โดยหลักการในการฝึก EF มีดังนี้
1. ตั้งเป้าหมายกิจกรรมให้ชัดเจน (Clear goal setting) : EF จะใช้งานได้ต้องมีเป้าหมาย โดยเป้าหมายจะนำมาซึ่งวิธีการ ดังนั้นพ่อแม่ควรให้คำอธิบายให้ชัดเจนกับเด็ก ว่าต้องการให้ทำอะไร เป้าหมายคืออะไร ทำไปเพื่ออะไร
2. กิจกรรมสอดคล้องกับพัฒนาการปัจจุบันของเด็ก : การฝึก EF ควรล้อไปกับพัฒนาการของเด็กด้วย หากกิจกรรมยากเกินพัฒนาการของเด็ก เด็กก็จะไม่สามารถทำได้ จึงควรคำนึงถึงอายุด้วย
3. เน้นกิจกรรมใหม่ๆ สถานการณ์ใหม่ๆ : EF จะพัฒนาได้ดีเมื่อเป็นกิจกรรมใหม่ ๆ ที่ต้องเกิดการเรียนรู้ไม่ใช่กิจกรรมที่ทำได้อยู่แล้ว เช่น การฝึกปั่นจักยานครั้งแรกที่จะยากเสมอ แต่พอปั่นได้แล้วก็ไม่ท้าทายอีกต่อไป
4. จัดสภาพแวดล้อม อุปกรณ์ให้เด็กได้เลือกและตัดสินใจ : การมีตัวเลือกทางเลือก เด็กจะได้ฝึกการคิดนอกกรอบ ได้ตัดสินใจด้วยตนเอง เช่น สนามเด็กเล่นหรือบ้านบอลที่มีเครื่องเล่นมากมายให้เลือก
5. ให้เด็กลงมือทำเอง : การลงมือทำเองเด็กจะได้ฝึกการแก้ไขปัญหาโดยการทดลองด้วยวิธีต่าง ๆ ตราบเท่าที่เด็กจะคิดได้เพื่อให้ไปถึงเป้าหมาย พ่อแม่ควรอดทนรอให้เด็กได้เรียนรู้ ไม่ควรรีบเร่งช่วยเหลือมากเกินไป
6. ผู้ใหญ่คอยกระตุ้น หรือชี้แนะให้เด็กรู้สึกสำเร็จ : เนื่องจาก EF ต้องใช้กิจกรรมใหม่ๆในการฝึกฝนบางขั้นตอนอาจยากเกินไปสำหรับเด็ก พ่อแม่สามารถช่วยชี้แนะ หรือทำให้ดูเพื่อให้เด็กรู้สึกถึงความสำเร็จหรือชัยชนะได้ เพื่อให้เด็กสนุกและอยากทำกิจกรรมต่อไป
7. ฝึกจากกิจวัตรประจำวัน : กิจวัตรประจำวันง่าย ๆ ที่เด็กควรทำได้เองอย่างเรียบร้อยก่อนถึงวัยเข้าเรียน โดยทักษะเหล่านี้ต้องอาศัยทั้ง การจำลำดับขั้นตอนต่าง ๆ ความอดทนพยายามที่จะแก้ไขปัญหาไม่อ่อนไหวต่อสิ่งเร้าที่เข้ามารบกวนเพื่อให้งานเสร็จลุล่วง เช่น เด็กพยายามติดกระดุมด้วยตนเองตามที่แม่สอนก่อนไปโรงเรียน
8. หลีกเลี่ยงการลงโทษเด็กที่ทำให้เกิดความเครียด : เพราะความเครียดส่งผลกระทบต่อการเรียนรู้ ดังนั้นกิจกรรมที่เด็กทำควรรู้สึกสนุกไม่เครียด ไม่กดดันจนเกินไป
9. ให้คำชมหรือรางวัลที่ความพยายามของเด็ก : เมื่อเด็กสามารถทำกิจกรรมได้ตามเป้าหมาย ผู้ปกครองควรมุ่งเน้นที่ความพยายามของเด็ก ไม่ควรมุ่งชมแค่ผลลัพธ์ เช่น วันนี้ลูกตั้งใจล้างจานได้ดีมาก เก่งมากค่ะ
เรียบเรียงโดย OT Mentor #ขอบคุณนะคะที่สอนหนู
#กิจกรรมบำบัด #พัฒนาการ #พฤติกรรมเด็ก