4 มิ.ย. 2021 เวลา 11:00 • หนังสือ
ทำไมถึงเปิดร้านหนังสือ
.
เคยคิดตอนเรียนหลังจากอ่านนิยายพันธุ์หมาบ้าจบว่าอยากเปิดร้านหนังสือชื่อว่า Books & Beers แค่คิดตอนนั้นก็สนุก แต่เพื่อนจะถามทุกครั้งว่า “จะไม่เมาก่อนหรือ”..... นั่นนะสิ
.
ใครหลายคนคงคิดเหมือนผม ฝันอยากมีร้านหนังสือ อยากอยู่ท่ามกลางหนังสือกองโต ความฝันของการเปิดร้านหนังสืออาจเป็นสิบอันดับความฝันแรกที่ใครหลายคนอยากทำ เหมือนเป็น Dreaming 101 และก็เป็นความฝันที่ไม่เคยเกิดขึ้นมากที่สุด ร้านหนังสือเป็นสถานที่โรแมนติกในความคิดของเรา และก็ไม่ปฎิเสธด้วย ตัวผมเองก็โดนความโรแมนติกของร้านหนังสือจากภาพยนตร์อยู่สองเรื่องพามาสู่จุดที่เป็นอยู่ทุกวันนี้
1
Photo by takahiro taguchi on Unsplash
ปี 1998 ภาพยนตร์อย่าง You’ve Got Mail ชวนให้ผมยึดติดกับฉากร้านหนังสืออิสระเฉพาะทาง รายชื่อหนังสือชุด Ballet Shoe ของ Noel Streatfeild เป็นหนังสือเด็กที่ผมก็เคยลองสั่งมาจำหน่ายที่ร้าน ผมจำสามสิ่งได้แม่นจาก You’ve Got Mail อย่างแรกคือ Store Layout จังหวะชั้น ไล่ตั้งแต่ความสูง merchandiser ไปถึง Wall Shelves นี่คือร้านหนังสือเด็ก เพราะฉะนั้นการออกแบบจะรองรับการใช้งานของเด็กและครอบครัว
.
อย่างที่สองคือ CRM ในภาษาการตลาดทั่วไปอาจเรียกว่า Customer Relationship Management แต่ในภาษาหนังสือผมขอเรียกว่า Book Doctor ละกัน บุคลิกของ George ในภาพยนตร์คือคนที่สะท้อนความเป็น Bookseller ได้ชัดเจนที่สุด (ไม่นับ Kathleen Kelly)
Bookseller ต้องรู้อะไร อย่างแรก “เราไม่จำเป็นต้องรู้ทุกอย่าง” แต่ “เราต้องรู้จักหนังสือในหมวดที่เราชอบ” หนังสือออกใหม่ปีละมากมายหลายล้านเล่มเป็นไปไม่ได้ที่เราจะรู้จักทุกเล่มที่ออกใหม่ แต่สิ่งที่ George ผู้ชอบหนังสือเด็กจะต้องตอบได้คือ หนังสือเด็กโดยนักเขียน A มีจุดเด่นอะไร และ cross ไปยังเรื่องของนักเขียน B ได้อย่างไร นั่นคือสิ่งที่เรียกว่าความรู้ของ Bookseller ในทางกว้าง
.
ส่วนของความรู้ทางลึกคือนักเขียน A เคยเขียนหนังสือมากี่เล่ม มีอะไรบ้าง เล่มไหนออกก่อนหลัง เล่มใหม่จะออกเมื่อไหร่ และเป็นเนื้อหาเกี่ยวกับอะไร สิ่งเหล่านี้เมื่ออยู่ในพื้นฐานของ Bookseller เมื่อถูกท้าทายด้วยโจทย์ตามลักษณะลูกค้า อาทิ อายุ เพศ ยิ่งทำให้เกิดมิติของการสร้าง Genre เป็น Customization เฉพาะลูกค้าแต่ละคน สิ่งนี้จะเกิดขึ้นไม่ได้ถ้า Bookseller ไม่รู้จักหนังสือ
.
You’ve Got Mail แทรกพื้นฐานของ Bookselling 101 เอาไว้ในหนังสือ และถือว่าจับแก่นไว้ได้ลงตัว สิ่งสุดท้ายที่ผมจำได้เป็นวลีที่ Frank Navasky เขียนในบทความอธิบายถึง Kathleen Kelly ว่า
"Kathleen, you are a lone reed. You are a lone... reed, standing tall, waving boldly in the corrupt sands of commerce."
1
ประโยคนี้ผมเอาไว้พูดเล่นกับตัวเองบ่อยครั้งยามเกิดอุปสรรคในการทำร้านหนังสือ
Photo by Noralí Nayla on Unsplash
ปีถัดมา 1999 Notting Hill เข้าฉาย ผมได้บัตรฟรีจึงชวนเพื่อนสนิทไปดูที่ Siam Discovery หนังจบลงคงไม่ต้องอธิบายเพิ่มเพราะทุกวันนี้เราก็ยังพูดถึงภาพยนตร์เรื่องนี้กันอยู่ ผมชอบหลายตอนในภาพยนตร์ ส่วนมากตรงกับชีวิตของคนขายหนังสืออย่างผม อาทิ William Thacker รำพึงกับผู้ช่วยว่า “…loss from major sale push” ครับเวลาเราลดราคาหนังสือเราเสี่ยงต่อการขาดทุนถ้าต้นทุนต่อตารางเมตร และอื่นๆยังคงที่
.
นิตยสาร Bookseller ที่ Willam Thacker อ่านบนหลังคานั้นปัจจุบันผมก็ต้องอ่านทุกฉบับ ปัจจุบันความหนาอาจลดลงเยอะ แต่ยังคงเป็นสิ่งจำเป็นต่ออาชีพมาก เพราะนิตยสารไม่ได้รีวิวเฉพาะหนังสืออะไรขายดีเท่านั้น แต่บอกว่าอีก 6 เดือนข้างหน้าจะมีหนังสืออะไรออกมา นักเขียนดังคนไหนจะออกอะไร จุดขายอยู่ตรงไหน ความเคลื่อนไหวในวงการ อาทิ Barack Obama เซ็นสัญญาเขียนหนังสือกับใคร และจะออกเมื่อไหร่ หนังสือปกอ่อนของเล่มขายดีจะออกเมื่อไหร่ JK Rowling พูดอะไรเกี่ยวกับวงการหนังสือ ฯลฯ
ตอนที่ดู Notting Hill ครั้งแรกผมยังไม่ได้อยู่ในวงการหนังสือ เพราะฉะนั้นชื่อหนังสือ นักเขียนหลายๆคนไม่รู้จักเลย เวลาผ่านไป Notting Hill เป็นภาพยนตร์ที่ยิ่งดูยิ่งสนุกเพราะทุกครั้งที่ดูผมจะเข้าใจอะไรหลายๆเรื่องมากขึ้น เมื่อบอกว่า ”ทุกครั้ง” ที่ดู แท้จริงแล้วคือดูทุกปีต่างหาก บางปีดูมากกว่า 1 รอบด้วย ยิ่งเมื่อรวมกับ You’ve Got Mail ที่ผมดูทุกปีเช่นกัน เรียกว่าชีวิตวนเวียนอยู่กับภาพยนตร์สองเรื่องนี้วนไปวนมา
.
สำหรับผมเวลาที่เหมาะที่สุดในการดูภาพยนตร์สองเรื่องนี้คือเดือนธันวาคม ไม่รู้เป็นยังไงสิครับ ดูเดือนเมษายน อารมณ์ไม่เหมือนดูในเดือนธันวาคม
.
สองเรื่องนี้แหละครับ ที่คาใจผมกับอาชีพคนขายหนังสือ หลังจากนั้นไม่นานเมื่อเห็นประกาศรับสมัครงานกับบริษัทหนังสือ ผนวกกับความรู้สึกดีๆกับภาพยนตร์สองเรื่องนี้ ผมจึงสมัครงานในบริษัทหนังสือพร้อมบอกตัวเองไปด้วยว่า คงจะดีไม่น้อยถ้าได้บอกใครๆว่า “I’m in Book Business” ในอารมณ์เดียวกับที่ Joe Fox พูดใน You’ve Got Mail
1
เวลาผ่านไปรู้สึกตัวอีกทีผมก็นั่งขายหนังสือมาร่วมยี่สิบปีได้ และอาจจะเลยจุดเลี้ยวกลับสำหรับวิถีอาชีพมาแล้ว ก็ต้องคงเดินต่อไปข้างหน้าเท่าที่ยังมีทางให้เดินครับ แต่ถ้าใครสักคนถามผมจริงๆว่าทำไมถึงเปิดร้านหนังสือนอกเหนือจากคำอธิบายเชิงตรรกะแล้ว นี่คือสาเหตุที่แท้จริงครับ เพราะผมตกหลุมความโรแมนติกของภาพยนตร์ และร้านหนังสือจนถอนตัวไม่ขึ้น
.
Ode to Booksellers
The Booksmith Bookshop
2
โฆษณา