เจ้าหน้าที่พา Candice ไปตรวจร่างกายและพบคราบอสุจิที่ติดอยู่ที่กางเกงใน พวกเขาเชิญให้คุณหมอมาให้ปากคำ และเพื่อขอตรวจ DNA ซึ่งหมอ John ก็ยินยอมเป็นอย่างดี คุณหมอ John อธิบายว่า ยาตัวที่ให้นั้นบางทีแล้วผลข้างเคียงทำให้คนไข้รู้สึกว่าตัวเองกำลังมีเพศสัมพันธ์อยู่ ไม่ใช่เรื่องแปลกที่ Candice จะรู้สึกว่าตัวเองถูกข่มขืน (ดูเป็นคำอธิบายที่เหมือนจะดี) และยอมให้เจ้าหน้าที่เจาะเลือดเพื่อตรวจหา DNA
ผล DNA ออกมาว่าไม่ตรงกันกับ DNA ของคราบอสุจิที่เจอบนเสื้อผ้าของ Candice พอผลออกมา เจ้าหน้าที่ไม่สามารถดำเนินการจับกุมตัวหมอ John ได้ มิหน้ำซ้ำ คนในเมืองที่ต่างรู้จักหมอ John เป็นอย่างดี (ว่าเป็นคนที่ทำงานหนักเพื่อคนไข้และเพื่อชุมชน เขาเป็น Family Man ที่แต่งงานแล้ว มีลูกของตัวเองสองคน และยังรักลูกติดของภรรยาเหมือนลูกตัวเองอีกด้วย) ต่างพากันรุมประนาม Candice
นอกจากนี้ Lisa ภรรยาของหมอ John ยังออกมาให้สัมภาษณ์ เรียก Candice ว่า “slut” ออกทีวีอีกด้วย เมื่อไม่มีหลักฐานเพียงพอ ตำรวจเลยต้องหยุดการสืบสวนไปในปี 1994
John กับ Lisa ผู้เป็นภรรยา Cr: Forensic file now.
แต่ Candice บอก งานนี้ฉันจะไม่ยอม!!!!!
หลังจากที่เกิดเรื่อง Candice เก็บเงินและว่าจ้างนักสืบให้ตามหา DNA ของหมอ John มาตรวจสอบ นักสืบคนดังกล่าวไปเอาลิปมันที่น่าจะเป็นของหมอ(วางอยู่ในรถ) มาได้ และเมื่อเอาไปตรวจก็พบว่า DNA ของหมอ John ตรงกับ DNA ของคนร้ายที่ข่มขืน Candice จริงๆ!!!!!!!! Candice รู้สึกดีใจมาก ในที่สุด! ชั้นว่าแล้ว! และส่งเรื่องขอให้ตรวจ DNA อีกครั้ง ซึ่งเจ้าหน้าที่ก็ทำตามที่ Candice ร้องขอ แต่ผลคราวนี้ออกมาก็เหมือนเดิม DNA ที่ได้มาจากเลือดของหมอ John ไม่ตรงกันกับ DNA ของคนร้าย (เกาหัวงงกันทั้งแถบ)
Lisa ภรรยาของหมอ เพิ่งมาทราบว่าลูกสาววัย 13 ปี ของตัวเอง ถูกหมอ John ซึ่งเป็นพ่อเลี้ยง ข่มขืนหลายครั้งหลายครา ตอนที่ไปตรวจสุขภาพร่างกาย (โดนวางยาวิธีเดียวกันกับของ Candice เป๊ะๆ) คราวนี้เจ้าหน้าที่ไม่ได้เอาแค่เลือดอย่างเดียว (แถมเจาะเลือดจากปลายนิ้วแล้วคราวนี้) พวกเขาเอา DNA ที่ได้จากผมและจากการปาดกระพุ้งแก้มไปด้วย ผลตรวจ DNA ออกมาว่า DNA ของหมอ John ไม่เพียงแต่จะตรงกับ DNA ที่ได้มาจากลูกเลี้ยงวัย 13 แต่ดันไปตรงกับของคนร้ายในคดีของ Candice อีกด้วย!!!!