6 มิ.ย. 2021 เวลา 15:27 • วิทยาศาสตร์ & เทคโนโลยี
แครอน ดาวบริวารที่ใหญ่สุดของพลูโต
ถูกค้นพบโดยเจมส์ คริสตี เมื่อวันที่ 22 มิถุนายน พ.ศ. 2521 เกือบศตวรรษหลังจากที่ดาวพลูโตถูกค้นพบ การค้นพบครั้งนี้ได้นำไปสู่การประมาณขนาดของดาวพลูโตใหม่ ซึ่งเมื่อก่อนเคยสันนิษฐานว่ามวลที่สังเกตได้และแสงสะท้อนของระบบมาจากดาวพลูโตเพียงอย่างเดียว
ดาวบริวารอีกสองดวงถูกถ่ายภาพได้ โดยคณะนักสำรวจดาวพลูโตที่กำลังเตรียมการสำหรับภารกิจนิวฮอไรซันส์บนกล้องโทรทรรศน์อวกาศฮับเบิล เมื่อวันที่ 15 พฤษภาคม พ.ศ. 2548 โดยดาวบริวารทั้งสองดวงได้รับชื่อชั่วคราวว่า S/2005 P1 และ S/2005 P2 ต่อมาสหพันธ์ดาราศาสตร์สากลได้ตั้งชื่อดาวบริวารทั้งสองดวงอย่างเป็นทางการว่า นิกซ์ (หรือ พลูโต II) และไฮดรา (หรือ พลูโต III) ในวันที่ 21 มิถุนายน พ.ศ. 2549 เคอร์เบอรอส ดาวบริวารดวงที่สี่ถูกค้นพบเมื่อวันที่ 20 กรกฎาคม พ.ศ. 2554 โดยถูกตรวจจับได้โดยกล้องโทรทรรศน์อวกาศฮับเบิล ขณะกำลังค้นหาวงแหวนของดาวพลูโต และดาวบริวารดวงสุดท้าย สติกซ์ ถูกค้นพบเมื่อวันที่ 7 กรกฎาคม พ.ศ. 2555 ระหว่างการสำรวจหาความอันตรายที่อาจเกิดกับยานนิวฮอไรซันส์
ดาวเคราะห์แคระ (Dwarf planets) คือดวงดาวที่มีลักษณะคล้ายดาวเคราะห์ หรือดาวเคราะห์น้อย โดยมีคุณสมบัติที่สำคัญ 4 ประการ คือ
1) โคจรรอบดวงอาทิตย์
2) มีมวลมากพอที่ก่อให้เกิดสมดุลไฮโดรสแตติก (Hydrostatic equilibrium) จากการต้านกันระหว่างแรงโน้มถ่วงของดวงดาวและแรงที่กระทำต่อวัตถุแข็งเกร็ง (Rigid body forces) ซึ่งทำให้ดวงดาวมีรูปร่างเป็นทรงกลม หรือ ทรงกลมเกือบสมบูรณ์
3) มีวงโคจรไม่แน่ชัด และไม่สามารถควบคุมแรงดึงดูดและวงโคจรของวัตถุต่างๆ ที่อยู่รอบวงโคจรของตัวเองได้
4) ไม่เป็นดวงจันทร์บริวารของดาวดวงอื่น
ดาวเคราะห์แคระได้รับการเสนอขึ้นโดยสหพันธ์ดาราศาสตร์สากล (International Astronomical Union หรือ IAU) ตามการจำแนกชนิดดาวเคราะห์ เมื่อวันที่ 24 สิงหาคม ปี 2006 เช่นเดียวกับการเปลี่ยนสถานะของดาวพลูโตจากดาวเคราะห์เป็นดาวเคราะห์แคระ หลังการค้นพบวัตถุแข็งและดาวเคราะห์น้อยจำนวนมากในระบบสุริยะชั้นนอก (Outer solar system) ผสานกับคุณสมบัติของดาวพลูโตที่มีวงโคจรไม่สมบูรณ์เหมือนดาวเคราะห์ดวงอื่น ซึ่งดาวพลูโตนั้นโคจรเป็นวงรีและมีบางส่วนของวงโคจรซ้อนทับกับวงโคจรของดาวเนปจูน อีกทั้ง ดาวพลูโตยังเป็นดวงดาวที่ไม่สามารถควบคุมแรงดึงดูดของตัวเองได้อีกด้วย
ขณะนี้ นอกจากดาวเคราะห์ 8 ดวง ในระบบสุริยะยังมีดาวเคราะห์แคระ อีก 5 ดวง ได้แก่ ดาวพลูโต (Pluto) ดาวซีรีส (Ceres) ดาวอีริส (Eris) ดาวเฮาเมอา (Haumea) และดาวมาคีมาคี (Makemake) นอกจากดาวเคราะห์แคระซีรีส ซึ่งอยู่ในแถบดาวเคราะห์น้อย (Asteroid Belt) ดาวเคราะห์แคระอีก 4 ดวง จัดอยู่ในระบบสุริยะชั้นนอก หรือ แถบไคเปอร์ (Kuiper Belt)
แครอน (อังกฤษ: Charon) เป็นดาวบริวารของดาวพลูโต ที่ถูกค้นพบเมื่อ พ.ศ. 2521 โดยเจมส์ คริสตี (James W. Christy) นักดาราศาสตร์แห่งหอดูดาวกองทัพเรือสหรัฐ ทุกวันนี้นักดาราศาสตร์พบว่า แครอนมีขนาดใกล้เคียงกับพลูโต คือมีเส้นผ่านศูนย์กลางประมาณ 1,207 กิโลเมตร ขณะที่พลูโตมีเส้นผ่านศูนย์กลางประมาณ 2,390 กิโลเมตร และจากนิยามใหม่ของดาวเคราะห์และดาวเคราะห์แคระ อาจถือได้ว่า แครอนและพลูโตเป็นดาวคู่ที่เป็นดาวเคราะห์แคระอยู่ในแถบไคเปอร์ ภายหลังการค้นพบดาวบริวารอีกสองดวงของพลูโต คือ นิกซ์ (Nix) และไฮดรา (Hydra) เมื่อ พ.ศ. 2548 บางครั้งนักดาราศาสตร์ก็เรียกแครอนว่า พลูโต I
การค้นพบแครอน
เมื่อวันที่ 22 มิถุนายน พ.ศ. 2521 เจมส์ คริสตี ได้พบแครอนโดยบังเอิญ จากการศึกษาภาพถ่ายของพลูโต เพื่อคำนวณหาข้อมูลวงโคจร เขาพบว่าด้านหนึ่งของผิวดาว มีรอยป่องแปลกๆ รอยป่องนี้ดูจะเคลื่อนไปรอบพลูโตทุก 6.4 วัน เขาสรุปว่านั่นคือดาวบริวารของพลูโต และตั้งชื่อดาวดวงนี้ว่า แครอน (Charon) ตามชื่อของ คนพายเรือพาวิญญาณ ข้ามแม่น้ำแห่งความตายไปสู่อาณาจักรของเฮดีส (พลูโต) ในตำนานกรีก และเพื่อเป็นเกียรติแก่ภรรยาของเขา ที่ชื่อ ชาร์ลีน
นักดาราศาสตร์จะได้ศึกษาแครอนและพลูโตอย่างละเอียดในปี พ.ศ. 2558 เมื่อยานนิวฮอไรซันส์ของนาซา ซึ่งถูกปล่อยเมื่อวันที่ 19 มกราคม พ.ศ. 2549 เดินทางไปถึงวงโคจรของดาวทั้งสองในเดือนกรกฎาคม พ.ศ. 2558
โฆษณา