6 มิ.ย. 2021 เวลา 17:12 • ปรัชญา
รู้แล้วถึงกับอึ้ง…นิ้วมือ 5 นิ้ว บอกอะไรคุณได้บ้าง
ความหมายและความสำคัญของนิ้วทั้ง 5
คุณเคยสงสัยบ้างหรือไม่ว่า นิ้วมือแต่ละนิ้วของคนเรานั้น นอกจากจะมีหน้าที่ในการหยิบจับ ประคับประคองสิ่งของวัสดุต่างๆ ได้ตามกำลังและหน้าที่ของแต่ละนิ้วแล้ว ยิ่งเป็นการประสานพลังรวมกันทั้ง 5 นิ้วแล้วละก็ จะยิ่งเพิ่มพลังแห่งการหยิบจับและยึดเกาะได้อย่างดีเยี่ยมเลยทีเดียว
วันนี้ จะยังไม่พูดถึงพลังอำนาจของนิ้วทั้ง 5 นิ้วนั้น ว่าแต่ละนิ้วมีพลัง มีอำนาจ มีแรงยึดจับ มีแรงประคอง หรือมีความสำคัญอย่างไร แต่จะให้ความหมายของนิ้วทั้ง 5 นิ้วนั้นว่า แต่ละนิ้วมีความหมายว่าอย่างไร ซึ่งเมื่อคุณได้รู้ความหมายที่แท้จริงของนิ้วแต่ละนิ้วแล้ว อาจถึงกับอึ้งไปเลยก็เป็นได้
คุณเคยสังเกตบ้างหรือไม่ว่า เวลาเรานิมนต์พระมาเจิมบ้าน เจิมร้าน เจิมห้าง เจิมรถ พระสงฆ์ท่านใช้นิ้วไหนในการเจิมอักขระเลขยันต์ และเคยสังเกตบ้างหรือไม่ว่า เวลาที่ผู้ใหญ่ผู้เป็นประธานในพิธีงานมงคลสมรสของคู่บ่าวสาว แต่ละท่านใช้นิ้วมือนิ้วไหนเจิมหน้าผากสามจุดให้แก่คู่บ่าวสาว และทำไมท่านถึงต้องเลือกใช้นิ้วนั้นๆ ในการเจิม
วันนี้เราจะมาค้นหาความหมาย ดื่มด่ำกับเคล็ดความรู้ของบรรพชนที่ลึกล้ำ ที่เมื่อได้รู้ความหมายแล้ว ก็อาจทำให้คุณอึ้งและทึ่งในความลึกซึ้งแยบยลของคนโบราณอย่างแน่นอน
1. นิ้วหัวแม่มือ หรือ นิ้วโป้ง
หากพระสงฆ์หรือผู้หลักผู้ใหญ่ผู้เป็นประธานในพิธีฯ ท่านเลือกใช้หัวแม่มือในการเจิม นิ้วหัวแม่มือนั้น จะมีความหมายเน้นหนักไปในเรื่องของความหนักแน่น มั่นคง สามารถเก็บเกี่ยวผลประโยชน์ได้มาก จะสังเกตได้ว่า คนภาคเหนือหรือคนอีสาน เวลาทานข้าวเหนียว จะใช้นิ้วหัวแม่มือหยิบจับแบ่งคำข้าวและจ้ำกับข้าว ตักตวงบรรจงเป็นคำข้าวได้อย่างพอดีคำ หากไม่มีนิ้วหัวแม่มือซึ่งเป็นนิ้วมือที่มีขนาดใหญ่และแข็งแรงที่สุดไปเสียแล้ว การหยิบจับใดๆ ก็คงทำได้ไม่เต็มประสิทธิภาพ นิ่วหัวแม่มือจึงเป็นนิ้วที่มีพลัง หนักแน่น และมั่นคง
2. นิ้วชี้
เป็นนิ้วสำหรับใช้ในการชี้นำ ชี้ทาง ชี้แจง ชี้จุด ชี้แนะ ชี้ให้ทำ ชี้ตำแหน่ง ชี้พิกัด นิ้วชี้จึงมีความหมายถึงพลังอำนาจในการสั่งการ ความเป็นใหญ่ และกำหนดชะตาชีวิต ดังนั้น มือข้างหนึ่งๆ จะมีนิ้วชี้ได้เพียงนิ้วเดียวเท่านั้น หากนิ้วชี้มีหลายนิ้ว หรือนิ้วที่ไม่มีสิทธิ์ไม่ได้รับหน้าที่ให้ชี้เกิดไปทำหน้าที่ชี้เข้า แบบนี้ก็มั่วไปหมด นิ้วชี้จึงต้องเด็ดขาด และมีเอกสิทธิ์ได้ชี้แต่เพียงนิ้วเดียวเท่านั้น
3. นิ้วกลาง
มีความหมายและลักษณะบ่งบอกถึงความยาว ความสูง เมื่อนำนิ้วมือทั้ง 5 นิ้วมาวางเรียงชิดติดกันแล้ว ก็จะเห็นได้ว่า มีนิ้วกลางนิ้วเดียวเท่านั้นที่สูงชะลูด ยาวขึ้นมาโดดเด่นเกินหน้าเกินตานิ้วอื่นๆ นั่นก็หมายความว่า นิ้วกลางนั้น เป็นนิ้วที่สูงที่สุด ยิ่งสูงก็ยิ่งหนาว บางคราวอาจโดดเดี่ยว เมื่อสูงกว่าเขา ยาวกว่าาเขา การเป็นผู้หลักผู้ใหญ่จึงต้องมีความอดทน เสียสละ อดออม ทำหน้าที่ให้สมกับความเป็นผู้หลักผู้ใหญ่ พระสงฆ์หรือประธานในพิธีมงคลสมรสส่วนใหญ่ ก็เลือกใช้นิ้วกลางในการเจิมบ้าน เจิมรถ เจิมสมุดหนังสือตำรับตำรา และเจิมจุดมงคลบนหน้าผากให้คู่บ่าวสาว ถึงแม้จะขัดต่อความรู้สึกของคนรุ่นใหม่ที่เมื่อใดที่เห็นนิ้วกลาง ก็อาจให้ความหมายในทางลบหรือการด่าทอด้วยอวัจนภาษา แต่ก็หาได้เป็นประมาณในความหมายในที่นี้แต่อย่างใด
4. นิ้วนาง
เป็นนิ้วที่คอยสำคัญอีกนิ้วหนึ่งในบรรดา ๕ นิ้วนั้น และจัดว่าเป็นนิ้วที่มีความสวยงามอ่อนหวาน และน่ารัก เป็นนิ้วที่คอยประคับประคองให้นิ้วทั้ง 5 ทำงานประสานสอดคล้องกันได้อย่างเกิดประสิทธิภาพสูงสุด ดังนั้น นิ้วนางจึงหมายถึงความรักสวยรักงาม แต่ก็มีความอ่อนไหว ออกจะใจลอย คอยเผลอตัวเผลอใจ จิตใจไม่แน่นอน ไม่มั่นคง อารมณ์อ่อนไหว ที่กล่าวมาทั้งหมดนี้ ไม่ได้หมายความว่านิ้วนางนี้เป็นนิ้วที่ไม่มีประโยชน์เอาเสียเลย ในทางตรงกันข้าม ความรักสวยรักงาม ความอ่อนไหวต่ออารมณ์และความรู้สึก ความโลเลเอาแน่เอานอนไม่ได้ ความมีมนุษยสัมมพันธ์ดีกับทุกๆ คนที่ผ่านเข้ามา ความเป็นคนตลกเฮฮา ก็ออกจะมีเสน่ห์ชวนหลงไหล ชวนให้ค้นหา และอยากได้มาครอบครองเสียด้วยซ้ำ ดังนั้น คนเฒ่าคนแก่ในสมัยก่อนท่านจึงให้เอาแหวนมาสวมใส่เอาไว้ให้นิ้วนางข้างซ้ายของคู่บ่าวสาว เพื่อให้มีความหนักแน่นมั่นคง เป็นการหมั้นหมายไว้เพื่อเป็นเครื่องเตือนใจว่าต่อจากนี้ไปขอให้อย่าได้เป็นคนหลายใจอีก ให้มั่นคงหนักแน่นเฉพาะในคู่ครองของตนเองเท่านั้น ไม่ไปหว่านเสน่ห์โปรยคำหวานบริหารเสน่ห์ตามอำเภอใจอีกต่อไป
5. นิ้วก้อย
เป็นนิ้วสุดท้องน้องสุดท้ายที่มีขนาดเล็กที่สุดในบรรดานิ้วทั้ง 5 นั้น ทำหน้าที่เป็นเหมือนหางเสือบังคับทิศทาง และช่วยประคองให้นิ้วทั้ง 5 ทำงานร่วมกันได้อย่างมีประสิทธิภาพ ซึ่งนิ้วก้อยนี้ มีความหมายบ่งถึงความน่ารัก น่าเอ็นดู ความเจียมเนื้อเจียมตัว ความอ่อนน้อมถ่อมตน เป็นสัญลักษณ์ของผู้น้อย ซึ่งต้องพัฒนาตนเองอยู่เสมอ ตรงกับคำพูดที่ว่า “ไม่สูงให้เขย่ง ไม่เก่งให้ขยับ ไม่กระชับให้แก้ทรง ไม่ตรงให้ดัด ไม่ฝึกไม่หัด แล้วจะถนัดได้อย่างไรกัน” นิ้วก้อยจึงเป็นสัญลักษณ์ของผู้น้อย เป็นสัญลักษณ์ของเด็กน้อยที่กำลังน่ารักน่าเอ็นดูของผู้หลักผู้หลักผู้ใหญ่ เป็นเสน่ห์ดึงดูดผู้ได้พบเห็น เป็นสัญลักษณ์แห่งการยินยอม ยอมรับ ยอมแพ้ ยอมง้อ ยอมประนีประนอม ยอมให้อภัยซึ่งกันและกัน จะสังเกตได้ว่า ในเวลา ในสถานการณ์ หรือในเหตุการณ์ที่คนรัก เพื่อน หรือคนเราทะเลาะเบาะแว้งกัน ผิดอกผิดใจกัน ไม่เข้าใจกัน งอนกัน น้อยใจกัน ในเวลาคืนดีกันหรือในเวลาให้อภัยกันก็ต้องเอานิ้วก้อยมาเกี่ยวก้อยคืนดีกัน อันนี้น่าจะเป็นการให้ความหมายของนิ้วก้อยได้ดีที่สุด
แต่ไม่ว่าจะเป็นนิ้วไหนในบรรดานิ้วทั้ง 5 นั้น ก็ไม่มีนิ้วไหนจะดีเด่นหรือว่าด้อยค่าไปกว่ากันแต่อย่างใด แต่ละนิ้วต่างก็มีข้อดีแตกต่างกันไป และเมื่อนำนิ้วทั้ง 5 มาเรียงกันเป็นฝ่ามือหรือเป็นอุ้งมือ ก็เกิดความสวยงามเป็นระเบียบและเกิดมีพลังอำนาจในการหยิบจับ ประคับประคอง ยึดเกาะ เหนี่ยวนำ ฉุดดึง ผลักดัน และรวมตัวกันแล้วก่อให้เกิดเป็นผลสัมฤทธิ์ประสิทธิ์เป็นอาวุธโจมตีคู่ต่อสู้ได้อย่างมีประสิทธิภาพ
เป็นอย่างไรบ้างครับ เมื่อได้อ่านมาจนถึงตอนท้ายของบทความนี้แล้ว ทำให้ได้รู้จักและทำความเข้าใจความหมายของนิ้วทั้ง 5 ในแง่มุมที่แตกต่างไปจากที่เคยรับรู้มาก่อน คงจะทำให้เกิดความรู้สึกอึ้งได้ไม่ใช่น้อยอย่างแน่นอน...
โฆษณา