็เลยคิดแบบว่า ลงเรียนก็ได้ฟระ ค่าเรียนก็เบา ๆ พรุ่งนี้จะได้มีเรื่องคุยกับเขาได้
1
คอร์สเรียนที่ว่านี้ เป็นคอร์สเวิร์กชอปออนไลน์ ผู้สอนคือ อาจารย์พี่ลักขณา ที่เรียกอาจารย์เพราะท่านมีวิทยฐานะเป็นอาจารย์มหาวิทยาลัยจริง ๆ และที่เรียกพี่เพราะพี่ลักษณ์เป็นรุ่นพี่ของฉันที่มหาวิทยาลัยขอนแก่นจริง ๆ อีกด้วย โอ้ย โลกมันจะกลมอะไรขนาดนี้
3
ในคอร์ส พี่ลักษณ์หรืออาจารย์ลักษณ์จะไลฟ์สอนในกลุ่ม Zoom และให้การบ้าน ให้เขียนงานใน Google Docs โอ้ย ! งงละสิ ไม่ใช่คุณผู้อ่านงงนะคะ ฉันเองนี่ละที่งง ไม่เคยรู้จักมาก่อนว่า Google Docs คืออะไร ? และเมื่อเขียนงานเสร็จก็จะแชร์ไปให้อาจารย์ตรวจได้เลย
2
การบ้านชิ้นแรก อาจารย์คอมเมนต์กลับมาว่า "สั้นไป" เพราะโจทย์คือบทความยาว 3,000 อักขระ โอ้ย ตาย ๆ ๆ ๆ จะให้นับยังไง ก็มาได้เพื่อนในกลุ่มที่เรียนด้วยกันนี่แหละ บอกว่าป้า ๆ Google Docs มันนับคำให้ด้วยนะป้า กดตรงปุ่มด้านขวาบน อ้าวเหรอ ? ป้าไม่เคยรู้มาก่อน ก็ป้าเคยเขียนแต่แบบกะเอาจากหน้ากระดาษนี่นา 😆
1
พอส่งบทความที่ 2 คราวนี้อาจารย์คอมเมนต์กลับมาว่า "เขียนดีมาก ฟื้นตัวเร็วมาก" และไม่สั้นเกินไปอีกแล้วนะ เพราะฉันรู้แล้วว่านับอักขระยังไงนะสิ คริ ๆ
บรรยากาศในห้องเรียน Zoom ก็สนุกสนาน อาจารย์สอนเต็มที่ ให้ความรู้แบบไม่มีกั๊ก นักเรียนที่มาจากหลากหลายอาชีพ หลากหลายความสนใจ ก็เรียนกันเต็มที่ และหัวเราะกันเต็มที่เช่นกัน
3
จากนั้น การเขียนของฉันก็กลับมาสนุกมีชีวิตชีวาอีกครั้งหนึ่ง อาจารย์ลักษณ์พาไปรู้จักกับงานเขียนออนไลน์ประเภทต่าง ๆ แพลตฟอร์มต่าง ๆ ที่ฉันไม่เคยรู้จักมาก่อน ในระยะ 15 ปีที่ห่างหายไป ฉันพลาดอะไรไปเยอะเลยเหมือนกัน
1
คอร์ส Food Blogger ไม่ได้สอนให้ไปเขียนบทความเรื่องอาหารแต่เพียงอย่างเดียว แต่เป็นคอร์สที่นำการเขียนเรื่องอาหารมาเป็นหัวข้อในการฝึก และนำไปต่อยอดด้านอื่น ๆ ตามความสนใจของแต่ละคน
3
จากคอร์ส Food Blogger นี้ ทำให้ความฝันที่อยากจะเป็นนักเขียนของฉันกลับมามีประกายอีกครั้ง แต่เป็นในรูปแบบที่ทันสมัยเข้ากับปัจจุบันมากขึ้น
ตอนนี้ ฉันได้เขียน E-Book เป็นของตัวเองแล้ว และเริ่มวางโครงเรื่องเขียนต่ออีกหลายเล่ม ซึ่งเนื้อหาไม่ได้เกี่ยวกับอาหารเลยสักนิด ขอฝาก E-Book เที่ยวเมลเบิร์นไว้ในอ้อมใจคุณผู้อ่านด้วยนะคะ
2
นอกจากนี้ก็มี Blog ท่องเที่ยวที่จะพาคุณหลงไปด้วยกัน
นอกเหนือไปจากนี้ก็คือการเข้าไปฝึกฝีมือเขียนในสังเวียนแพลตฟอร์มต่าง ๆ รวมถึงที่เพจบล็อกดิทนี้ด้วย
ที่เหลามา ไม่ได้มาโฆษณาขายคอร์ส เพราะอาจารย์อินดี้มาก ๆ คนสมัครเรียนไม่ถูกที่ถูกเวลา เจ้ก็ไม่รับซะงั้น ในขณะที่ฉันและเพื่อนร่วมแก๊งตั้งแต่ต้น สมัครคอร์สเดียว ที่เหลือเรียนฟรีจนข้ามปีกันแล้วเนี่ย อันนี้ก็แล้วแต่บุญใครทำมาแค่ไหนเลยค่ะ
3
อาจารย์พี่ลักษณ์มีเพจที่นี่ด้วยนะคะ ไปติดตามกันได้ โชคดี เข้าถูกที่ถูกเวลาก็อาจจะได้เป็นลูกศิษย์และรับของแถมมูลค่า 1.5 ล้านบาทอย่างที่มีคนได้มาแล้วก็ได้ โอ้ววว พระเจ้าจอร์จ ของถูกและดีมันมีอยู่จริง
ไปติดตามอาจารย์ลักษณ์กันไว้นะคะ ในเพจมีความรู้เกี่ยวกับการหารายได้กรุบกริบจากการเขียนมากมายเลยค่ะ
2
สรุปที่เหลามาทั้งหมด ฉันได้แนะนำตัวเองหรือยังนะ ? ยังนะสิ !!! งั้นขอแนะนำสั้น ๆ ชื่อยุ้ยค่ะ และมีคำว่าป้าเป็นคำนำหน้าฉายาในวงการ เขาเรียกฉันว่า "ป้ายุ้ย" ค่ะ หรือจะเรียกอะไรก็ได้ตามใจเลยค่ะ
1
วันนี้ ฉันดีใจมากที่ได้กลับมา (เขียน) อีกครั้งหนึ่งแล้วววววววว และรับเขียนงานด้วยนะ ไม่ต้องเป็นงาน "ฝิ่น" เพราะฉันรู้วิธีเขียนให้เป็นเจ้านายของตัวเองแล้ว และสนุกกับการเขียนในทุก ๆ วันค่ะ
2
ขอบคุณกำลังใจที่มีให้กันมา ตั้งแต่บทแรก จนมาถึงบทที่ 50 บทนี้นะคะ รักป้ายุ้ยน้อย ๆ แต่รักป้ายุ้ยนาน ๆ (สำนวนพี่เป้าก็มา) อยู่อ่านกันไปยาว ๆ นะคะ ขอบคุณค่ะ (ไหว้ย่อนางงามค่ะ)
1
# ผู้เขียน
เกิดกรุงเทพ เติบโตริมคลองแสนแสบที่ฉะเชิงเทรา จบการศึกษาจากขอนแก่น แล้วกลับไปทำงานที่กรุงเทพ ปัจจุบันอยู่บ้านเล็ก ๆ ในป่ากัมที่ประเทศออสเตรเลีย
เรียนและรักษ์ภาษาไทย ชอบออกไปดู ไปดม ไปชมโลก ด้วยความหลงใหลแล้วนำกลับมาเล่า
โฆษณา