8 มิ.ย. 2021 เวลา 09:47 • ครอบครัว & เด็ก
เป็นแม่เลี้ยงเดี่ยว โดยเต็มใจ หรือไม่เต็มใจ
สิ่งที่ต้องเตรียมตัว ก็มีแค่เพียงหัวใจ เท่านั้นเอง
ทุกวันนี้ผู้หญิงหลายคนที่กำลังต้องกลายเป็นแม่เลี้ยงเดี่ยว
สาเหตุอาจะเพราะสามีเสียชีวิต หรือการเลิกรากันไป
แต่ไม่ว่าจะด้วยสาเหตุอะไร อีฟอยากบอกว่า มันไม่มีอะไรแย่ไปตลอด
เนื้อหาต่อไปนี้ เป็นเพียงความคิดเห็นและคำแนะนำจากอีฟเท่านั้นนะคะ ลองเอาไปปรับใช้ เผื่อเป็นประโยชน์กับใครที่กำลังจะต้องเป็นแม่เลี้ยงเดี่ยวค่ะ
มองโลกตามความจริง ทำความเข้าใจว่าเรื่องที่เกิดขึ้น มันแก้ไขอะไรไม่ได้ แต่สิ่งที่เราทำได้ ก็คือใช้ชีวิตต่อไปให้ดีที่สุด
ยอมรับกับตัวเองและอธิบายให้ลูกฟังว่าคุณกำลังเครียดและทุกข์ใจ แต่มันจะผ่านไปได้ ทุกอย่างจะดีขึ้น
เลิกโทษตัวเอง หรือโทษใคร อย่าจมกับสิ่งที่มันเพิ่งผ่านไป เปลี่ยนโฟกัสมาที่ลูก และให้ความสำคัญกับตัวเองมากขึ้น
ควบคุมสติตัวเอง มันอาจจะมีบางครั้งที่เราเหนื่อยจนหงุดหงิด หรือโมโหที่หลายๆอย่างมันไม่เป็นดั่งใจ แต่การใช้อารมณ์ ไม่เคยทำให้ปัญหาต่างๆจบลงอย่างสวยงาม
ดูแลสุขภาพร่างกายและจิตใจตัวเองให้แข็งแรง เพราะมันเป็นเรื่องพื้นฐานก่อนที่เราจะทำเพื่อคนอื่น บางครั้งการเหน็ดเหนื่อยจากการเลี้ยงลูก อาจทำให้เราหลงลืมที่จะทำในสิ่งที่เรารัก หรือให้ความสุขกับเราบ้าง ดังนั้น หาเวลาสักนิดหน่อยไปออกกำลังกาย สระไดร์ผม ทำเล็บ ขัดผิวเพื่อปรนนิบัติและเติมพลังให้ตัวเองบ้าง แล้วกลับมาทำหน้าที่ต่อไป
เตรียมตัว และวางแผนถึงสิ่งที่ไม่คาดฝันจะเกิดขึ้น หากอยู่บ้านกันเพียงสองคน ยาสามัญประจำบ้านถือเป็นสิ่งที่จำเป็น
เบอร์โทรศัพท์ที่ต้องใช้เวลาฉุกเฉิน และดูแลเรื่องความปลอดภัยในบ้าน หากลูกยังเล็ก ควรเก็บสิ่งของที่เป็นอันตรายให้พ้นมือลูก
เช่นกรรไกร มีด.
วางแผนการเงินสำหรับตัวเองและลูก เงินสำรอง6เดือนหรือมากกว่านั้น เงินทุนสำหรับค่าเล่าเรียนและอุปกรณ์การเรียนของลูก
เงินค่ารักษาพยาบาล และถ้าให้ดี ทำประกันสุขภาพและประกันอุบัติเหตุให้ตัวเองและลูก เพื่อลดภาระค่าใช้จายที่ไม่คาดฝัน
ค่าของกินของใช้ในบ้านที่จำเป็น แบ่งกองเงินให้ชัดเจน และใช้จ่ายอย่างฉลาดที่สุด
สอนให้ลูกรู้จักรับผิดชอบ และช่วยเหลือตัวเองในเบื้องต้น เพื่อแบ่งเบาภาระ เช่นการเก็บเสื้อผ้าใส่ตะกร้า เก็บของเล่นเข้าที่ เก็บที่นอนตอนตื่น แปรงฟันล้างหน้า ใส่เสื้อผ้าเอง หรือหากลูกโตพอที่จะช่วยทำงานบ้านได้ ก็ให้ลูกช่วยแบ่งเบาภาระง่ายๆ เพื่อสอนให้เค้ารู้จักหน้าที่ตัวเอง และแม่ก็ได้เบาแรงด้วยค่ะ
มองหาคนใกล้ตัว หรือคนในครอบครัวเรา ที่พอจะฝากลูกเอาไว้ในวันที่เรามีธุระ หรือจำเป็นจริงๆ อาจจะเป็นพ่อแม่เรา หรือคนรู้จักที่เราพอจะไว้ใจได้บ้าง และอีกอย่างต้องเป็นคนที่เด็กคุ้นเคยและไว้ใจ เพื่อไม่ให้ลูกรู้สึกว่าถูกทอดทิ้ง
และสิ่งสุดท้าย ที่คิดว่าสำคัญมากสำหรับแม่หรือแม้แต่พ่อ ที่เลี้ยงเดี่ยวก็ตามค่ะ บางครั้งหากการแยกย้ายกันไปมีชีวิตใหม่ แต่ความเป็นพ่อเป็นแม่ยังคงอยู่เหมือนเดิม หากมีบางครั้งที่พ่ออยากแวะมาเจอลูก หรือใช้เวลากับลูก เราก็ควรเข้าใจ และไม่กีดกันค่ะ ความเป็นสามีภรรยามันเลิกรากันได้ แต่ไม่ใช่กับความเป็นพ่อแม่ค่ะ อย่าสอนให้ลูกเกลียดพ่อหรือแม่ อย่าไปพูดในสิ่งที่เราคิดให้ลูกเข้าใจอย่างเรา เข้าใจนะบางคู่อาจจะจากกันด้วยไม่ดี แต่นั่นไม่ใช่ความผิดของลูกหรือเปล่า
ปล่อยให้ลูกเป็นคนตัดสินใจว่าเค้าจะรักใครหรือไม่รักใคร แต่หน้าที่ของเราคือสอนให้ลูกรู้และยอมรับว่าคนนี้คือพ่อ หรือแม่ เลี้ยงลูกอย่างปกติที่สุด ทำให้ลูกโตมาอย่างที่เด็กคนนึงควรจะเป็น อย่าไปสร้างปมว่าเค้าต้องขาดใคร หรือไม่เป็นที่รัก แต่สอนให้เค้าโตมาเป็ฯผู้ใหญ่ที่ดี มีความรับผิดชอบก็น่าจะเพียงพอ
โฆษณา