ชีวิตคู่ของคู่ชีวิต         ชีวิตคู่นั้นเป็นเรื่องของคนสองคนที่จะมาสร้างสรรค์ชีวิตร่วมกัน เป็นคู่ชีวิตกัน ดังนั้นการใช้ชีวิตคู่จริงเป็นสิ่งสำคัญเพราะเราเลือกที่จะมาอยู่กับคนนี้ เพื่อสร้างสรรค์ความสุขร่วมกัน ถ้าอยู่ไปแล้วทุกข์ ก็รังแต่จะทำให้เราไม่มีความสุข ก็ในเมื่อเราเลือกเขาหรือเธอมาเพื่อใช้ชีวิตร่วมกันอย่างมีความสุขแล้วใย มันกลับกลายเป็นทุกข์ไปเสียเล่า นั้นก็เพราะว่าเขาและเธอยังไม่เข้าใจในบางสิ่งบางอย่างอย่างแท้จริง สิ่งที่เขาหรือเธอนั้นยังไม่รู้จักคือ ทั้งตัวของเขาและเธอนั้นแหละ ยังไม่รู้จักว่าเขาทั้งสองขาดอะไร และมันก็ขาดทั้งสองฝ่ายเสียด้วย หาใช่ขาดฝ่ายเดียวเท่านี้น เพราะมันเป็นเรื่องของคนสองคน ถ้าเป็นคนเดียวก็หาใช่ไม่ ก็เหมือนอย่างที่เขาบอกกันว่า ตบมือข้างเดียวไม่ดังนั้นแหละ เมื่อเราพบใครคนหนึ่งที่เราเจอแล้วรู้สึกดีด้วยเป็นครั้งแรก เราเรียกสิ่งนั้นกันว่า "รักแรกพบ" หลังจากนั้นเราก็จัดการทำความรู้จักและดำเนินความสัมพันธ์เรื่อยมาจากคนที่ ไม่รู้จักก็กลายคนรู้จัก คนรู้จักก็กลายเเป็นเพื่อน สิ่งที่ทำให้ความสัมพันธ์พัฒนาจากศูนย์จนมาถึงจุดที่เรียกว่าเพื่อนนี้มัน ขึ้นอยู่กับ "ไลฟ์สไตล์" และ "ทัศนคติ" เพราะทั้งสองอย่างถือเป็นเรื่องพื้นฐานของการทำความรู้จักกันของมนุษย์ คนจะเข้ากันได้ก็ด้วยมีการดำเนินชีวิตที่เหมือนกันหรือคล้ายๆกัน หากจะต่างกันก็เป็นไปได้แต่มันก็เป็นการยาก เพราะหากไม่สามารถทำความเข้าใจหรือรู้จักกันอย่างดีแล้วมันก็อาจจะเป็นไปได้ยาก นอกเสียจากจะปรับเปลี่ยนบางอย่างให้เข้ากัน แต่มันก็อาจจะอยู่ได้ไม่ยั่งยืน เพราะไม่ใช่สิ่งที่ตนเป็นแต่เดิม แต่มันก็สุดแต่ความพยายามและสิ่งที่ยึดมั่น ส่วนทัศนคตินั้นเป็นสิ่งที่ต้องมีควบคู่กันไปเพราะการมีปฏิสัมพันธ์ต่อกัน นั้นต้องมีการแลกเปลี่ยนความคิด เสนอความคิด ออกความเห็นอยู่เนืองๆ หากทัศนคตินั้นไม่ตรงกันก็อาจจะไม่เป็นไร ถ้าไม่ตรงกันเพียงเล็กน้อย แต่ถ้ามันมากก็อาจทำให้เกิดความคิดในแง่ลบซึ่งกันและกันและอาจนำมาซึ่งความ ไม่เชื่อใจซึ่งจะส่งผลกระทบต่อความสัมพันธ์ในระยะยาว หลังจากคบกันเป็นเพื่อนไปนานพอจนความรู้สึกของทั้งสองฝ่าย เปลี่ยนไปจาก เพื่อนกลายเป็นมากกว่าเพื่อน หรือเรียกว่าระยะดูใจก่อนการเป็นแฟน ซึ่งเป็นช่วงที่ต้องฝันฝ่าอุปสรรคซึ่งก็คือการเอาชนะใจอีกฝ่าย การเอาชนะใจคือการทำให้อีกฝ่ายเชื่อมั่นในตัวของเขาว่าเขาจะเป็นคนที่พร้อม จะเป็นคนที่จะมาเป็นว่าที่คู่ชีวิต การเอาชนะใจคือการสร้าง "ความเชื่อใจ" หรือ "ความเชื่อมั่น" โดยใช้ "ความจริงใจ" ทั้งยังทดสอบ "ความอดทน" อีกด้วย ว่าเขาจะมีความพยายามได้นานมากขนาดไหน มากพอที่จะสร้าง "ความเชื่อใจ" ได้หรือเปล่า ด้วยว่าความจริงใจนั้นมากได้จากหลายทางทั้งทาง "การพูดการจา" "การปฏิบัติตัว" เพราะทั้งสองอย่างนี้ถือเป็นสิ่งที่เราต้องเจอทุกวันถ้าเป็นแฟนกันในวันข้าง หน้า อีกทั้งการพูดและการปฏิบัติตัวยังเป็นสื่อถึงนิสัย จิตใจ หรือ ความคิด เพราะคนเราคิดแล้วจึงทำหรือพูด ถ้าหากไม่คิดสิ่งนั้นก็อาจจะออกมาจากกมลหรือพื้นฐานนิสัยที่เป็นอยู่ นอกจากนี้แล้วความเชื่อใจ อาจมาการที่เราคอย ให้ความช่วยเหลือ "การแบ่งปัน" หรือ "น้ำใจ" ของ เรา เพราะว่าในอนาคตเรายังต้องพึ่งพากันไปตลอดชีวิตหากเป็นคู่ชีวิตกัน ยังต้องคอยช่วยเหลือกันอีกในวันข้างหน้า ถ้าหากสามารถฝันฝ่าอุปสรรคเหล่านี้ไปได้ก็จะเข้าสู่สถานะภาพที่เราต่างเรียกกัน ว่า "แฟน"การเป็นแฟนกันนั้นง่ายแต่การรักษาความสัมพันธ์ให้ยั่งยืนนั้นยากยิ่งกว่า เพราะเมื่อความสัมพันธ์พัฒนาไปมันก็ยิ่งซับซ้อนขึ้นเพราะในขณะนี้ทั้งสองเป็นแฟนกันแล้วเป็น ว่าที่อนาคตคู่ชีวิตของกันและกัน การเป็นแฟนกันนั้นทำให้เกิดการคาดหวังว่าจะต้องเป็นคู่ชีวิตกันในอนาคต หรือไม่ก็ตาดหวังว่าชีวิตการเป็นแฟนกันจะต้องมีความสุขเสมอไป หรือบางตนอาจจะแสดงกิริยา อาการ หรือคำพูดใดๆออกมาเพื่อเรียกร้อง หรือเตือน ซึ่งก็เป็นผลมาจากความคาดหวังอีกเช่นกัน และการคาดหวังนี้ก็จะนำมาซึ่งความทุกข์หากไม่เป็นไปดังหวัง ดังนั้นการเป้นแฟนกันนั้นยากตรงที่ต้องเป็นไปตามคาด ซึ่งการคาดหวังนั้นเป็นสิ่งที่ห้ามกันไม่ได้ ดังนั้นการที่จะทำให้ความสัมพันธ์จากแฟนพัฒนาเป็นไปตามความคาดหวัง เราจำเป็นจะต้องมีอีกสามสิ่งเพิ่มเข้ามานั้นก็คือ "ความเสมอต้นเสมอปลาย" "การเสียสละ" และ "การปรับตัว" ทั้งสามสิ่งนี้เป็นสิ่งที่จะทำให้สถานะแฟนหรืออาจเรียกได้ว่า "เตรียมคู่ชีวิต" นี้ยังยืนและเป็นไปตามคาด ความเสมอต้นเสมอปลายนำมาซึ่งความเข้าใจกันและเชื่อใจกันมากยิ่งขึ้น การเสียสละช่วยลดการทะเลาะกันอีกทั้งยังช่วยสร้างความเห็นใจและความเชื่อใจ ไปในตัวด้วย ส่วนการปรับตัวถือเป็นสิ่งที่สำคัญมากเพราะคนเราไม่ได้เกิดมาเหมือนกัน ทุกอย่าง แม้แต่ฝาแฝดพี่น้องท้องเดียวกันยังมีจุดต่างกันเลย ประสาอะไรกับคนที่เกิดจากคนละพ่อคนละแม่จะมาเหมือนกันได้ ดังนั้นการปรับตัวเขาหากันจึงเป็นสิ่งที่จำเป็น เพราะในบางครั้งอาจจะเกิดการกระทบกระทั้งบางหากถอยคนละก้าวแล้วคุยกันดีๆ ปรับทัศนคติให้ตรงกัน เพื่อจะได้เข้าใจกันและไม่นำไปสู่การบั่นทอนความเชื่อใจกัน การปรับตัวนี้หาใช่การเปลี่ยนแปลงตัวเองไปจากความเป็นตัวเองแต่เป็นการ เปลี่ยนความคิดบางอย่างบางจุดให้เข้าหากันเพื่อทำความเข้าใจ ถ้าหากศึกษากันจนมากพอแล้วความสัมพันธ์จะพัฒนาไปเป็นสถานะที่เราเรียกกันว่า "คู่ชีวิต" หรือ "ครอบครัว"  สำหรับการเริ่มสถานะ คู่ชีวิต หรือ ครอบครัวนี้ เป็นเพียงจุดเริ่มต้นของการอยู่ร่วมกันทำให้การอยู่ร่วมกันนี้ต้องมีอะไรที่ มากกว่าที่เป็นมาก่อนมาก ทำให้เราต้องการสิ่งมารองรับหรือคอยประคองชีวิตคู่ให้ดำเนินต่อไปได้ นั้นก็คือ ความเชื่อใจ ความจริงใจ