6 มิ.ย. 2021 เวลา 00:17 • ท่องเที่ยว
🏛สุดสัปดาห์พาเที่ยว🏛 Ep .13 “สาว 200 ปี บุกเมือง2,000ปี Volubilis “
จั่วหัวผิดหรือเปล่า น่าจะเป็น" สาว 2,000ปี บุกเมือง 200 ปี" มากกว่าไหม? ไปดูภาพโมเสคปูพื้นบ้าน แล้วตัดสินใจเอาเองว่าอะไรจะโบราณกว่ากันค่ะ😀
1
ภาพจาก View of the Basilica, Volubilis, Morocco / © Maurizio De Mattei, Shutterstock
ซากปรักหักพัง เสาหินต้นใหญ่ กับโค้งประตูที่เรียงกันไปเป็นแนวยาว โครงสร้างแบบนี้น่าจะอยู่ในอาณาจักรโรมันโบราณแถบยุโรป
1
เมืองเก่าๆนี้มาโผล่อยู่กลางที่ราบเชิงเขาเขียวขจีในประเทศโมรอคโค ทวีปอาฟริกาได้อย่างไร? ใครเป็นคนสร้าง? สร้างเมื่อไร? ชาวเมืองมีชีวิตอยู่กันอย่างไร?
ตามพี่เขียนไปหาคำตอบ กันค่ะ
ภาพจาก https://wanderingwheatleys.com/day-trip-volubilis
เช้าวันที่ท้องฟ้าใส อากาศดี สาวๆเดินทางออกจาก Meknes เมืองหลวงเก่าอีกแห่งหนึ่งของโมรอคโค ขึ้นไปทางเหนือ ซึ่งมีภูมิประเทศเป็นที่ราบกว้างใหญ่ ริมภูเขาที่เห็นอยู่ไกลๆ รถแล่นไปประมาณ 25 กิโลเมตร แล้วก็จอดลงตรงนี้ค่ะ
มองออกไปหลังแนวดอกไม้สีแดงสด และพุ่มไม้เขียวๆคือ แนวต้นไซเปรสยอดสูงแหลม ที่เมือง Volubilis จุดหมายการเดินทางในเช้าวันนี้ค่ะ
เดินค่ะ…ออกกำลังกายเดินแต่เช้า…สดชื่น…ฟ้าสวยจัง
เมือง Volubilis อยู่ที่ขอบฟ้าไกล by เขียนตามใจ
ก้าวแรกผ่านซุ้มประตู
แหงนดูหินก้อนใหญ่ๆที่วางเรียงโค้งเป็นครึ่งวงกลม อยู่เหนือศีรษะของเรา เปรียบประหนึ่งการโค้งต้อนรับเข้าสู่ดินแดนลึกลับ…เชิญย่างก้าวกลับเข้าไปสู่อดีตกาล…
1
สถาปัตยกรรมของคนยุคนั้นช่างน่าทึ่ง แค่คิดว่ากว่าเขาจะเอาหินแต่ละก้อนขึ้นไปวางแนบแน่นพอดีก็มหัศจรรย์ขั้นหนึ่งแล้ว ยังให้หินสามัคคียันกันเองโดยไม่หล่นลงมาใส่หัวคนเป็นเวลานับร้อยๆปีก็มหัศจรรย์ขั้นที่ 2 ….
มหัศจรรย์กำลัง 3 ก็คือเรามีโอกาสได้มาเดินซึมซับบรรยากาศอย่างสงบเงียบ ลมโชยอ่อนๆ แดดยังไม่ร้อน และปราศจากคนพลุกพล่าน
ตามเข้ามากันค่ะ ค่อยๆเดินนะคะ ทางเดินจะเป็นหินปนกรวดทรายขรุขระหน่อย บางตอนก็ชันมีบันไดขั้นใหญ่ๆ ต้องก้าวเดินดีๆค่ะ
เรามีไกด์ท้องถิ่นของที่Volubilis เป็นคนพาเดินชม คนที่ใส่เสื้อลายเดินนำหน้าโน่นล่ะค่ะ
ดูหน้าไกด์ใกล้ๆ ใบหน้ากร้านแดดภายใต้หมวกแก๊ป มีคิ้วที่หนาเข้ม เหนือริมฝีปากมีหนวดดกดำ
ไกด์ค่อยๆพาเราเดินไปตามทาง ที่มีพุ่มไม้ขึ้นอยู่สองข้างทาง
“นี่ต้นอะไรคะ?” คนใดคนหนึ่งถามขึ้นมา ไกด์จึงหยุดเดินโน้มกิ่งไม้ลงมาเด็ดผลให้ดู
“มะกอก!” สาวๆร้องพร้อมกัน ลูกเล็กเรียวๆเหมือน มะกอกเขียวที่เราชอบกินกันไง
“ที่นี่ปลูกต้นมะกอกไว้มากตั้งแต่สมัยก่อนโน้นแล้วครับ “ ไกด์อธิบาย
“น้ำมันมะกอกเป็นสินค้าที่สำคัญ ทำให้เมืองนี้เจริญรุ่งเรือง ไปดูกันครับ “ ไกด์พูดอย่างภาคภูมิใจแล้วพาเราเดินต่อไป
ไกด์หนวดดก
ต้นมะกอกสองข้างทาง
Volubilis วอลูบิลิส เป็นเมืองที่สำคัญร่ำรวยและรุ่งเรืองมากที่สุดในโมรอคโค ตั้งแต่ศตวรรษที่ 3ก่อนคริสตกาล (ประมาณ 2,300 ปีมาแล้ว)
ต่อมาพวกโรมันก็มาผนวกเมืองนี้เข้าไปในอาณาจักร Mauretania ซึ่งกินเนื้อที่ส่วนใหญ่ของอาฟริกาเหนือ ไปจนถึง Sala Colonia ใกล้กับเมือง Rabat ในปัจจุบัน
Volubilis ถือเป็นเมืองด่านหน้า เป็นศูนย์กลางบริหารของเมือง Mauretania Tingitana เพราะ มีการติดต่อค้าขายกับเมืองแถบเมดิเตอร์เรเนียน แลกเปลี่ยนสินค้ากับโรม และยุโรป โดย ส่งน้ำมันมะกอก ปลา ข้าว และไข่มุกไปขาย
เมืองนี้จึงร่ำรวยขึ้นเรื่อยๆ มีการสร้างที่ประชุมสภาใหญ่โต ห้องสมุด และบ้านเรือนพ่อค้าที่ประดับตกแต่งอย่างหรูหรา ห้องอาบน้ำสาธารณะที่มีจาคูซี่ให้นั่งแช่ด้วย ….ยังมีหลักฐานหลงเหลือให้ชมถึงปัจจุบันนี้
ภาพล่างซ้าย โมเสคริมบ่อน้ำในบ้าน  House of Orpheus by เขียนตามใจ
ภาพที่สะดุดตาที่สุดของ ที่นี่ คือ แผ่นโมเสคที่ประดับบนพื้นบ้านของ The House of Orpheus ค่ะ บ้านหลังใหญ่นี้ประกอบด้วยเรือนหลังเล็กๆมาผนวกรวมกัน มีทางน้ำไหลเข้าสู่ห้องอาบน้ำส่วนตัวในบ้านโดยตรง
1
ภาพโมเสคสัตว์น้ำ by เขียนตามใจ
งานโมเสคปูพื้นห้องอาหารนี้ใช้ตัวละครเป็นสัตว์ในนิยายปรัมปราเรื่อง Orpheus ผู้ใช้เสียงดนตรีกล่อมสัตว์ต่างๆให้เชื่อง
ศิลปินมีสไตล์เป็นของตนเอง ใช้ต้นไม้แบ่งวงกลมออกเป็นส่วนๆ มีสัตว์บกหลายชนิด ที่มุมภาพเป็นนก 2 ตัว
โมเสคบนพื้นห้องอาหารของ House of Orpheus by เขียนตามใจ
รายละเอียดของโมเสคบนพื้นบ้าน by เขียนตามใจ
ส่วนโมเสคที่เป็นรูปสัตว์น้ำ ใช้ประดับในห้องอาบน้ำที่มีบ่อใหญ่อยู่ตรงกลาง เป็นสไตล์เดียวกับแฟชั่นที่นิยมในกรุงโรม
เสาสูงบนเนิน By เขียนตามใจ
ระบบน้ำของที่นี่มีaqueduct หรือท่อนำน้ำที่ไหลมาจากภูเขา ส่งไปตามบ้านเรือน ที่เห็นในภาพข้างล่างคือ อ่างจาคูซี่ล่ะค่ะ ไกด์คนนี้ลงทุนลงไปนั่งแช่ให้ดู น่าสบายจริง!
ชาวเมืองนี้คงจะอู้ฟู่มีทั้งเงิน และเวลาหาความสุขสบายให้ตัวเองทุกวิถีทาง
1
ภาพจาก https://www.travelblissnow.com/tour-volubilis-morocco/
เดินลึกเข้าไปด้านในจะพบกับ the Basilica คือ โค้งประตู 8 บานที่สร้างบนเนิน มีเสาสูง เป็นที่ประชุมสภาผู้ปกครองเมือง
The Basilica by เขียนตามใ
เสาสูง และกำแพง แสดงความใหญ่โตของ The Basilica
โมเสคบนพื้น เป็นรูปปลา
สีสันของโมเสคยังสดใส
ภาพบนขวากลมๆสีดำคือโม่ สำหรับบดมะกอก
ส่วนที่สวยที่สุดอีกแห่งคือ ประตูชัย ที่สร้างเพื่อระลึกถึงชัยชนะของ จักรพรรดิของโรม ที่ชื่อว่า Caracalla (188-217)
1
ประตูชัยนี้มีความกว้าง 20 ฟุต เหนือประตูมีอักษรโรมันสลักบนก้อนหิน
ประตูนี้จะอยู่บนถนนสายหลักชื่อว่า Decumanus Maximus ที่ตัดตรงจากประตูเมืองเข้ามา
ประตูชัย Caracalla ภาพจากhttp://www.romeartlover.it/Volubilis.html#Arch
จารึกเหนือประตูชัย ภาพจาก http://www.romeartlover.it/Volubilis.html#Arch
Decumanus Maximus ภาพจาก http://www.romeartlover.it/Volubilis.html#Arch
Decumanus Maximus คือถนนใหญ่ที่ตัดตรงจาก Gate of Tingis ผ่านกลางเมืองที่มีตึกสำคัญๆ บ้านของบุคคลสำคัญต่างๆ ไปสิ้นสุดที่ประตูชัย
ริมถนนใหญ่นี้จะมีหน้าบ้านเป็นซุ้มประตูโค้งใหญ่ๆแบบนี้เรียงรายตลอดทาง นึกภาพว่าเหมือนถนนราชดำเนินที่มีตึกแถวสองข้างถนนค่ะ
ประตูหน้าบ้านที่ติดถนนใหญ่
ชีวิตของเมืองก็เหมือนชีวิตของมนุษย์
1
ความเจริญรุ่งเรือง เมื่อขึ้นถึงขีดสุดก็ถึงเวลาเสื่อมถอย หลังจากVolubilis ไม่ได้อยู่ในอาณาจักรโรมัน ประมาณศตวรรษที่ 5 เมื่อมีผู้รุกรานกลุ่มใหม่เข้ามา
1
แต่Volubilis ก็ยังมีผู้คนอยู่อาศัย เพียงแต่เปลี่ยนไปเป็นกลุ่มอิสลาม และกษัตริย์ Idriss เคยตั้งเมืองหลวงที่นี่เป็นระยะเวลาสั้นๆ ก่อนจะย้ายไปที่เมือง Fes
ต่อมาเมืองก็ไม่ได้รับการดูแล จนค่อยๆเสื่อมลง และ ถูกทำลายโดยแผ่นดินไหว สิ่งก่อสร้างที่พังไม่ได้รับการบูรณะ
ในศตวรรษที่ 17 สุลต่าน Moulay ได้ขนก้อนหิน และหินอ่อนจากที่นี่ไปสร้างบ้านเมืองของตนเองในเมือง Meknes ด้วย เช่น ประตู Bab Mansour
ประตู Bab Mansour ในเมือง Meknes ที่ใช้หินอ่อนจาก Volubilis
เดินดูบริเวณเมืองครบแล้ว อย่าลืมแวะดูพิพิธภัณฑ์ บอกเล่าเรื่องราวการทำน้ำมันมะกอก สินค้าหลักของที่นี่ พบมีเครื่องมือหีบน้ำมันมะกอกถึง 58 แห่ง แสดงว่าบ้านแต่ละหลังต่างก็ทำน้ำมันมะกอกกันเป็นล่ำเป็นสัน
เขาใช้โม่หินธรรมดาๆบดมะกอกให้ละเอียด เอาใส่ในเครื่องกดทับ ค่อยๆบีบให้น้ำมันไหลมารวมกัน
พิพิธภัณฑ์ แสดงการทำน้ำมันมะกอก และโม่บดมะกอก
ภาพแผนที่นี้แสดงให้เห็นอาณาจักรโรมันที่แผ่กระจายไปรอบทะเลเมดิเตอร์เรเนียน Volubilis อยู่ไกลสุดกู่เลยค่ะ จากโรมต้องนั่งเรือข้ามทะเลมาอีกฝั่งหนึ่ง คงเหมือนเป็นเมืองตากอากาศของเศรษฐีโรมันด้วยมั้งคะ
แผนที่แสดงอาณาจักรโรมัน ที่อยู่รอบๆทะเลเมดิเตอร์เรเนียน
เนื่องจากเป็นเมืองที่มีวัฒนธรรมหลากหลาย ในแต่ละช่วงเวลาตั้งแต่ โรมันจนมาถึงชาวBerber และอิสลาม มีหลักฐานทางธรณีวิทยาสำคัญของโมรอคโคและอาฟริกาตอนเหนือ
UNESCO จึงได้ประกาศให้ Volubilis เป็น เมืองมรดกโลกตั้งแต่ปี 1997
ได้เดินดูก็เห็นว่าสมควรได้รับเกียรตินี้ค่ะ เสาหินโค้งประตู ลายโมเสคแสดงถึงอารยธรรมที่คงอยู่มาได้ 2,000 ปี ให้คนยุคปัจจุบันได้ระลึกถึงคุณค่าที่ควรรักษาไว้ให้คงอยู่ต่อไปนานแสนนาน
1
🌸ดูภาพพาเที่ยวกันจุใจไหมคะ แดดเริ่มร้อนแล้วเราไปดูที่พักในเมืองMeknes เปลี่ยนบรรยากาศกลับสู่ปัจจุบันค่ะ🌸
1
โรงแรมทันสมัยในเมือง Meknes และวิวจากห้องพัก
(ที่เราไปเที่ยวโมรอคโคมาก็มีมรดกโลกหลายแห่งนะคะ เช่น ตลาดเขาวงกตที่เมือง Fes https://www.blockdit.com/posts/60a7644fdd77c00c383b3519และตลาดกลางจตุรัสใหญ่ที่ Marrakech https://www.blockdit.com/posts/605340ed57d6ef02bec65a90)
1
🌸สัปดาห์ หน้า น่าจะเป็นตอนจบของทริปนี้แล้วค่ะ ยังไม่ได้ไปดูชายทะเลของโมรอคโคกันเลย …
เลียบฝั่งทะเลเมดิเตอร์เรเนียน ถึงฝั่งแอตแลนติก พบกับสุดสัปดาห์พาเที่ยว วันอาทิตย์หน้า 13 มิ.ย.64 ค่ะ🌸

ดูเพิ่มเติมในซีรีส์

โฆษณา