6 มิ.ย. 2021 เวลา 12:30 • ภาพยนตร์ & ซีรีส์
Apocalypse Now (1979) – นรกภูมิที่ชื่อว่าสงคราม
โดยปกติแล้ว รสนิยมส่วนตัวเป็นคนหลงใหลในแอ็คชั่นมาก ๆ เพราะเกิดและเติบโตในช่วงยุค 90 ที่หนังบู๊แนวเจอร์รี่ บรัคไฮเมอร์ กำลังได้รับความนิยมจนพลอยให้ตัวเองชอบหนังแนวสงครามที่เกิดไล่เรียงกันในช่วงนั้น จาก Saving Private Ryan ของสปีลเบิร์ก ก็ทำให้เราควานหาหนังสงครามเรื่องอื่น ๆ มาดูอีก จนแล้วจนรอดก็มาถึงหนังสงครามเวียดนามที่ได้ขึ้นชื่อว่า “เป็นหนังสงครามที่ดีที่สุดเรื่องหนึ่ง” อย่าง Apocalypse Now
Apocalypse Now เล่าเรื่องยุคที่สงครามเวียดนามกำลังปะทุ ผู้กองวิลลาร์ด ซึ่งได้รับคำสั่งใหม่จากกองพันที่นาตรังให้ตามล่า หัวหน้ากองกำลังหน่วยพิเศษอย่าง ผู้พัน วอลเตอร์ อี. เคิร์ตซ ซึ่งได้อำนาจควบคุมกองพันตามอำเภอใจและไม่สนใจคำสั่งเบื้องบน ทำให้ผู้บังคับบัญชาลงความเห็นว่า ผู้พันเคิร์ตซ เสียสติจนไม่อาจจะทำหน้าที่ได้เต็มที่และลงความเห็นให้ วิลลาร์ด รับอำนาจกำจัดเคิร์ตซในทุกวิถีทาง ผู้กองวิลลาร์ดจึงได้หวนกลับสู่สมรภูมิเวียดนามอีกครั้ง สู่เส้นทางความบ้าคลั่งและอำมหิตจนอาจจะไม่ได้กลับมาเป็นปกติอีก
ตัวหนังเดินเรื่องเป็นเส้นตรงไม่ซับซ้อน แต่ค่อนข้างใช้เวลาเล่าเรื่องราวแบบค่อยเป็นค่อยไป โดยแบ่งเป็นสามองค์ นั่นคือองค์แรกคือการเข้าสู่เบื้องหน้าของสงครามเวียดนามที่อึกทึกครึกโครม ช่วงเวลานี้จึงเต็มไปด้วยฉากแอ็คชั่นของสมรภูมิสงครามที่ระเบิดระเบ้อ ก่อนที่หนังจะเริ่มเปลี่ยนโทนของหนังเข้าไปสู่ความพรั่นพรึงของสงครามที่เซอร์เรียลมากขึ้นทุกขณะในสององค์หลัง
ความเอกอุและเก่งกาจของหนัง คือ โครงสร้างเรื่องราวมวลรวมทั้งหมดที่สื่อถึงประเด็นความบ้าคลั่งของสมรภูมิสงครามได้ดีเยี่ยม นับตั้งแต่ฉากเปิดที่ดึงดูดคนดูเข้าสู่บรรยากาศสมรภูมิ ทั้งฉากแอ็คชั่นช่วงแรกที่เต็มไปด้วยความโกลาหลรุนแรงและงานสร้างที่ระเบิดภูเขาเผากระท่อมอย่างมาก อีกทั้งจังหวะการเล่าของหนังที่เปลี่ยนแปลงไปในองค์หลังที่เนิ้บช้ามากขึ้น ก็พลอยให้คนดูรู้สึกถึงความวิกลจริตของเรื่องราวและงานภาพอันสวยสด แต่ด้วยสีสันผนวกกับเนื้อหาของหนัง ทำให้เรารู้สึกไม่ต่างไปจากการทัวร์นรกเลยเสียด้วยซ้ำ
นอกจากนี้การกำกับหนังที่เราต้องชื่นชม ฟรานซิส ฟอร์ด คอปโปล่า ที่สามารถสร้างหนังเรื่องนี้จนเสร็จสิ้นได้ แม้จะต้องผ่านปัญหาระหว่างการถ่ายทำหลายอย่างจนเรารู้สึกปวดหัวแทน แต่มันก็กลับกลายเป็นหนึ่งในหนังที่ส่งผลกระทบต่อจิตใจของคนได้พอสมควร
เข้าใจโดยฉับพลันทันทีที่หนังจบว่าทำไม Apocalypse Now ถึงกลายเป็นหนึ่งในหนังสงครามและหนังที่ดีที่สุดในโลก หากแต่ไม่ใช่ว่ามันมาพร้อมเทคนิคงานสร้าง, เสียง และ งานภาพที่วิจิตรสมจริงและบ้าพลัง แต่มันเป็นเนื้อหาที่คล้อยให้คนดูดำดิ่งไปกับความดำมืดของความโหดร้ายจากสิ่งที่เรียกว่า “สงคราม” ความเก่งกาจของเรื่องราวนั้นคือการทำให้เราไหลไปกับความปั่นประสาทที่ยากเกินกว่าจะพรรณนาได้ว่า นี่คือสิ่งที่มนุษย์กระทำต่อมนูษย์ด้วยกัน แถมด้วยความเฉียบคมของหนังซึ่งวิพากษ์วิจารณ์ความรุนแรง ก็ทำให้มันสรุปจบได้อย่างเป็นปรัชญา ถึงความรุนแรงที่มนุษย์สามารถกระทำได้นั้น ก็ไม่ต่างจากพิธีกรรมคือผู้คนยึดมั่นและเชื่อถือพอที่จะกระทำโดยไม่ละอาย
“ความโหดร้าย… ความโหดร้าย… มันได้บังเกิดขึ้นแล้ว”
สรุปแล้ว Apocalypse Now คือหนังสงครามสุดอีพิคที่ควรค่าแก่การหามารับชมสักครั้งหนี่ง มาพร้อมกับงานสร้างบ้าพลังและงานภาพของวิคโตริโอ้ โซราโร่ ที่วิจิตรงดงาม และด้วยเนื้อหาที่ดิ่งลึกไปถึงแก่นของความรุนแรงจากสงคราม อีกทั้งยังโดดเด่นด้วยวิธีนำเสนอสไตล์หนังที่แสนเซอร์เรียล ทำให้เหมือนได้ไปท่องสู่สายธารแห่งความวิกลจริตที่พาเราเข้าใกล้สู่นรกของจิตใจมนุษย์ก็ไม่ปาน นี่คือหนึ่งในชิ้นงานมาสเตอร์พีซแห่งวงการภาพยนตร์เลยสำหรับเรา
5 / 5
Apocalypse Now (1979)
Directed by Francis Ford Coppola
Written by John Milius & Francis Ford Coppola

ดูเพิ่มเติมในซีรีส์

โฆษณา