8 มิ.ย. 2021 เวลา 11:00 • คริปโทเคอร์เรนซี
Synthetic Asset EP3: Net yield and risk evaluation
Disclaimer: บทความนี้ไม่ใช่คำแนะนำการลงทุน แต่มีจุดประสงค์เพื่อการศึกษาเท่านั้น ข้อมูลในบทความนี้ เป็นเพียงความคิดเห็นส่วนตัวของผู้เขียน อาจจะมีข้อมูลบางอย่างไม่ถูกต้อง ซึ่งอาจะเกิดขึ้นได้จากความไม่เข้าใจอย่างถ่องแท้ของผู้เขียนเอง นักลงทุนต้องทำการบ้านด้วยตัวเอง ตัดสินใจด้วยตัวเองนะครับ
การดู net yield ที่ได้จากการ stake LP token ของ synthetic asset ที่เรา mint หรือ swap มาจาก pool นั้น จำเป็นต้องคิดจากเงินลงทุนตั้งต้นทั้งหมด เพราะคนส่วนใหญ่มักจะถูกหลอกด้วยตัวเลข APR ของแต่ละ pool ที่ดูสวยหรู หากแต่ว่าความเป็นจริงแล้ว มันมีความเสี่ยงที่ซ่อนอยู่ที่เราควรเข้าใจก่อนจะทำการ stake หรือวาง LP
ความเสี่ยงแรก: ความผันผวนของราคา underlying asset
การเลือก option mint แทนที่จะเอา UST ไป swap จาก pool มาโดยจรงจะช่วยลดความเสี่ยงตรงนี้ได้ระดับนึง ถึงแม้ว่าหุ้นในตลาดโดยปกติแล้วจะมีความผันผวนของราคาน้อยกว่าเงินคริปโต แต่ก็มีความเป็นไปได้ที่เราอาจจะเจอ liquidate ถ้าหุ้นราคาเพิ่มขึ้นมาเกิน 33% จากวันที่เรา mint
ความเสี่ยงที่ 2: Impermanent Loss (IL)
เป็นเรื่องพื้นฐานที่คนลง farm ใน pool ทุกคนควรจะต้องรู้ เพราะว่าสมการ impermanent loss นั้น โดยหลักการ ไม่ว่าราคาของเหรียญหรือ mAsset ที่เราวางไปใน pool จะขึ้นหรือลง เราก็จะเสีย impermanent loss ทั้งสองด้าน เพียงแต่ loss ด้านฝั่งที่ราคา mAsset ที่ปรับตัวเพิ่มขึ้น จะมี loss น้อยกว่าเมื่อเทียบกับกรณีที่เหรียญปรับตัวลดลง
นั่นแปลว่า การ mint จะเหมาะกับ asset ที่มีแนวโน้มว่าราคาจะลดลงตามเวลา เช่น VIXY เพราะความเสี่ยงในการจะต้องเติมเงินประกันเพิ่มจะน้อย ในขณะที่การ swap จะเหมาะกับ asset หรือหุ้นที่ราคามีแนวโน้มเพิ่มขึ้นในระยะยาว เพื่อที่จะได้กำไรส่วนต่าง capital gain เวลาเราเอา mStock ไป swap คืนเป็น UST ในภายหน้าด้วย
คำถามคือ ถ้าทุกคนคิดแบบนี้ ก็จะไม่มีคนเอา UST มา mint เพื่อสร้าง mAsset แต่กลับไป trade ซื้อจาก pool กันหมดสิ
ก็ไม่เสมอไป เพราะบางคนอาจจะอยากจำกัดความเสี่ยงให้เหลือน้อยที่สุดเพื่อรับจาก yield ในการวาง LP ก็จะเลือกที่จะ mint แทนการ swap
2
ความเสี่ยงที่ 3: ราคา MIR token
อย่างที่เราเห็นกัน ว่า MIR token price มีความผันผวนมากเช่นเดียวกับเหรียญคริปโตอื่นๆ ซึ่งแล้วแต่สภาวะของตลาด ตรงนี้เป็นปัจจัยหลักที่จะทำให้ APR ของ pool เปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็ว โดยเฉพาะในช่วงนี้ ที่ภาวะตลาดเป็นขาลงชัดเจน
สิ่งที่ต้องรู้เพิ่มเติมคือ
1. ค่า fee (1.5% หรือ maximum $1.535 ต่อ 1 transaction) ที่ระบบได้จากคนที่มา mint mAsset จะเอามาแจกให้กับ MIR token holder โดยที่ระบบไม่หักรายได้เข้าตัวเองเลย
2. ค่า fee (0.3% หรือ maximum $0.1 ต่อ transaction) ที่ระบบได้จากคนที่มา swap mAsst หรือขายคืนเป็น UST จะเป็น incentive ให้กับคนที่วาง LP นั้นๆเต็ม 100% โดยที่ระบบไม่หักรายได้เข้าตัวเองเช่นกัน
จะเห็นว่า การกระจายรายได้จาก 2 แหล่งนี้แยกกลุ่มผู้รับผลประโยชน์กันชัดเจน
ฉะนั้น MIR token มูลค่าจะโตได้ก็เพียงได้รายได้จากธุรกรรม mint เพียงอย่างเดียว ไม่มีรายได้เพิ่มขึ้นไม่ว่าจะมีคนมา swap mAsset ถี่แค่ไหน ถ้าคนมา mint น้อย มูลค่า MIR token ก็ไม่โต
เมื่อรวมความเสี่ยงทั้งหมดเข้าด้วยกัน ผมได้ลองทำตารางคำนวณการเปลี่ยนแปลงของแต่ะปัจจัยที่จะมีผลกระทบต่อ net yield ที่เราจะได้จากการ stake LP token โดยกำหนดให้ใช้เงินทุนตั้งต้น $1,000 ในการ mint หรือ ซื้อ mAsset
ถ้าเราเลือกที่จะ mint เราต้องเตรียมเงิน UST อย่างน้อย $1,500 เพื่อให้เพียงพอต่อการคิดสมมติฐานว่าเอา $1,000 ไป mint หรืออาจจะต้องเตรียมเผื่อถึง $1,685 ถ้าอยากจะเอา MIR token ไปวาง LP ต่ออีก step นึง
ฉะนั้น yield จริงๆจะไม่ใช่คิดจากเงิน $1,000 แต่เป็น $1,500 หรือมากกว่านั้นในกรณีถ้าเราต้องเพิ่มเงินประกันถ้าราคาหุ้นวิ่งขึ้นเกิน 33% จนทำให้ collateral ratio ต่ำกว่า 150%
จะเห็นว่า สมมติ APR ของ pool คือ 92.95% แต่จริงๆแล้ว net yield ที่เราได้จากการวาง LP คือ 62% ต่อปีเท่านั้น ในกรณีที่ไม่โดน impermanent loss เลย
ในอีกทาง ถ้าเราจะ swap เอา mAsset เพื่อมาลง LP เคสนี้ตามหลักการแล้ว เราจะได้ yield ที่มากกว่าการ mint ที่ใช้เงินทุนเท่ากัน แต่ก็ต้องแลกมาด้วยความเสี่ยงของราคาหุ้นที่อาจจะปรับตัวลง จนเราติดดอยได้
ความเสี่ยงที่ 4: ขนาดของ liquidity pool
ด้วยสมมติฐานที่ว่า cryptocurrency จะค่อยๆแทรกซึมและได้รับความนิยมเป็นวงกว้างมากขึ้นตามเวลา โดยเฉพาะเมื่อเริ่มมี whale หรือกลุ่มทุนรายใหญ่กระโดดเข้ามามากขึ้นในอนาคต ทำให้มีความเป็นไปได้สูงมาก ว่าขนาดของ pool ก็จะใหญ่ขึ้นและมีคนมาแบ่งเค้กมากขึ้น ทำให้ yield ที่ได้จากการ farm ในระยะยาวจะลดลงๆ จนใกล้เคียงกับดอกเบี้ยในโลก traditional finance ในที่สุด
ทุกๆ 1 เท่าตัวที่ขนาดของ pool เพิ่มขึ้น yield ที่เราจะได้จากการ farm จะลดลงไปครึ่งนึง ตรงนี้ดูได้จาก total liquidity ของ platform นั้นๆ อย่างของ Mirror เอง ก็เพิ่มขึ้นมา 4 เท่าตัวนับจากเดือนกุมภาพันธ์ แต่ก็ย่อตัวลงมา 20% หลังจากที่ตลาด crash ในเดือนที่ผ่านมา
ความเสี่ยงที่ 5: การกำเนิดของคู่แข่งอย่าง stock token
อย่างที่ได้อธิบายไปในตอนก่อน บาง CeFi service อย่างเช่น binance ตอนนี้เริ่มมี stock token ให้เริ่ม trade ได้ ซึ่งมันมีข้อได้เปรียบตรงที่มีหุ้นจริงๆเป็นสินทรัพย์ค้ำประกันในการ generate stock token ออกมา แถมยังได้รับสิทธิ์เงินปันผลเช่นเดียวกันกับการถือหุ้นตัวนั้นจริงๆด้วย
1
Service นี้แหละที่จะเป็นคู่แข่งสำคัญของ synthetic asset ใน DeFi ที่จะแย่ง market share ไปถ้าวันนึงข้างหน้า governance token อย่าง MIR ได้ถูกแจกไปจนหมดแล้ว ก็จะไม่มี incentive ให้คนมา mint หรือวาง LP อีก ตรงนี้ต้องดูกันต่อไป
หวังว่าข้อมูลทั้งหมดนี้พอจะเป็นประโยชน์บ้างสำหรับคนที่กำลังคิดจะลงทุนใน synthetic asset นะครับ
โฆษณา