ผมเป็นคนที่ไม่ค่อยปล่อยวาง
เวลาเจอเรื่องที่ไม่พอใจหรือว่าเสียใจ
ก็จะย้ำคิดย้ำทำอยู่ตลอดเวลา
ติดอยู่ในความคิดอยู่บ่อยๆ
.
ระยะหลังๆ เวลาผมเครียด
ผมจึงเลือกจัดระเบียบบ้านครับ
เป็นกิจกรรมที่ไม่ต้องเสียเงิน
.
มีแค่เพียงใช้เวลากับตัวเอง
การทิ้งของแล้วก็เลือกเก็บของบางอย่าง
ทำให้เราเรียนรู้ว่า สิ่งไหนควรเก็บ
สิ่งไหนต้องปล่อยไป
.
แล้วเมื่อเราฝึกฝนผ่านการทิ้ง
สิ่งของที่เป็นรูปธรรม เช่น เสื้อผ้า เอกสาร
.
เราก็จะเริ่มเรียนรู้ถึงการค่อยๆปล่อยวางความรู้สึก ที่เป็นเรื่องราวนามธรรมได้ดียิ่งขึ้นด้วย
==========
ในสารคดี netflix เรื่อง Tidying up with Marie Kondo ตอน sparking Joy after a loss
.
บอกเล่าเรื่องราวของคุณป้ามาร์กี้
ที่สูญเสียสามีเมื่อ 9 เดือนก่อน
เธออยู่ในบ้านตามลำพัง
โดยที่ลูกๆของเธอ 3 คนต่างแยกย้ายกันไปมีครอบครัว
.
ปัญหาคือความรู้สึกในใจ ที่ทำให้เธอยัง Move on ต่อไปไม่ได้
ไม่สามารถที่จะดำเนินชีวิตไปข้างหน้าด้วยความสบายใจและไม่เจ็บปวดกับความทรงจำ
.
เธอยังรู้สึกเสียใจและไม่กล้าทิ้งของของสามีออกไปเพราะคือความทรงจำดีๆในชีวิต
ทุกครั้งที่เห็นทำให้เธอเศร้า
.
ป้ามาร์กี้เชื่อว่าความสงบสุขและความอบอุ่น
ที่มองหาอยู่นั้น คงจะไม่เจอแน่
ตราบใดที่ยังมีข้าวของเหล่านี้อยู่
.
คนโด มาริเอะ นักจัดระเบียบบ้านชาวญี่ปุ่น
เธอเดินทางมาช่วยเหลือจัดบ้านครั้งนี้
มาริเอะเล่าว่าการจัดบ้านช่วยคลายความเจ็บปวดในอดีตได้และช่วยทำให้เริ่มคิดถึงอนาคตในเชิงบวกมากยิ่งขึ้น
.
ในหนังสือ "ชีวิตดีขึ้นทุกๆด้านด้วยการจัดบ้านแค่ครั้งเดียว" บอกเล่าถึงวิธีการจัดบ้านแบบ konmari เอาไว้ว่า การจัดระเบียบบ้านจำเป็นจะต้องเรียงลำดับจากสิ่งของโดยเรียงจาก เสื้อผ้า หนังสือเอกสาร ของใช้จิปาถะ และของที่มีคุณค่าทางจิตใจเป็นหมวดหมู่สุดท้าย
.
เหตุผลที่ให้เรียงลำดับ เพื่อให้ได้ฝึกฝนและขัดเกลาสัญชาตญาณในการคัดสรรสิ่งของ
.
การที่คุณกระโดดไปทิ้งข้าวของที่มีคุณค่าทางจิตใจ เช่น รูปภาพ จดหมายรัก
หรือข้าวของของคนรัก
เป็นเรื่องที่ทำได้ยากมากๆ
คุณจึงจำเป็นฝึกฝนจากสิ่งของใกล้ตัวก่อน
.
คุณป้ามาร์กี้ได้ฝึกฝนตามลำดับ
เริ่มต้นจากการจัดตู้เสื้อผ้า
คัดสรรเสื้อผ้าของตัวเองก่อน
และนำเครื่องแต่งกายของสามี
ไปอยู่ในหมวดสุดท้าย
.
วันที่เธอค่อยๆหยิบเสื้อผ้าสามีมาคัดสรร
เธอรู้สึกใจหาย
เสื้อผ้า รองเท้า บอกเล่าเรื่องราวหรือประสบการณ์ที่เธอกับคนรักนั้นใช้ร่วมกัน
จนเมื่อเธอมองเห็นตู้เสื้อผ้าที่ว่างเปล่า
ภาพนั้นบีบหัวใจเธออย่างมาก
เธอยอมรับว่า
สามีของเธอไม่ได้อยู่ที่นี่อีกต่อไปแล้ว
.
เธอคัดและเก็บเสื้อผ้าของสามีอย่างทะนุถนอม
ก่อนตัดสินใจนำเสื้อที่คัดทิ้งไปบริจาคให้กับองค์กรการกุศลที่นำเสื้อผ้ามือสองไปขายเพื่อหารายได้
เธอเชื่อว่าข้าวของทุกชิ้นได้เดินทาง
เพื่อทำประโยชน์ให้แก่คนอื่นๆ ด้วย
.
เมื่อกลับมาเห็นบ้านที่ว่าง
เธอสัมผัสได้ถึงความสบายใจ
ตอนนี้ เธอใช้ชีวิตต่อไปได้
โดยที่ยังรักษาความทรงจำดีๆ เอาไว้
=========
สิ่งที่ได้เรียนรู้จากเรื่องนี้คือ
1. การจัดระเบียบบ้านคือการฝึกฝนนิสัยการคัดสรร
.
คุณควรเริ่มจากสิ่งของที่อิงกับความรู้สึกน้อยที่สุดก่อน เช่น เสื้อผ้า หนังสือ
จนเมื่อถึงของที่มีคุณค่าทางใจ
คุณก็จะมีความชำนาญ
และมีประสบการณ์กล้าตัดสินใจดีด้วย
.
2. เราควรเลือกเก็บสิ่งของที่มอบความสุข
.
แม้ว่าของแทนใจคนรักที่จากไปจะมีคุณค่า
แต่ถ้าเราเห็นแล้วรู้สึกทุกข์
ก็ควรส่งต่อหรือบริจาค
อย่างน้อยยังมีคุณค่าสำหรับคนอื่น
.
เราควรเลือกเก็บสิ่งของที่ยังมอบความหวัง
ความสุขและความทรงจำดีๆ
ที่ทำให้เราใช้ชีวิตต่อไปได้แทนจะดีกว่า
.
และนี่ก็เป็นข้อคิดง่ายๆ
ที่ทำให้ชีวิตคุณดีขึ้น
ผ่านการเปลี่ยนความคิด
และข้าวของในบ้านของคุณ